ที่มา Thai E-News
ที่มา เวบไซต์ washingtonpost
7 ธันวาคม 2551
The opposition succeeds in ousting yet another government -- which is likely to be replaced by one much like it.
THAILAND'S People's Alliance for Democracy made clear long ago that it stands not for democracy or the Thai people but against them. On Tuesday, it claimed another victory in its campaign to replace the democratic system with a royalist autocracy and to substitute the judgment of the military and an allied elite for that of the people. Prime Minister Somchai Wongsawat, whose party won a fair democratic election last December, was forced from office by a questionable court ruling even as thousands of members of the "people's alliance" barricaded two of Thailand's airports, stranding hundreds of thousands of travelers. Mr. Wongsawat had been in power only two months; his predecessor was ousted in September by an equally curious and convenient court ruling, not long after alliance members occupied the prime minister's offices.
The anti-democratic movement has evolved a simple tactic: use force to paralyze the government, the capital city, or the country (via its vital airports), then wait for the military, the courts, or King Bhumibol Adulyadej to intervene. In addition to forcing the past two prime ministers from office, the strategy prompted a military coup in 2006 and an earlier intervention by the king. Yet the larger objective of the alliance remains unrealized and probably unattainable. Thailand's elite would like to destroy the populist political movement of exiled former prime minister Thaksin Shinawatra and disenfranchise the mostly poor and rural voters who have repeatedly empowered him or his surrogates in democratic elections.
The latest coup seems no more likely to accomplish that goal than the previous ones. Supporters of Mr. Thaksin, anticipating that their party would be banned (for the second time), already had formed a new one. They say they are ready to elect another Thaksin supporter as prime minister. If a new general election is held, as the army commander recently suggested, there's no reason to expect the outcome to be different from the previous three elections: a victory for Mr. Thaksin. The only long-term result of the Alliance for Democracy's campaign is the weakening of the Thai economy and a growing incidence of violence. Seven people were killed in bomb attacks and street battles during the latest siege.
Like traditional elites elsewhere in the developing world, Thailand's onetime governing class has been discomfited as democracy and globalization have brought long-excluded populations into the political system. Populism doesn't usually produce good government, and populists don't always respect the rule of law. But Thailand's "alliance for democracy" is offering the rest of the world a vivid demonstration of why force cannot succeed in undoing the populists' advance.
