การเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่เดินหน้าตรวจสอบรัฐบาลและพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ อย่างมีเลศนัย ทั้งประเด็นเคลื่อนไหวที่ตีแผ่ให้เห็นถึงความเท็จ และกล่าวหาว่ารัฐบาลไม่มีความชอบธรรมหลงเหลืออยู่เลย ทำให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องสะดุดลงกลางคันและจนบัดนี้ยังไม่บรรลุผล
มิหนำซ้ำรัฐมนตรีที่ถูกโจมตีด้วยการกล่าวหาว่าใช้อำนาจโดยมิชอบ และมีมลทิน ต้องถูกสอยร่วงไปทีละคนสองคน กระทั่งต้องปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ ท่ามกลางความนิยมและความชอบธรรมที่คนสนใจไม่น้อยไปกว่าดิม และยิ่งเติมเต็มให้รัฐบาลต้องแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
จะว่าไปแล้วหากกลุ่มพันธมิตรฯกล่าวหาว่ารัฐบาลไม่มีความชอบธรรมนั้น ก็อยากบอกว่าให้ฝ่ายพันธมิตรฯหัดไป “ตักน้ำใส่กระโหลกชะโงกดูเงา” ตัวเองบ้าง
ที่ขึ้นเวทีกล่าวหารัฐบาลอยู่ปาวๆว่าไม่มีความชอบธรรม แต่ตัวเองกลับไม่มีความชอบธรรมเอาซะเลย
การขึ้นเวทีทุกครั้งก็ชอบเอาเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องมากล่าวหารัฐบาล จนทำให้รัฐมนตรีของรัฐบาลที่มีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นผู้นำครั้งนี้ก็ต้องหลุดออกจากตำแหน่งทีละคนสองคน และเงื่อนไขทุกเรื่องที่พันธมิตรฯนำมาโจมตีรัฐบาลนั้น กลุ่มพันธมิตรฯมักบอกว่าหากรัฐมนตรีท่านนั้นลาออกก็จะยุติและสลายการชุมนุม
ส่วนอีกเรื่องที่บอกว่าหากรัฐบาลระงับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็จะยุติการชุมนุม ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กลุ่มพันธมิตรฯบอกอย่างนี้ แต่เมื่อรัฐบาลถอยพันธมิตรฯก็ยิ่งได้ใจ พร้อมทั้งเดินหน้ากระหน่ำรัฐบาล
และครั้งสุดท้ายที่แกนนำของกลุ่มพันธมิตรฯขึ้นเวทีปราศรัยว่า หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลี้ภัยไปอยู่ต่างแดนหรือว่าติดคุกก็จะยุติการชุมนุม
และวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้หอบหิ้วครอบครัวไปอยู่ถึงประเทศอังกฤษ กลุ่มพันธมิตรฯ ก็ยังไม่สลายการชุมนุม
ล่าสุด พ.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ก็ได้ออกมาประกาศอีกว่า จะขัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญและขับไล่รัฐบาลชุดนี้ออกไปให้ได้
และบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา หนีคดีไปนอนที่ประเทศอังกฤษก็ไม่มีผลให้ยุติการชุมนุม
นี่หรือที่บอกว่าตัวเองมีความชอบธรรม พูดคำไหนคำนั้น แต่ที่ได้ดู ได้ฟังอยู่ ณ เวลานี้ เป็นเพียงแค่ลมปากเท่านั้นก็อย่างว่าล่ะลิ้นไม่มีกระดูก พูดจากลับกรอกไปมา
สุดท้ายเมื่อศาลฏีกามีคำสั่งประทับรับฟ้อง 3 รัฐมนตรีคดีหวยบนดิน ก็ยิ่งทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ เหิมเกริมขึ้นไปอีก
ล่าสุดแกนนำพันธมิตรฯได้ส่งทนายความและตัวแทนพันธมิตรฯ ยื่นคำร้องศาลปกครองสูงสุดขอไต่สวนฉุกเฉิน 3 รมต.คดีหวย และสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว หลังศาลฎีกามีคำสั่งประทับรับฟ้องจนกว่าจะมีคำพิพากษาแล้วเสร็จ
กลุ่มพันธมิตรฯจะมีความคิดบ้างหรือไม่ว่า ที่พวกเขาชุมนุมอยู่ ณ เวลานี้ทำให้นักลงทุนยังไม่กล้าตัดสินใจเข้ามาลงทุนในไทยช่วงเวลานี้ คือ ความวุ่นวายทางด้านการเมือง ที่ต่อเนื่องและยาวนานกว่า 2 ปีเต็ม แม้ว่าอดีต นายกฯทักษิณ ที่ทุกคนมองว่าเป็นต้นตอของปัญหาความขัดแย้ง จะเดินทางออกไปลี้ภัยในประเทศอังกฤษ แต่เหตุการณ์ก็ยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติอย่างสมบูรณ์
แรงกดดันในเวลานี้น่าจะหมุนไปลงอยู่ที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ยังเป็นกลุ่มที่สร้างความวุ่นวายให้กับประเทศเป็นกลุ่มสุดท้าย หากกลุ่มพันธมิตรยอมละซึ่งผลประโยชน์ที่แฝงเร้น และยอมถอยหลังกลับเข้าไปอยู่ในที่ตั้ง เชื่อว่าบรรยากาศของประเทศไทยน่าจะดีขึ้น
