WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, August 11, 2008

รัฐธรรมนูญโจร หมกเม็ดลัทธินิยมนอกรีต

หากจะได้ศึกษารัฐธรรมนูญ 50 อย่างพิเคราะห์ จะเห็นความไม่ชอบมาพากลในบางประเด็นของหมวดที่ว่าด้วยสิทธิเสรีภาพของชนชาวไทย ส่วนบททั่วไป มาตรา 37 ความว่า บุคคลย่อมมีสิทธิเสรีภาพบริบูรณ์ในการถือศาสนา นิกายของศาสนา ลัทธินิยมในทางศาสนา และย่อมมีเสรีภาพในการฏิบัติตามศาสนธรรม และศาสนบัญญัติ และปฏิบัติพิธีกรรมตามความเชื่อถือของตน เมื่อไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อหน้าที่พลเมือง และไม่เป็นการขัดขวางต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีงามของประชาชน ฯลฯ

ความโดยรวมอาจไม่มีอะไรให้ติดใจนัก แต่สิ่งแปลกปลอมในท่อนที่ว่า ลัทธินิยมทางศาสนา จะเป็นอื่นมิได้เลยนอกจากการมกเม็ด รับลูกเพื่อ ลัทธินอกรีตสันติอโศก ใครอยู่เบื้องหลังในการใส่ความท่อนที่ว่าลงไปในรัฐธรรมนูญ ไม่ยากเกินจะสืบค้น

และจึงไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอันใดที่ สันติอโศก จะออกมาร่วมคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 50 อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู พักค้างอ้างแรมนอกวัดกันเลยทีเดียว เนื่องจาก ฝังตัวอยู่ในรัฐธรรมนูญโจรอย่างปลอดภัยดีแล้วนั่นเอง...

องค์กรชาวพุทธหลายท่าน ออกมาแฉสันติอโศก ชี้ถึงความไม่ชอบมาพากลต่างที่เกี่ยวเนื่องผาดผ่านถึงกันอย่างเป็นขบวนการ

ประชาทรรศน์ รายสัปห์ดา ฉบับที่ 80 ประจำวันเสาร์ที่ 16 –วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พุทธศักราช 2551 เนื้อหาจาการสัมมนามาตีพิมพ์ เพื่อให้ความกระจ่างในเรื่องนี้ หลายแง่มุมไม่เคยมีใครพูดถึงมาก่อน ความเกี่ยวพันชะตากรรมของประเทศชาติ ศาสนาแบบนี้ต้องศึกษาวิเคราะห์กันให้มากครับ...

ดร.เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย สรุปปูมหลัง กลุ่มคนเพี้ยน “สันติอโศก” หวังตั้งตนเป็นศาสดาองค์ใหม่ “โคมัยนี่” ตั้งพรรค “เพื่อฟ้าดิน” ระบุ รัฐบาล“ทักษิณ” พลาดท่า คบคนพาล ประเคนงบกว่า 4 พันล้านให้ มารศาสนาไปตั้งตัว สร้างอาณาจักรจนออกมาป่วนเมือง มาขออีกแต่ไม่มีงบประมาณให้ จึงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง !

สันติอโศก หรือ ที่เราเรียกว่าลัทธิสันติอโศก เกี่ยวพันเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมของประเทศไทย เริ่มจาก พ.ศ.2513 มาจนถึง 2551 ผมจะสรุปง่ายๆอย่างนี้นะครับ เมื่อปี พ.ศ.2513 ปรากฏบุคคลคนหนึ่ง ชื่อ โพธิรักษ์ได้มาบวชเป็นพระในธรรมยุทธนิกาย แล้วไปบวชเป็นพระในมหานิกายในปี 2516 ต่อมาปี 2518 ท่านประกาศตัวเป็นอิสระจากคณะสงฆ์ ไม่อยู่ภายใต้การปกครองของคณะสงฆ์ เพราะท่านบอกว่าคณะสงฆ์กับตัวของท่านเองมีแนวทางการทำงานไม่เหมือนกัน ตั้งแต่ปี 2518 เป็นต้นมา ท่านกพยายามขยายบทบาทของตัวเอง และขยายแนวการสอนของตัวท่านที่ท่านบอกว่าท่านรู้เองเห็นเอง เป็นสัมมาสัมพุทธะ เป็นพระสารีบุตรกลับชาติมาเกิด ใช้เวลาในการเผยแพร่จนได้สาวกเอกคนสำคัญคือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ระหว่างนั้นท่านได้ส่งพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ลงเล่นการเมืองในกลุ่มพลังธรรม ครองความเป็นผู้ว่าฯ กทม. อยู่ 8 ปี

