ที่มา ประชาทรรศน์
คอลัมน์ : ภัยแผ่นดิน
โดย ชัยอารีย์
นอกเหนือจากความรู้สึกที่ผมได้รับจากเพื่อนบ้าน และพี่น้องในท้องถิ่นชนบท ต่อการจากไปของแม่ผมแล้ว...ผมพอมีเวลามองหาความเปลี่ยนแปลงของสังคมปัจจุบัน ในพื้นที่แห่งนั้น ตามที่มองเห็นและได้รับทราบจากคนในเมืองสุราษฎร์ธานี....
มีหลายอย่างครับ...ที่อยากจะบอกให้บรรดา “นักการเมือง” สายรัฐบาล ได้รับรู้ไว้ด้วยว่า พวกท่านต้อง รับผิดชอบ และเร่งแก้ปัญหาเร่งด่วน
ใช่แค่ปลุกชาวบ้านให้หลับหูหลับตากับความคิดแคบๆ เพื่อต้องการรักษาฐานมวลชน ที่ขาดความรู้ทางการเมืองแท้จริง
ต้องคำนึงถึงสิ่งที่ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงระบบประชาธิปไตย ในการปกครองบ้านเมือง เพื่อให้เกิดความสงบสุขขึ้น
ไม่ใช่แค่มองเห็น...ทางเลือกของประชาชนมีอยู่ทางเดียวคือ นักการเมืองสายประชาธิปัตย์เท่านั้น ที่เข้าใจปัญหาบ้านเมือง
แล้วปล่อยให้ปัญหาต่างๆ เกาะกินอยู่กับสังคมชาวบ้าน หาทางเอาตัวรอดกันเองก็แล้วกัน
ปรากฏการณ์ในปัจจุบันนี้...คนในสังคมบางส่วนที่นั่น หลงทางไปถึงจุดอันตรายกันแล้ว
พืชผลทางเกษตร ที่คนระดับชาวบ้านพึ่งพาอาศัยทำมาหากินกันได้...ราคาค่อนข้างสูงตกกับคนซื้อจากพ่อค้าคนกลางในตลอด
แต่พี่น้องเราผู้ลงทุนลงแรงต้นทาง จำใจขายราคาถูก...ไม่คุ้มกับค่าปุ๋ย ที่ขึ้นราคาแล้วไม่ยอมลด...หยาดเหงื่อแรงงานที่ทุ่มเทไปเท่ากับสูญเปล่า
ยางพารา...ยุคทักษิณกิโลละ 100 บาท ยุครัฐบาลท่านมาร์ค ตกต่ำลงทุกวัน
ลดต่ำสุดต่ำกว่า 30 บาท...ไม่มีท่าทีว่าจะขยับขึ้นอีก
ในขณะเดียวกัน...เยาวชนและคนวัยทำงาน ไม่มีงานทำ แต่ทุกคนอยู่อย่างรวย เป็น “เถ้าแก่” ของลูกจ้างชาวพม่ากันหมด
วิ่งหาซื้อยาบ้ามาเสพ เม็ดละ 500 บาท เข้าไปแล้ว
เช้าขึ้นมาจิบกาแฟผสม “ใบกระท่อม” พร้อมยัดหมากใส่ปาก อมไว้ด้วยยาสูบใบจาก...ตกเย็นตั้งวงสนนาภาษาการเมือง อาศัยเหล้ารินใส่ปาก นั่งยกย่องนักการเมืองอยู่นั่นแหละ แต่ทุกคนไม่เคยเห็นหัวคนที่ตนยกย่องกันมาก่อนเลยก็มี
นักการเมืองใส่ใจปัญหาชาวบ้าน ก็แค่ใช้ปากในมีดโกนผสมน้ำผึ้ง ออกข่าวปาวๆ อยู่ในกรุงเทพฯ โน่น
นั่นคือ...ความเป็นจริงส่วนหนึ่งในสังคมชาวบ้าน ที่ทำตัวเป็นผู้เจริญปัญญาทางการเมือง และย่ำเท้าอยู่กับที่ ด้วยปัญหาที่สร้างสมกันมา จนกลายเป็นวัฒนธรรมเอาอย่าง ถ่ายสายเลือดไปสู่ลูกหลาน
นักการเมืองก็ได้แต่นั่งยิ้มแย้มด้วยความภาคภูมิใจในวิถีชีวิตของพ่อแม่พี่น้อง ที่ตกเป็นทาสความคิดของเขาอย่างยั่งยืนได้จนบัดนี้
ความคิดแบบนี้ ไม่รู้ว่านักการเมืองหน้าโง่ หรือพี่น้องเราชอบพฤติกรรมโง่ๆ ของนักการเมืองแบบนั้น
แต่สิ่งที่สะท้อนให้เห็นก็คือ...คนที่นั่นสนใจการเมือง มากกว่าความเดือดร้อนที่เกิดกับชีวิตประจำวัน
คนในท้องถิ่นที่นั่น นับวันแต่จะต้องอาศัยแรงงานพม่า...อาศัยรายได้ที่พม่าได้มาจากการว่าจ้าง มาอุดหนุนคนไทย
ราคายางพารา...ปาล์มน้ำมัน ตกต่ำลงไปเรื่อยๆ พม่าขาดรายได้จาก “เถ้าแก่” เมื่อไหร่ คนไทยอาจจะอดตาย เพราะไม่มีทางทำมาหากินอย่างอื่นก็ได้
ชาวสวนยางพารา ชาวสวนปาล์มน้ำมัน อยู่ได้ก็เพราะแรงงานพม่า...พม่าหนีกลับบ้านมันเมื่อไหร่ “เถ้าแก่” ระดับชาวบ้าน ระดับนายทุน มีหวัง...อดตายกันเกลี้ยง!!
แตกต่างกับพี่น้องชาวอีสาน ที่ไปใช้แรงงานทางภาคใต้ ส่วนใหญ่เขามีความอดทนสูง...ใช้แรงงานแลกกับเงิน เพื่อนำมาเกสริมสร้างคุณภาพชีวิต มุ่งมั่นในด้านการศึกษา เรียนรู้หารายได้เพื่อนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่า
จากชีวิตลูกจ้าง มาเป็นเจ้าของกิจการ...เป็นผู้บริหารไปในที่สุด
ก็เพราะความขยันและอดทน เป็นแบบอย่างที่ทุกคนทำตามเขาได้ ก็ได้ดิบได้ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
หรือ...นักการเมืองบ้านเรา อยากเห็นประชาชนโง่ตลอดกาล...จูงจมูกไปทางไหนก็ได้