===========================
วงจรอุบาทว์ในประเทศไทย
บทบรรณาธิการ นสพ.วอชิงตันโพสต์
กลุ่ม พธม.ของไทย ได้แสดงตัวตนชัดเจนมานานแล้วว่า ไม่ได้มีจุดยืนเพื่อประชาธิปไตย หรือเพื่อคนไทย แต่ทำในสิ่งตรงข้ามเสมอ ในวันอังคารที่ผ่านมา ก็ได้มีการอ้างอีกหนึ่งชัยชนะที่สามารถรณรงค์ให้มีการเปลี่ยนระบอบประชาธิปไตย กลับเป็นระบอบอำมาตยาธิปไตย คือ ให้ทหารและกลุ่มอำมาตย์ศักดินาสามารถตัดสิน แทนการตัดสินโดยประชาชนได้ นายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งพรรคของเขาได้รับชัยชนะอย่างโปร่งใสจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยในเดือนธันวาคมที่แล้ว ได้ถูกพิพากษาอย่างน่ากังขา ให้พ้นจากตำแหน่ง ในขณะที่กลุ่ม พธม.หลายพันคน ยังคงยึดพื้นที่ท่าอากาศยานของไทยสองแห่งอยู่ โดยไม่แยแสต่อผู้โดยสารนับแสนที่ตกค้าง คุณสมชาย อยู่ในอำนาจได้เพียงสองเดือน โดยนายกฯคนก่อนหน้า ก็ถูกตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งในเดือนกันยายน ด้วยคำพิพากษาแปลกๆ ง่ายๆ แบบเดียวกัน ภายหลังกลุ่ม พธม.เข้ายึดทำเนียบรัฐบาลได้ไม่นาน
การเคลื่อนไหวต่อต้านระบอบประชาธิปไตย ทำโดยใช้แผนการง่ายๆ คือ ใช้กำลังในการบังคับให้รัฐบาล เมืองหลวง หรือประเทศ เป็นอัมพาต (ผ่านการควบคุมท่าอากาศยานสำคัญ)แล้วก็รอคอยให้ทหาร หรือ ศาล หรือ กษัตริย์ภูมิพลอดุลยเดช เข้ามาแทรกแซง นอกเหนือจากการบังคับให้นายกรัฐมนตรีสองท่านพ้นจากตำแหน่งแล้ว กลุ่ม พธม.ก็ได้เคยใช้กลยุทธ์เดียวกันนี้ ก่อให้เกิดการรัฐประหารในปี 2549 และขอให้มีการแทรกแซงโดยกษัตริย์ก่อนหน้านั้นด้วย เป้าหมายที่ใหญ่กว่าของ พธม.ซึ่งยังไม่บรรลุผลและอาจก้าวไปไม่ถึง คือ การที่กลุ่มอำมาตย์ศักดินาไทย ต้องการทำลายการเคลื่อนไหวทางการเมืองแบบประชานิยมของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และทำลายเสียงของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนยากจนในชนบท ที่ลงคะแนนให้เขา หรือ กลุ่มของเขา ซ้ำแล้วซ้ำอีก ในการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย
การรัฐประหารครั้งที่ผ่านมา ดูเหมือนจะไม่ประสบผลสำเร็จตามเป้าประสงค์ดังเช่นที่เคยทำครั้งก่อน ๆ ผู้สนับสนุนคุณทักษิณ ซึ่งคาดหมายล่วงหน้าแล้วว่า พรรคจะถูกยุบ (เป็นครั้งที่สอง)ได้เตรียมพร้อมตั้งพรรคการเมืองใหม่ไว้ก่อนแล้ว พวกเขาบอกว่า เขาพร้อมที่จะเลือกผู้สนับสนุนคุณทักษิณคนใหม่มาเป็นนายกรัฐมนตรีอีก และถ้ามีการเลือกตั้งทั่วไปเกิดขึ้น ตามที่ ผบ.ทหารแนะนำเมื่อไม่นานมานี้ คาดเดาได้เลยว่า ผลที่ได้ ก็จะไม่ต่างจากการเลือกตั้งสามครั้งที่ผ่านมา คือชัยชนะจะเป็นของคุณทักษิณอีก ผลจากการประท้วงยาวนานของ พธม.ที่เห็นได้ชัด มีเพียงการทำให้เศรษฐกิจไทยอ่อนแอ และเพิ่มอุบัติการณ์ของความรุนแรงขึ้น โดยมีเหยื่อเสียชีวิตจากเหตุระเบิด 7 ราย และมีการปะทะกันบนท้องถนนในการปิดล้อมสภาครั้งล่าสุด
เช่นเดียวกับพวกอำมาตย์ศักดินาเก่าแก่ในประเทศกำลังพัฒนาทุกแห่งในโลก ชนชั้นปกครองซึ่งครอบงำประเทศไทยมายาวนาน ได้ประสบกับความพ่ายแพ้ เมื่อประชาธิปไตยและโลกาภิวัตน์ ได้นำพาประชาชนที่ถูกทอดทิ้งมานาน คืนกลับเข้าสู่ระบบการเมือง ประชานิยมอาจไม่นำมาซึ่งรัฐบาลที่ดี และไม่เคารพต่อหลักกฎหมายเสมอไป แต่กลุ่ม พธม.ของไทย ได้แสดงให้คนทั่วโลกได้มองเห็นอย่างแจ่มชัดว่า เหตุใดการใช้กำลัง จึง ไม่สามารถขัดขวางการขับเคลื่อนไปข้างหน้าของประชานิยมได้