วันนี้แหละ...เป็นวันที่หลายคนรอคอย แม้ว่าอาจจะไม่ถึงขั้นลุ้นระทึก เพราะเชื่ออยู่แล้วว่าจะมี “ธง” ออกมาแบบไหน แต่ก็อดที่จะอยากรู้อยากเห็นไม่ได้ว่า กกต. จะกล้าตัดสินคดี “ใบแดง”
วิฑูรย์ นามบุตร ส.ส. สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ที่รั้งเก้าอี้รองหัวหน้าพรรคอยู่ในตอนนั้น พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.อุบลราชธานี ของพรรค อย่างที่มีข่าวเล่าลือกันหรือเปล่าจะเป็นไปได้หรือไม่ว่า กกต. จะตัดสินให้ ส.ส. ที่เป็นเจ้าของโรงหนังได้ใบแดง ส่วนผู้สมัคร ส.ส. คนอื่นได้ใบเหลืองกันไป และให้ใบขาวสะอาดผุดผ่องกับ วิฑูรย์ นามบุตร
เพื่อให้ยุติการพิจารณาที่จะนำต่อไปสู่การยุบพรรค แบบเดียวกับพี่พลังประชาชน และพรรคการเมืองอื่น ที่แม้จะทำผิดเพียงน้อยนิดก็กำลังถูกการ “ยุบพรรค” จ่อคอหอยกันแล้วอย่างถ้วนหน้าและหากผลการตัดสินออกมาตามนั้นจริง งานนี้คงได้มีเฮ! เพราะมีคนตั้งข้อสังเกตและข้อสงสัยกันเอาไว้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะมีการช่วยเหลือกันอย่างไร หรือไม่
เพราะพฤติกรรมของ กกต. ที่ผ่านมา มันชวนให้เกิดความสงสัยไปในทำนองนั้น
เริ่มตั้งแต่การรับเรื่องมาพิจารณาที่ใช้เวลาดำเนินการค่อนข้างยาวนานจนผิดสังเกต โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับพรรคการเมืองอื่นๆ ไม่ว่าจะความผิดหนัก ความผิดเบา ก็มีการตัดสินชี้ขาดกันไปจนหมดสิ้น จะเหลือก็แต่พรรคประชาธิปัตย์เพียงพรรคเดียวท่ามกลางข้อสงสัยว่าจะเป็นเพราะ กกต. และ ปชป. ต่างก็ฝักใฝ่ในคณะยึดอำนาจ จนทำให้มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และเกิดการเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกันอย่างนั้นหรือเปล่า
นอกจากนี้เส้นทางการสอบสวนก็เป็นไปด้วยความลำบาก ไม่ว่าจะเป็นพยานปากสำคัญที่จู่ๆ ก็หายตัวไป พร้อมกับหัวคะแนนพรรคการเมืองใหญ่ ที่ประชาชนก็พากันคาดเดาไปต่างๆ นานาว่า ถูกซื้อตัวบ้าง หรือถูกข่มขู่แล้วเอาตัวไปเก็บไว้ในเซฟเฮาส์ในช่วงที่มีการนัดหมายสอบพยานบ้าง
รวมทั้ง กกต. เองก็ยังมีพิรุธ ที่เลือกสอบพยานเพียงบางปาก ปฏิเสธที่จะสอบพยานให้ครบถ้วนและเมื่อ นายวิฑูรย์ นามบุตร ที่ถูกกล่าวหาออกมาแถลงข่าวร่วมกับ ถาวร เสนเนียม ทนายความของพรรค ก่อนหน้าวันชี้ชะตาเพียงไม่กี่วัน พร้อมกับการขู่ฟ้องกลับ สมบัติ รัตโน ส.ส.อุบลราชธานี พรรคพลังประชาชน ที่เป็นผู้ร้องเรียน ยิ่งทำให้รู้สึกว่าคนกลุ่มนี้มีความมั่นอกมั่นใจจนออกนอกหน้า ทั้งที่ก่อนหน้านั้นทุกคนปิดปากเงียบสนิท
แล้วเป็นเพราะอะไรที่ทำให้คนเหล่านี้มีความมั่นใจขึ้นมาแบบนี้
งานนี้มีประชาชนมากมายที่กำลังจับจ้องรอผลการพิจารณาของ กกต. ทั้ง 5 คนลำพังแค่ วิฑูรย์ นามบุตร หลุดรอดจากใบแดง กกต. เองก็ควรจะต้องมีคำชี้แจงที่ “ฟังขึ้น” ให้กับพี่น้องประชาชนอยู่แล้ว แต่หากผลที่ออกมาเป็นไปตามข่าวลือ นอกจากจะเป็นเรื่องยากที่ทำให้ประชาชนเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ยุติธรรมแล้ว กกต. อาจจะยังต้องตกเป็นจำเลยของสังคม และอาจหมายถึงหลักฐานวีซีดี ที่บันทึกภาพการกล่าวแนะนำตัว ขอเสียงสนับสนุน ที่มีการพูดจาปราศรัย ทั้งโดยนายวิฑูรย์เอง และผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย
แต่กลับกัน คำอ้างอย่างที่ ถาวร เสนเนียม ระบุว่า เป็นการจัดอบรมชาวบ้านเป็นเวลา 9 วันนั้น จะมีน้ำหนักมากกว่าหรืออย่างไรแล้วทำไมการจัดอบรมจึงมีการหาเสียง ทำไมจึงมีการสลับฉายหนัง ทำไมต้องแจกตั๋วฟรี และถึงแม้จะเป็นการจัดอบรมจริง แต่การมีพฤติกรรมเช่นนี้ในช่วงเวลาของการหาเสียงเลือกตั้ง ก็จะไม่มีความผิดอย่างนั้นหรือ
และในเมื่อ วิฑูรย์ นามบุตร เองก็เคยออกมายอมรับก่อนหน้านี้แล้วว่า อยู่ในที่เกิดเหตุด้วยจริง แต่ไม่ได้ร่วมวงการหาเสียงนั้น กฎหมายก็ระบุชัดว่าคนที่เป็นกรรมการบริหารพรรค เพียงแค่เห็นว่ามีการกระทำผิด แล้วไม่ห้ามปรามก็เข้าข่ายความผิดไปเรียบร้อยแล้ว
เพราะฉะนั้น กรณีนี้จึงไม่สมควรที่จะมีการแจกใบแดง ใบเหลือง ลดหลั่นกันไปจนถึงใบขาว เพราะทุกคนล้วนเข้าข่ายความผิดอันเดียวกัน การร่วมรับรู้ รับเห็น และร่วมขึ้นเวที น่าจะเป็นความผิดอันหนึ่งอันเดียว ที่ทุกคนสมควรได้รับใบแดงกันไปถ้วนหน้า
การีที่คนหนึ่งคนใดได้ “ใบแดง” ย่อมหมายถึง กกต. เองก็ยอมรับว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นจริง เมื่อนายวิฑูรย์อยู่ในสถานที่ที่มีกระทำความผิด แต่ไม่ทำหน้าที่กรรมการบริหารพรรคในการเข้าห้ามปราม จะปฏิเสธความผิดได้อย่างไร
หาก กกต. ไม่อยากจะให้เกิดข้อกังขาในหมู่ประชาชน และไม่รู้สึกอายฟ้าอายดิน...ทางที่ดีก็แจก “ใบขาว” ไปให้หมดซะเลย จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว...!!