จนกระทั่งปี 2531 ครับ โพธิรักษ์ คิดมักใหญ่ใฝ่สูง ได้ประกาศตั้งพรรค การเมืองขึ้นมาแล้วบอกว่าตัวเองนั้นเป็นยิ่งกว่า โคมัยนี่ ท่านได้ตั้งพรรคพลังธรรมขึ้นมา แล้วส่ง ส.ส.ลงยึดพื้นที่ใน กทม.ได้เกือบทั้งหมด ในนามพรรคพลังธรรม ซึ่งเป็นการขัดต่อพระราชบัญญัติ ขัดต่อกฎหมาย ขัดต่อจารีตประเพณี วัฒนธรรมของคณะสงฆ์อย่างรุนแรง แม้แต่บ้านเมืองเดือดร้อนครับ จนกระทั่งทุกฝ่ายในบ้านเมืองได้ตั้งคณะขึ้นมาแล้วมีการพิจารณา คณะสงฆ์ได้ปกาสนียกรรม ให้โพธิรักษ์พ้นจากความเป็นพระเมื่อปี 2532 ในปีเดียวกันศาลมีคำพิพากษาว่า โพธิรักษ์ เมื่อพ้นจากความเป็นพระแล้วไม่สามารถที่จะแต่งกายเลียนแบบพระได้ บุคคลใดที่ท่านบวชให้มีความผิด ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้จำคุก 6 เดือนเฉพาะโพธิรักษ์ โดยการรอลงอาญาไว้ 2 ปี

แต่ว่าท่านไม่ได้หยุดไว้เพียงเท่านี้ครับ ท่านยังใช้บทบาทของท่านสนับสนุนพล.ต.จำลอง ศรีเมือง แล้วที่สำคัญที่สุด จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดคือว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งในขณะนั้นท่านมีสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับพล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นสาวกเอกของโพธิรักษ์ ท่านจึงได้ตั้งพรรคขึ้นมาภายใต้การสนับสนุนของโพธิรักษ์ และพล.ต.จำลอง ศรีเมือง จนกระทั่งนำพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลายเมื่อปี 2544 และในช่วงปี 2544 ถึง 2548 นี้เอง คือ ช่วงที่โพธิรักษ์ และพล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้ใช้ความพยายามใช้ความใกล้ชิดกับท่านอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร โดยที่ท่านไม่รู้ ซึ่งนายกฯสมัคร สุนทรเวช บอกไว้คำหนึ่งว่า อดีตนายกฯทักษิณ ผิดอยู่อย่างเดียวคือว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คบคนพาล พาลพาไปหาผิด 2544 ถึง 2548 อดีตนายกฯหลงไปคบกับโพธิรักษ์ และพล.ต.จำลอง แบบไม่ลืมหูลืมตาต้องบอกว่าอย่างนั้นนะครับ

จนกระทั่งโพธิรักษ์สามารถที่จะ 1.ตั้งโรงเรียนผู้นำ 2.ตั้งศูนย์ส่งเสริม และพัฒนาพลังชีวิตเชิงคุณธรรม ที่เราเรียกกันว่าศูนย์คุณธรรม ดูดเอาเงินงบประมาณแผ่นดินที่จะต้องเอาไปให้ปีละ 4 พันล้าน แล้วทำการขยายสาขาออกไป เป็นศูนย์ต่างๆมากมายมหาศาล จนกระทั้งไปครอบครองที่ดินที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่จังหวัดกาญจนบุรี แล้วพยายามที่จะให้นายกฯทักษิณช่วยในเรื่องนี้ แต่พ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่าช่วยไม่ได้แล้ว จึงทำให้เกิดอาการฟาดงวงฟาดงา จนกระทั้งลูกๆของท่านขายหุ้น พล.ต.จำลอง บอกว่า ขอสัก 2 หมื่นล้าน ได้ไหม เพื่อที่จะเข้ามาสู่การขยาย และเผยแพร่กิจกรรมของสันติอโศก ท่านไม่ยอมอีก นั้นคือที่มา ว่าทำไมเมื่อปี 2548 จำลองถึงได้ถอนตัวจากการสนับสนุน อดีตนายกฯทักษิณ ทำไมโพธิรักษ์ถึงต้องดึงเอาสันติอโศกออกมา 2549 แน่นอนครับ กองทัพธรรม ของพล.ต.จำลอง ได้เป็นกองทัพหลักในการออกมาล้มรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร และก่อให้เกิดการปฎิวัติรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยา 2549 นั้นคือ อวสานของรัฐบาลทักษิณ และระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และอวสานของรัฐธรรมนูญปี 2540 ฉบับหนึ่งของโลก นี้คือจดจบครับ

