WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Monday, January 19, 2009

ยกแรกของมวยใหม่

ที่มา ไทยรัฐ

เล่นเอามึนตึบไปตามๆกัน สำหรับงานหลักชิ้นแรกของรัฐบาลผสม ภายใต้แกนนำของท่านนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เกี่ยวกับงบประมาณการฟื้นฟูเศรษฐกิจ

ไหนว่าไม่เห็นด้วยกับนโยบายประชานิยม และคัดค้านนโยบายแนวนี้ มาตลอด...แต่พอมาเป็นรัฐบาลเอง ตูมแรกมีมติจ่ายเงินรายหัวให้มนุษย์ เงินเดือนที่มีรายได้ตํ่ากว่า 15,000 ต่อเดือน คนละ 2,000 บาททันที

ภายในวงเงินทั้งสิ้น 19,000 ล้านบาท โดยจะมีผู้คนได้รับผลานิสงส์ทั้งสิ้น 9 ล้านคน

เสียงวิพากษ์วิจารณ์จึงดังกระหึ่มขึ้นทั้งจากคนรักและไม่รักอภิสิทธิ์ ด้วยประการฉะนี้

ที่มีความรักความเอื้ออาทรกันอยู่ก็แค่บ่นเบาๆ พอสังเขป

ส่วนกลุ่มที่ไม่รักและบางครั้งยังตามขว้างไข่ด้วยไม่ต้องพูดถึงละ ทั้งตำหนิติติง ทั้งเยาะเย้ยไยไพว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง

สำหรับผมเองนั้น แม้จะเข้าใจในเหตุผลทางเศรษฐศาสตร์ ที่นายกฯ อภิสิทธิ์อธิบายเสริมและที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คุณ กรณ์ จาติกวณิช อธิบายภายหลัง

ว่า สหรัฐฯเองก็ทำ และในตำราเศรษฐศาสตร์บางเล่มก็บอกว่าในสถานการณ์ตกตํ่าสุดขีด แม้แต่การโปรยเงินให้ประชาชน ที่เรียกว่า เฮลิคอปเตอร์ มันนี่ (เปรียบเหมือนขึ้น ฮ.โปรย) ก็ยังต้องทำ

จริงๆ แล้วทฤษฎีที่เก่ากว่านั้น สอนไว้ว่าวิธีปลุกเศรษฐกิจที่ง่ายที่สุดก็คือ...เอาเงินมาก้อนหนึ่งไปจ้างบุคคลกลุ่มหนึ่งขุดบ่อ...พอขุดเสร็จก็จ้างอีกกลุ่มมาถมบ่อ

ถ้าเงินยังไม่หมุนก็ให้ขุดแล้วกลบต่อไปอีกสักหลายๆบ่อ มันก็จะหมุนเอง และในที่สุดเศรษฐกิจจะค่อยๆฟื้นตัว

อย่างไรก็ตาม แนวคิดในลักษณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่ยุคสมัยขุดบ่อ ถมบ่อ หรือยุคขึ้นเฮลิคอปเตอร์โปรย...ล้วนได้รับการคัดค้านเสมอ

เพราะอย่างที่ผมเคยเขียนยํ้าแล้วยํ้าอีกในคอลัมน์นี้ว่า ลงท้ายแล้วเงินทุกดอลลาร์ ทุกเซนต์ หรือทุกบาททุกสตางค์ ที่รัฐบาลนำมาโปรยปราย นั้น...ล้วนเป็นเงินภาษีอากรของราษฎร

รัฐบาลอาจจะใช้วิธียืมมาก่อน เช่น ออกพันธบัตรต่างๆ อย่างตรงไป ตรงมา หรือแอบพิมพ์เงินเพิ่มผ่านธนาคารกลางอย่างลับๆ

แต่ในที่สุดก็จะต้องใช้คืน...ซึ่งในการชดใช้คืนก็จะต้องมาถอนขนห่าน เอาจากประชาชนตาดำๆ ทั้งประเทศนี่แหละ

ดังนั้น ทุกครั้งที่จะนำเงินของประชาชนไปใช้ ไม่ว่าเงินปัจจุบันหรือเงินอนาคตจึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

เมื่อ 2-3 เดือนก่อนเราคงได้ยินรัฐสภาสหรัฐฯ เถียงกันหน้าดำหน้าแดงเรื่อง พ.ร.บ.เงินกู้ 700,000 ล้าน หรือ 800,000 ล้านเหรียญ ที่จะไปช่วยพยุงเศรษฐกิจที่ซวดเซเพราะสถาบันการเงินต่างๆ

เพราะท่าน ส.ส. และ ส.ว.สหรัฐฯ หลายท่านไม่เห็นด้วยที่จะไปอุ้มสถาบันการเงินที่บริหารอย่างชุ่ยๆ ปั˜นเงินกันสนุกมือจนประเทศชาติเสียหาย

ขนาดคุณบุชบอกว่าถ้าไม่ช่วยประเทศพังทั้งประเทศนะ...ท่าน ส.ส. และ ส.ว.เหล่านี้ยังบอก พังก็พังซี คุณจะให้ผมทำในสิ่งที่ผิดหลักการได้อย่างไร

กว่าจะผ่านสภาทั้ง 2 ได้ ดูเหมือนจะถูกตีตกจนต้องเสนอเข้ามาใหม่ ว่ากันหลายยก

ผมจึงได้นำเสนอผ่านคอลัมน์นี้ไปว่าแม้จะถูกต้องแล้วที่รัฐบาลจะเข้ามามีบทบาทในการเป็นแกนนำเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

แต่ในการลงทุนหรือในการกระตุ้นก็จะต้องดูด้วยว่าจะเอาเงินไปใช้ทำอะไรและใช้อย่างไร? จะมาทำมั่วๆ มิได้เด็ดขาด

ของเราก็เช่นเดียวกัน ก่อนจะทุ่มเทเงินทองจะต้องคิดให้รอบคอบและคิดหลายๆด้าน เพราะถึงอย่างไรเงินก้อนนี้ก็ยังเป็นหยาดเหงื่อของประชาชน ที่นายกรัฐมนตรีในฐานะนักเศรษฐศาสตร์จะต้องดูแลให้เกิดประโยชน์สูงสุด

จ่ายเร็วนั้นถูกต้อง..แต่ก็จะต้องถูกระเบียบและถูกทำนองคลองธรรมด้วย คือไม่เป็นการทำให้เสียทั้งวินัยการคลังและวินัยทางเศรษฐศาสตร์ของชาติ

โครงการลดแลกแจกแถม หรือโครงการประชานิยมมีส่วนมากในการทำลายวินัยทางเศรษฐศาสตร์ของประชาชน เพราะจะทำให้ประชาชนรอแจก จนไม่อยากทำงานทำการ

ไม่ใช้นโยบายนี้เลยดีที่สุด แต่ถ้าจะใช้บ้าง ก็ขอให้ใช้ด้วยความระมัดระวัง และอย่าใช้บ่อยๆ หรือนานๆอย่างที่หลายๆ ฝ่ายเตือนไว้

เอาเป็นว่าเริ่มยกที่ 1 อภิสิทธิ์ ศิษย์ชวน ออกหมัดกว้างไปนิดหนึ่ง ยังไม่เข้าเป้าเท่าไรนัก...ถือซะว่าเป็นมวยใหม่อาจตื่นเวที...หวังว่ายก 2 ยก 3 คงจะชกเข้าฟอร์มมากขึ้นนะครับ.

“ซูม”