“ทักษิณ” ย้ำจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ทุกพระองค์อย่างหาที่สุดมิได้ ออกแถลงการณ์เปิดใจข้ามประเทศจากลอนดอน ถ้ามีวาสนาจะขอกลับมาตายเมืองไทยเหมือนคนไทยทุกคน ระบุ “วันนี้ไม่ใช่วันของผม” พร้อมขอโทษคณะผู้พิพากษาและผู้ให้การสนับสนุน แจงเหตุที่จำเป็นต้องไปพักที่อังกฤษเพราะขบวนการจ้องกำจัดยังดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การยึดอำนาจ กระทั่งส่งคนเข้าแทรกซึมอยู่ในองค์กรต่างๆ ชี้ตั้งใจจะกลับมาพึ่งพากระบวนการยุติธรรม แต่ก็ยังมีความกังวล รวมทั้งยังมีข่าวเข้าหูอยู่ตลอดเวลาว่าจะมีการลงมือถึงขั้นเอาชีวิต
การตัดสินใจไม่เดินทางกลับประเทศไทย ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และครอบครัว ตามกำหนดการเดิมที่จะบินกลับจากประเทศจีนด้วยเที่ยวบิน TG615 ถึงประทศไทยในเวลา 21.45 น. ของคืนวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา เป็นประเด็นที่ถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวาง ตลอดทั้งวันที่ 11 สิงหาคม โดยในวันดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ส่งโทรสารแถลงการณ์ข้ามประเทศ เพื่อขออภัยต่อคณะผู้พิพากษาและประชาชนที่ให้การสนับสนุน ที่ต้องเดินทางต่อไปพำนักในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยไม่กลับประเทศไทย ด้วยห่วงเรื่องความปลอดภัย
พร้อมกันนี้ยังย้ำถึงความจงรักภักดี แต่มีคนใส่ร้ายและยืนยันว่าไม่ได้เลวดังข้อกล่าวหา และหากมีวาสนาจะขอกลับมาตายบนแผ่นดินไทย เหมือนกับคนไทยทุกคน
ทั้งนี้แถลงการณ์ดังกลาวจั่วหัวเรื่องว่า “การไม่ไปรายงานตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” โดยมีใจความว่าก่อนอื่นกระผมต้องกราบขออภัยต่อคณะผู้พิพากษาคดีที่ดินรัชดาฯ และพี่น้องประชาชนผู้สนับสนุนผมทุกท่าน ที่ผมและภรรยาได้เดินทางมาพำนักที่ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นประเทศที่ยึดหลักการประชาธิปไตยเหนือสิ่งอื่นใดและไม่ได้ไปรายงานตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง
สิ่งที่เกิดขึ้นกับผมและครอบครัว พร้อมกับบุคคลผู้ใกล้ชิดเป็นผลพ่วงต่อเนื่องมาจากความต้องการขจัดผมออกจากการเมือง ด้วยการพยายามลอบสังหาร ตามมาด้วยการปฏิวัติรัฐประหาร แต่งตั้งคณะบุคคลที่เป็นปฏิปักษ์มาสอบสวนดำเนินคดีเฉพาะตัวผมและครอบครัวร่างรัฐธรรมนูญที่สืบทอดอำนาจเผด็จการ แต่งตั้งบุคคลที่สนับสนุนการปฏิวัติรัฐประหารทั้งทางตรงและทางอ้อมเข้าไปเป็นกรรมการในองค์กรต่างๆ เพื่อดำเนินการกับผม เมื่อมีการเลือกตั้งในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังคงเลือกพรรคพลังประชาชน ที่ผู้สมัครส่วนใหญ่มาจากพรรคไทยรักไทยเดิมให้กลับคืนมาทำหน้าที่ตัวแทนของพวกเขา
ผมคิดว่าเหตุการณ์คงจะดีขึ้น ผมคงมีโอกาสได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์และได้ความเป็นธรรมจึงเดินทางกลับประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 แต่เหตุการณ์กลับยิ่งเลวร้ายเพราะสิ่งเกิดขึ้นกับตัวผมและครอบครัวเป็นเสมือนผลที่เกิดจากต้นไม้ที่เป็นพิษ ผลของมันก็ย่อมเป็นพิษตามไปด้วย นั้นก็คือ ยังคงมีการสืบทอดระบอบเผด็จการในการจัดการ การเมืองไทยในระบอบประชาธิปไตย ตามด้วยการแทรกแซงกระบวนยุติธรรม โดยเอาผลลัพธ์ที่อยากจะได้เป็นตัวตั้ง เพื่อจัดการกับผมและครอบครัว ซึ่งบุคคลกลุ่มนี้ถือว่าผมเป็นศัตรูทางการเมือง โดยไม่คำนึงถึงระบบกฎหมาย ระบบข้อเท็จจริงและการสอบสวนดำเนินคดีตามหลักนิติธรรมสากล ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายว่าด้วยพยานหลักฐาน การบังคับใช้กฎหมายที่มีผลเป็นโทษย้อนหลัง ไม่ยอมใช้หลักฐานหลักนิติธรรมและหลักนิติรัฐ ผมและครอบครัวได้ถูกดำเนินการอย่างไม่เป็นธรรมเช่นนี้มาอย่างต่อเนื่อง
การแทรกแซงกระบวนยุติธรรมและการใช้ระบบ 2.มาตรฐานที่เห็นได้อย่างชัดเจน ทำให้ผมและครอบครัว พร้อมด้วยผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็นับว่าหนักหนาแล้ว แต่ยังเทียบไม่ได้กับการที่ระบบกระบวนการยุติธรรมของประเทศ และองค์กรที่เกี่ยวข้องที่มีเกียรติมีความน่าเชื่อถือสั่งสมมาเป็นเวลายาวนานต้องเสื่อมลง เพราะถูกนำมาใช้ทางการเมืองจนขาดความเป็นกลางซึ่งเป็นผลเสียต่อประเทศอย่างใหญ่หลวง
นอกจากนี้ ผมได้รับข่าวสารตลอดเวลาว่า ชีวิตของผมไม่ปลอดภัยเดินทางไปไหนมาไหน จึงต้องใช้รถกันกระสุน นี่คือ ผลที่ได้รับจากการที่ผมอาสาเข้ามาทำงานรับใช้ประเทศชาติ ราชบัลลังก์ และประชาชน ด้วยความทุ่มเททำงานอย่างหนัก มาตลอดระยะเวลาเกือบ 6 ปี ที่ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี
ผมจึงขอกราบขออภัยอีกครั้งหนึ่งที่ต้องตัดสินใจ มาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ และขอยืนยันว่า
1. ผมและครอบครัวมีความจงรักภักดีต่อ สถาบันพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ทุก
พระองค์อย่างหาที่สุดมิได้ แม้ว่ามีผู้จงใจใส่ร้ายมาโดยตลอด
2. ถึงแม้ผมไม่ใช่คนดีสมบูรณ์แบบ แต่ผมขอยืนยันว่าผมไม่ได้เลวอย่างที่ถูกกล่าวหา เมื่อ
ถึงเวลาที่เหมาะสมผมจะแถลงความจริงให้ทุกท่านทราบ วันนี้ยังไม่ใช่วันของผม ขอให้ผู้สนับสนุนผมอดทนอีกนิดนึงครับ
3. หากผมยังมีวาสนา ผมจะขอกลับมาตายบนผืนแผ่นดินไทย เฉกเช่นคนไทยทุกคนครับ