หลังจากนั้นเราหวังว่า หลังวันที่ 23 ธันวาคม 2550 ทุกอย่างจะเดินเข้าสู่ภาวะปกติ หลังมีการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย บ้านเมืองของเราจะต้องสุขสงบ ความรุ่งเรืองของบ้านเมืองเราจะต้องกลับคืนมา เพราะว่าประเทศไทยเดินเข้าสู่เส้นทางประชาธิปไตยเรียบร้อยแล้ว แต่เปล่าเลยครับ 25 พ.ค. 2551 โพธิรักษ์ พล.ต.จำลอง พร้อมกับสมณะทั้งหลายได้นำคณะออกมาร่วมกับพันธมิตร ยึดถนนมัฆวาน ปิดทำเนียบ ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ทีนี้เป้าหมายของเขาคืออะไร สิ่งที่เราปฎิเสธไม่ได้ก็คือ 1.ต้องการยึดอำนาจรัฐ 2.ต้องการปฎิวัติสังคมไทยทั้งหมดให้เป็นแนวทางของสันติอโศก 3.ต้องการล้มมหาเถรสมาคม หรือ คณะสงฆ์ไทยทั้งคณะ 4.ต้องการล้มสถาบันหลักของประเทศไทย และสถาปนาระบอบการเมืองใหม่

นอกจากนี้ยังมียุทธศาสตร์ ทางด้านทหาร 1.มีกองกำลังชัดเจนวันนี้สันติอโศกมีสาขาทั่วประเทศไทย มีสมาชิดแสนกว่าคน และบุคคลเหล่านี้พร้อมที่จะเสียสละตัวเองเพื่อชัยชนะ ขอให้เป็นคำสั่งจากโพธิรักษ์ และพล.ต.จำลอง ศรีเมือง เมื่อไหร่ เมื่อนั้น

พล.อ.ธงชัย เกื้อสกุล รองประธานศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา ระบุชัด สันติอโศก ภัยของพระพุทธศาสนา แนะ สมัคร รีบจัดการล้างบาง โครงสร้าง “ศูนย์พัฒนาแผ่นดินคุณธรรม” แหล่งเพาะพันธ์เชื้อร้ายให้เติบโตขึ้นมา แนะ องค์กรสงฆ์ – สำนักสงฆ์ – สื่อมวลชน ทั่วประเทศ รวมตัวต้านภัยร้ายโดยด่วนที่สุด แฉ! ลักธิพิลึก เปลี่ยนชื่อ*สกุล ตัวเอง และให้เรียก “โพธิรักษ์” เป็น “พ่อ”

“ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ตั้งศูนย์ที่เรียกว่า “ศูนย์พัฒนาแผ่นดินคุณธรรม” ที่เราเรียกว่าศูนย์คุณธรรม เป็นองค์กรมหาชน เดี๋ยวนี้ยังมีอยู่ คนเป็นประธานคนแรกคือ จำลอง ศรีเมือง เป็นประธานศูนย์นี้ คนต่อมา คุณ ไพบูลย์ วัฒนะศิริธรรม คนที่ 3 รักษาการอยู่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวช ยังอยู่ และใช้ศูนย์คุณธรรมแห่งนี้ขับเคลื่อนด้วย การติดอาวุธทางสมอง พัฒนาคนให้เป็นไปตามแนวทางของโพธิรักษ์ แหละ สิ่งเหล่านี้เกือบสำเร็จ ถ้าเกิดเขานำพระราชบัญญัติฉบับหนึ่งออกมา ที่เรียกว่า พระราชบัญญัติคุณธรรมแห่งชาติ เกือบออกมาแล้ว ดีพระคุณเจ้าพระเดชท่านพระครูสังควินัยท่านเห็นนะครับ ท่านต่อสู้มา ไม่งั้นพระราชบัญญัติฉบับนี้มันจะต้องออกมาใช้และมีศาสดาใหม่ชื่อ “โพธิรักษ์” มันจะพัฒนาคนไปในทิศทางเดียวกัน ตามแผนที่คนกำหนด มันจะกำหนดอย่างไรไม่รู้ และแผนพัฒนาคุณธรรมแห่งชาติเนี่ยมันต้องออกมา เขาจะพัฒนาให้ไปสู่หนทางที่เขาต้องการ ปัจจุบันนี้ยังทำอยู่ เห็นมั้ยครับ มีสมัชชาคุณธรรมไปทั่วประเทศ ตั้งสมัชชาคุณธรรมเป็นภาคประชาชน “

