WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, August 11, 2008

“ชูศักดิ์” เผย “สมัคร”ชี้แจงเอกสารให้ กกต. 13 ส.ค.นี้

รัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้ กรณีนายกฯ ต้องไปแจงต่อกกต.ในวันที่ 7 ส.ค. แต่ต้องเดินทางไปประเทศจีน จึงเลื่อนไปเป็น 13 ส.ค.นี้ เพื่อนำเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรเข้ายื่น ให้ กกต.

นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชนต้องไปชี้แจงต่อ กกต.ในวันที่ 13 ส.ค.นี้ ว่า ต้องขอชี้แจงเพราะข่าวลงคลาดเคลื่อน เนื่องจาก กกต.ได้ให้ไปชี้แจงตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่นายกรัฐมนตรีต้องเดินทางไปประเทศจีนในวันดังกล่าว จึงเลื่อนไปเป็นวันที่ 13 ส.ค. ดังนั้นที่ข่าวออกมาว่า กกต.ไม่ให้เลื่อนก็ไม่เป็นความจริง และในวันที่ 13 ส.ค.นี้ นายสมัครจะชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรไปยัง กกต. ซึ่งขณะนี้ฝ่ายกฎหมายกำลังพิจารณาประเด็นที่จะชี้แจงว่าจะมีประเด็นใดบ้าง ทั้งในส่วนของนายสมัคร และ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชาชน ดังนั้นผู้สื่อข่าวไม่ต้องไปดักรอที่ กกต. เพราะจะส่งเป็นเอกสารชี้แจงไปเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุผลที่จะยกมาเป็นข้อต่อสู้นั้นยังคงเป็นเรื่องมติของพรรคเกี่ยวกับการให้สมาชิกดำเนินการตามกฎหมายเลือกตั้งอย่างเคร่งครัดใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า คงเป็นไปในลักษณะนั้น เพราะเราเป็นพรรคการเมืองแรกที่มีคำสั่งไม่ให้สมาชิกพรรคกระทำการที่ผิดกฎหมาย โดยมีคณะกรรมการวินัยและจรรยาบรรณทำหน้าที่ตรวจสอบ และมีการกำหนดมาตรการออกมา ซึ่งเราก็ต้องชี้แจงเหตุผลเกี่ยวกับเรื่องนี้

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่าคิดว่าน้ำหนักที่พรรคจะยกขึ้นมาต่อสู้นั้นมีน้ำหนักพอที่ศาลจะรับฟังว่าเป็นการกระทำส่วนบุคคลไม่เกี่ยวกับพรรคหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับดุลพินิจว่าศาลจะตีความตามมาตรา 237 ว่าอย่างไร แต่ก็เป็นไปได้เพราะมาตรา 237 มีข้อความระบุว่าหากรู้แล้วไม่ระงับยับยั้ง รู้แล้วไม่ดำเนินการใดๆ ก็อาจจะเข้าข่ายความผิดซึ่งเราก็ต้องชี้แจงว่าเราได้ทำหน้าที่ในฐานะกรรมการบริหารพรรคอย่างดีแล้ว ส่วนศาลจะรับฟังมากน้อยเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล

ทั้งนี้เมื่อถามว่าแต่แนวทางดังกล่าวไม่สามารถใช้ได้ผลมาแล้ว เมื่อครั้งการพิจารณาคดียุบพรรคไทยรักไทย เหตุใดจึงยังเลือกใช้แนวทางเดิมอีก นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ หากได้รับฟัง เขาเขียนไว้ชัดเจน เขาถามว่าเมื่อเกิดเรื่องแล้วพรรคทำอะไรบ้าง ซึ่งผู้บริหารของพรรคก็ตอบว่าก็รับทราบแต่ไม่ได้ทำอะไร ซึ่งต่างกันตรงประเด็นนี้

เมื่อถามว่าจะใช้จุดนี้มาต่อสู้ว่าพรรคได้มีมาตรการต่อสมาชิกของพรรคที่ทำผิดใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ใช่ เพราะพรรคมีมาตรการทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง ซึ่งตรงนี้จำเป็นที่เราจะต้องยกขึ้นมาอ้าง และก็เป็นข้อเท็จจริงอย่างที่กล่าวมาก่อนหน้านี้

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการตั้งพรรคสำรองเอาไว้แล้ว แสดงว่าเตรียมการไว้เพราะไม่มั่นใจว่าจะรอดจากการยุบพรรคใช่หรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า กฎหมายมาตรา 237 ตีความเข้ม และส่วนตัวเคยบอกมาตลอดว่ามาตรานี้เป็นผลพวงมาจากการยุบพรรคไทยรักไทย ถ้าตีความเข้มข้นอาจจะถูกยุบได้ง่าย หากตีความแบบรัฐศาสตร์อาจจะมีทางออก สุดแต่ศาลจะพิจารณา ส่วนใครจะไปตั้งพรรคอะไรไว้ เป็นเรื่องของแต่ละคน