และเมื่ออดีตผู้นำประเทศไทยอย่าง พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกำลังลี้ภัยทางการเมืองไปอยู่ในประเทศอังกฤษ หลังจากส่งแถลงการณ์ถึงสาเหตุที่ไม่มารายงานตัวต่อศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อฟังคำพิจารณาคดีอาญาหลีกเลี่ยงภาษี คอรัปชันและประพฤติมิชอบที่ติดตัวอยู่หลายคดี จนทำให้หลายฝ่ายมองว่าอนาคตของ “เรือใบสีฟ้า” กำลังเข้าสู่ภาวะความดำมืด ไม่มีแสงสว่างอย่างแต่ก่อน
เมื่อรวมกับกระแสข่าวที่ว่า “ดร.ทักษิณ” ขัดสนถึงกับต้องขอยืมเงินจาก จอห์น วอร์เดิล อดีตประธานสโมสร เพื่อมาจ่ายค่าเหนื่อยสตาฟฟ์โค้ช จนถูกนำไปเชื่อมโยงกับประเด็นที่ทีมพยายามขาย เวดราน ชอร์ลูกา และ สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ สองดาวเตะตัวหลักโดยไม่ปรึกษากุนซือ มาร์ค ฮิวจ์ส ที่ไม่พอใจจนอาจจะลาออกจากทีม ยิ่งตอกย้ำถึงหายนะที่กำลังเข้ามาสู่ทีมในไม่ช้านี้
แต่แล้วความจริงก็ต้องปรากฎออกมา เมื่อ “คุก” ออกมาโต้แย้งผ่านทาง แมนเชสเตอร์ อีฟนิง นิวส์ สื่อท้องถิ่นว่า “อนาคตของ ซิตี้ ยังไม่เข้าสู่ความดำมืด ในระยะสั้นการดำเนินธุรกิจของสโมสรจะยังดำเนินต่อไปตามปกติ และเราก็ไม่ได้พึ่งพาเงินของ ดร.ทักษิณ เพียงอย่างเดียวด้วย”
พร้อมทั้งเปิดเผยว่าเจ้าของทีมชาวไทยอย่าง พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ มีโครงการสร้างทีมในระยะยาวถึง 10 ปีข้างหน้า เพื่อสร้างทีมให้เป็นอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ และยังปฏิเสธเขาว่าไม่ได้เข้ามาลงทุนกับทีมเพียงช่วงสั้นๆ เสร็จแล้วก็จากไปอย่างที่ถูกกล่าวหา
เรื่องที่กล่าวมานี้ กลายเป็น “เหยื่อ” อันโอชะ ของผู้ไม่หวังดี ผู้ที่ต้องการทำลาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่จะหยิบมาต่อเติมเสริมข่าว เพื่อทำลายความศรัทธา ความน่าเชื่อถือ โดยใช้กระบอกเสียงที่มีอยู่กระจายข่าวนี้ออกไปยังต่างประเทศ
นี่เป็นวิธีที่ถนัดนักนักหละ
เรื่องความสมาฉันท์ที่ใครต่อใครอยากเห็น อยากให้เกิดขึ้น ดูจะเกิดขึ้นได้ยากเสียแล้ว เพราะ ต้องเกิดจากสำนึกของทั้งฝ่ายที่เผชิญหน้ากัน
ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกครับ
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมคนพวกนี้จึงมีจิตใจจ้องจองล้างจองผลาญ เอากันให้ตายกันไปข้างหนึ่ง หรือว่า มีผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่รออยู่ข้างหน้าหากล้มรัฐบาลนี้ลงได้ ขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จ ไม่เช่นนั้นไม่ทำอะไรที่สวนทางกับความต้องการของคนส่วนใหญ่ในประเทศได้อย่างไม่สะทกสะท้าน ไม่สนใจคำท้วงติงถึงความไม่เหมาะสม ไม่สมควรต่างๆนานา
ในทางกลับกัน มีหลายเสียงพูดตรงกันว่าเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เดินทางออกไปนอกประเทศ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็หมดความชอบธรรมที่จะชุมนุมต่อไปนั้น หลังจากประท้วงยืดเยื้อมา 2 เดือนแล้ว แต่ก็ยังดึงดันที่จะเอารัฐบาลที่มาจาการเลือกตั้งออกให้
ได้
ไม่เพียงแค่นั้นยังขัดขวางการแก้รัฐธรรมนูญที่เป็นมรดกของเผด็จการ ที่ต้องการทำลายระบอบประชาธิปไตย ต้องทำให้กระบวนการยุติธรรมต้องหมองมัว
การที่จะให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย ในช่วงเวลาจาก “วันแม่ถึงวันพ่อ” ไม่ได้อยู่ในความคิดของคนกลุ่มนี้เลย
อดเป็นห่วงไม่ได้ว่า เมื่อถึงวันสำคัญในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งจะมีการสวนสนามของทหารรักษาพระองค์ ที่ลานอนุสาวรีย์พระบรมรูปทรงม้า พิธีที่มีความสำคัญของเหล่าทหารหาญ แล้ว เป็นที่รอคอยของประชาชนที่จะได้เห็นการสวนสนามที่สวยงามสง่างาม และได้เข้ามีโอกาสเฝ้าพระองค์ท่านอย่างใกล้ชิด
แต่บนถนนเดียวกัน กลับมี “คอกมนุษย์” ที่สกปรก ไร้ระเบียบ ผู้คนเต็มไปด้วยความหยาบคาย ก้าวร้าว
เป็นสิ่งที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง อย่างหาที่เปรียบไม่ได้
แล้วอย่างนี้ คนพวกนี้จะเกิดสำนึก ตระหนักในความถูกต้องดีงามได้อย่างไรการที่อ้างว่ารักชาติ ศาสน์กษัตริย์ ของคนเหล่านี้ ก็เพื่อจะใช้เป็นเกาะกำบังเท่านั้นเองแต่ลึกๆแล้ว คนเหล่านี้คิดอะไรอยู่หรือเปล่า