รศ.ดร.วรพล พรมมิกบุตร อาจารย์ประจำคณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เชื่อ สันติอโศก เป็นเพียงอาวุธอย่างหนึ่งของ เผด็จการเสียงข้างน้อย ที่ยังไม่ยอมพ่ายแพ้ หลังจากการเลือกตั้ง 2550 ชี้แผนเผด็จการ ใช้นักวิชาการแล้ว ใช้สื่อมวลชน จนคนไม่เชื่อถือ จึงหันไปใช้ “ตุลาการภิวัตน์” ปลุก “ประชาภิวัตน์” สู้ทุกรูปแบบ

“สิ่งที่เรียกรวมๆว่า สันติอโสก ซึ่งประกอบด้วย คน 2 ประเภท หนึ่ง คนทั่วไป คือ นักเคลื่อนไหวทางสังคม บางคนทำงานร่วมกันนักกฎหมาย และสอง คือ คนที่เคยบวชในพระพุทธศาสนาอย่าง นายรักษ์ รักษ์พงษ์ แต่มีพฤติกรรมหรือวิธีปฏิบัติตัวไม่เหมือนพระทั่วไป จึงถูกขับออกจากการเป็นพระ และถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย นายรักษ์ ประกาศต่อสาธารณะชนว่าจะยังคงปฏิบัติตนอย่างที่ต้องการ แต่ไม่สามารถห่มจีวรอย่างพระสงฆ์ได้ จึงเปลี่ยนสีผ้าจีวรเป็นสีเหลือออกคล้ำ

องค์ประกอกบที่สำคัญอีกอย่างของสันติอโศก คือ ความคิด หลักคิด หลักปรัชญาที่นำมาสอน ที่นำมาใช้เผยแพร่ในสันติอโศกไม่มีภูมิปัญญาใหม่เลยแม้แต่ชั้นเดียว เป็นภูมิปัญญาเก่าของลัทธิหรือศาสนาอื่นๆ นำมาผสมกันแล้วอ้างว่าเป็นคำสอนของตนเอง เช่น การที่สันติอโศกปฏิเสธสาธารณูปโภคสมัยใหม่ จุดเทียน จุดตะเกียง แล้วอ้างว่าเป็นความคิดของสันติอโศก แต่จริงๆ แล้วความคิดนี้เป็นความคิดเรื่องสมถะ คนพุทธทำอย่างนี้เหมือนกัน นักปรัชญาชาวตะวันตกหลายคนปฏิบัติเช่นนี้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นความคิดนี้จึงไม่ใช้ภูมิปัญญาใหม่

เมื่อเทียบกับหลักพุทธ สิ่งสำคัญคือ ให้คนที่เป็นพุทธเข้าใจเหตุของสิ่งต่างๆ ว่าเกิดได้อย่างไร แล้วหาวิธีดับทุกข์ หาวิธีปฏิบัต เช่น มรรค 8 ซึ่งตรงนี้สันติอโศกไม่เคยมีเลย สิ่งที่สันติอโศกทำคือเจ้าสำนักคิดเองทั้งสิ้น นายรักษ์ไม่ใช่นักปรัชาญาใหม่ แต่หยิบเล็กผสมน้อยจากศาสสนาอื่นมาอุปโลกน์ว่าเป็นแนวคิดของตนเอง เพราะฉะนั้นสมาชิกสันติอโศกจะมีอยู่นำนวนหนึ่งที่ชอบตรงที่ 1 เดือนจะได้ไปทำสมาถะสักครั้งหนึ่งเท่านั้น ในสมาชิก 1 แสนคน ที่รู้หลัก รู้แจ้งเห็นจริงจะหาได้น้อยมาก บางคนที่เข้ามาเพราะติดใจในตัวบุคคล บางคนเข้ามาเพราะมีผลประโยชน์ผูกพัน สมาชิกสันติอโศกเมื่อเทียบกับคนในประเทศถือว่าไม่มากเท่าไรนัก แต่ถ้าในทางการเมืองคนจำนวนนี้ถือว่ามากพอสมควร สามารถอันตรายให้กับคนอื่นๆ ได้อย่างมหาศาล”

นักวิชาการที่ติดตามเรื่องสันติอโศกอีกสามท่าน เช่น ดร.พระมหาโชว์ ทัสสนีโย ดร.สุรพล สูยพรหม อาจารย์สอาด จันทร์ดี ได้ให้ข้อมูลไว้อย่างครบครัน แบบที่ไม่อ่านไม่ได้แล้ว อย่าพลาดเด็ดขาดวางแผงแล้ววันนี้