หลังจากปลงตกแล้วว่าละครแนว “ตบจูบ” คงไม่มีวันสูญพันธุ์ไปจากละครไทยแน่ ฉันจึงได้หันกลับมาดูละครด้วยความสนุกสนานอีกครั้ง แล้วยังสามารถลุ้นและกรี๊ดพระเอกรูปงาม (แต่ไร้ความพยายามในการเอาชนะใจผู้หญิง นอกเสียจากใช้กำลัง) ได้อย่างไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจอีกต่อไป
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็บนฐานที่ว่าละครพวกนั้น มันจะไม่ทำให้ฉันหรือใครที่ติดละครงอมแงม ยึดถือความน้ำเน่าในละครมาเป็นบรรทัดฐานของชีวิตจริงๆ ซึ่งหากคิดว่า มนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่ถูกกระทำหรือฝ่ายตั้งรับอย่างเดียวแล้ว ก็คงไม่น่าเป็นห่วงอะไรสำหรับกรณีนี้
แต่กับเด็กและเยาวชนที่มักถูกอ้างถึงในฐานะผู้ไม่บรรลุนิติภาวะ ผู้ไร้สติปัญญาไตร่ตรองผิดชอบชั่วดีแล้ว ละครไทยหลายเรื่องก็ยังเป็น “สารพิษ” ที่ผู้ปกครองควรพิจารณาก่อนอนุญาตให้บุตรหลานเข้าใกล้อยู่ดี
จะว่าผู้ใหญ่บ้านเมืองนี้เห็นเด็กโง่อยู่ฝ่ายเดียวก็ว่าไม่ได้ เพราะหลายครั้งเด็กบ้านเราก็ทำตัวเหมือนไร้สมองกันจริงๆ แล้วเมื่อเกิดปัญหาก็โทษแต่ละคร เกม ภาพยนตร์ หรือสื่อต่างๆ ราวกับว่าฉันเป็นผ้าขาวบริสุทธิ์ที่ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว…
ในฐานะที่ก็เคยเป็นเด็กมาก่อน ย่อมรู้ดีว่ามนุษย์ไม่ใช่สักแต่เป็นผู้ถูกกระทำ และการกระทำของเราหลายอย่างก็โทษว่าเราไม่รู้ (เพราะยังเด็ก) ไม่ได้ เช่นกันกับความรุนแรงในเกม ในละคร ในภาพยนตร์ เรารู้ว่าแรง รู้ว่านั่นคือโลกเสมือน รู้ว่านั่นคือสิ่งที่ในโลกภายนอกเราไม่สามารถทำได้ ทำแล้วจะมีความผิด
บางทีเห็นเยาวชนสมัยนี้ทำผิดคิดร้ายแล้วก็อ้างแต่ว่าเลียนแบบเกม เลียนแบบละคร ก็อยากเขกหัวแรงๆ หลายๆ ที เพราะมันเป็นการโยนบาปอย่างใสซื่อเกินไป…อย่าคิดว่ายังไม่เป็นผู้ใหญ่แล้วจะอ้างอะไรมาเป็นจำเลยแทนตัวก็ได้นะนั่น
หรือเพราะมันเป็นปัญหาระดับโครงสร้างสังคมของบ้านเราก็ไม่รู้ ที่พูดกันแต่เรื่องสิทธิเสรีภาพ แต่เรื่องบทบาทกับความรับผิดชอบกลับย่อหย่อน นั่นคือ รู้จักแต่จะ “เอา” จะ “รับ” แต่เรื่องการ “ให้” หรือการตอบแทนให้สมกับบทบาทที่อยู่ในสังคมนี้ กลับทำกันไม่ค่อยได้
เหมือนวัยรุ่นบางคนในสมัยนี้ ที่รู้จักแต่เรียกร้อง “ฟรีดอม” อิสรเสรี แต่กลับไม่ค่อยพูดถึงเรื่องความรับผิดชอบทั้งต่อตนเองและสังคมส่วนรวม บางคนก็ยังแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่ได้เนืองๆ แต่เมื่ออยากทำอะไรตามใจก็ห้ามพ่อแม่มายุ่งโดยเด็ดขาด
อยากจะโตและเสรีเหมือนเด็กฝรั่ง แต่ก็รับวัฒนธรรมมาแค่ครึ่งๆ กลางๆ เรื่องที่เด็กบ้านเขาออกมาหาเลี้ยงตัวเองตั้งแต่อายุ 14-15 กลับไม่ค่อยเห็นเด็กไทยอยากทำตาม
ตั้งใจจะพูดเรื่องละคร แต่ไหงกลายมาเป็นว่าเด็กได้ก็ไม่รู้…ทำตัวอย่างกับคนแก่ ว่าแล้วก็ขอตัวไปเล่นเกมบ้างดีกว่า เผื่อจะตามเด็กรุ่นนี้มันทันบ้าง…หุหุ