ที่มา ประชาทรรศน์
หน่วยงานเตรียมพื้นที่ฉลองความสุข เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ด้าน ผลการสำรวจเอแบคโพลล์ สะท้อนความคิดเยาวชน อยากเห็นผู้ใหญ่เลิกทะเลาะ ย้ำขอเห็นคำว่า 'สามัคคี-ความสงบ' เกิดในสังคม จี้รัฐบาลเร่งกลับหลังหันสอดส่องเด็กไทยก่อนไม่รู้ซึ้งถึงความหมาย
เสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปี เป็นวันสำคัญอีกหนึ่งวันสำคัญของเด็กๆทุกครอบครัว ผู้ปกครองต่างคิดโปรแกรมหาสถานที่พาบุตร-หลานไปเที่ยวสนุกสนานในวันเด็กแห่งชาติ ซึ่งสถานที่ยอดฮิตในกรุงเทพมหานครคงมีไม่กี่แห่ง อย่างที่เห็นเป็นประจำทุกๆปี เหล่าบรรดาอาวุธยุโธปกรณ์จำนวนมากถูกนำมาจัดแสดงไว้ที่สนามหญ้า บริเวณหน้ากองบัญชาการกองทัพบก เพื่อร่วมกิจกรรมในงานวันเด็กแห่งชาติ โดยจะเปิดโอกาสให้เยาวชนและประชาชนทั่วไปได้สัมผัส เฮลิคอปเตอร์โจมตี ปืนใหญ่ และรถถังสกอร์เปียน ที่ลำเลียงมาจากกองพันทหารม้าที่ 4 รักษาพระองค์ อย่างใกล้ชิด
อีกทั้งในปีนี้ยังจะมีการเปิดพิพิธภัณฑ์กองทัพบกเฉลิมพระเกียรติให้เข้าชม เพื่อให้เยาวชนได้ศึกษาประวัติศาสตร์ชาติไทย และความเป็นมาของกองทัพ ส่วนการจัดแสดงนิทรรศการ จะให้เยาวชนได้ทราบถึงภารกิจของทหาร เช่น การดำรงชีพในป่า การป้องกันอาวุธชีวภาพ การแสดงชุดสุนัขทหาร และการบังคับม้า พร้อมทั้งเน้นการส่งเสริมความรักสามัคคี คุณธรรม การอนุรักษ์ธรรมชาติ และการเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์
โดยกองบัญชาการกองทัพไทย จะจัดกิจกรรมวันเด็กที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ ถ.วิภาวดี ที่เน้นกิจกรรมในภาพรวมของกองทัพ ส่วนกองทัพอากาศ จะจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ที่ลานจอดอากาศยาน คลังสินค้าท่าอากาศยานดอนเมือง และพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ ดอนเมือง โดยเน้นการแสดงการบินของอากาศยานแบบต่างๆ เช่น เครื่องบินขับไล่ เอฟ-16 และ เอฟ-5
ทางด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้จัดซุ้มกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ บริเวณห้องโถงอาคารรัฐสภา 1 เพื่อเตรียมความพร้อมให้เยาวชนและประชาชนเข้าชมห้องประชุมรัฐสภา และเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ในขณะที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ได้จัดงานวันเด็กทั้งที่อาคารรัฐสภา 2 และอาคารสุขประพฤติ โดยจัดในรูปแบบซุ้มเกม และกิจกรรมส่งเสริมประชาธิปไตย ความรู้เกี่ยวกับวุฒิสภา และการปกครองของไทย
ส่วนที่ทำเนียบรัฐบาลนั้น ปีนี้ผู้ปกครองไม่แน่ใจในเรื่องความปลอดภัย หลังจากเกิดเหตุระเบิดภายในท่อน้ำใกล้ตึกสันติไมตรี จากระเบิดปิงปองที่ตกค้างครั้งที่กลุ่มพันธมิตรฯได้ยึดครองทำเนียบยาวนานหลายเดือน แต่กระนั้นได้มีการจัดระบบรักษาความปลอดภัย และกิจกรรมเพื่อเตรียมต้อนรับงานวันเด็กแห่งชาติ ใครที่มีความใฝ่ฝันอยากนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ก็เชิญได้ แต่คงต้องให้ความร่วมมือกับจนท.เพื่อทำการตรวจค้นสัมภาระก่อนเข้าไปภายในทำเนียบฯ
ทั้งนี้แม้จะมีการตระเตรียมเครื่องบันเทิง เริงใจมอบให้เด็กมากแค่ไหน แต่ลึกๆในจิตใจของเด็กว่าแท้จริงแล้วอย่างได้อะไรบ้างในช่วงสภาวะการณ์เยี่ยงนี้ โดยเอแบคโพลล์ ได้ทำการเปิดเผยผลสำรวจความของเด็กไทยต่อผู้ใหญ่ในสังคม ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองในขณะนี้ พบว่า ร้อยละ 39.0 เด็กๆ อยากได้ คอมพิวเตอร์ บ้าน รถ ที่ดิน มือถือ ขอเงินใช้ของเล่น เป็นของขวัญในวันเด็กแห่งชาติจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
ขณะที่ร้อยละ 31.2 อยากได้ คอมพิวเตอร์ บ้าน รถ ที่ดิน มือถือ ขอเงินใช้ ของเล่น เป็นของขวัญวันเด็กจากผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนใหม่ ร้อยละ 60.0 อยากเห็นความสงบ และอยากให้ทุกฝ่ายเลิกชุมนุมประท้วงตามสถานที่ต่างๆ ในขณะนี้ ร้อยละ 91.0 อยากให้ผู้ใหญ่ในสังคมไทยแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบัน เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีในปี 2552 และร้อยละ 42.4 อยากได้ความรักความอบอุ่น การดูแลเอาใจใส่ กำลังใจจากครอบครัว
จะเห็นได้ว่าเด็กในผลสำรวจมีความต้องการทางด้านวัตถุ อุปกรณ์ เทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวก ทันสมัยไปตามกระแสนิยม มากกว่าความต้องการทางด้านจิตใจ หรือความรักจากครอบครัว สิ่งเหล่านี้สามารถตีไปได้2 ด้านคือ ประการแรก เด็กมีความรักความอบอุ่นจากพ่อแม่มากพอแล้ว ประการที่ 2 เด็กๆกำลังขาดความอบอุ่นจนต้องไขว่ขว้าความสุขชั่วครู่จากวัตถุที่ไร้ชีวิตจิตใจ
ด้านดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ยังเผยว่าผลสำรวจว่า เด็กมีสิ่งที่อยากวอนขอจากผู้ใหญ่บางกลุ่มที่กำลังมีความขัดแย้งทางการเมืองรุนแรงขณะนี้ คือ "อยากให้อยู่ในความสงบ อยากให้รักและสามัคคีกัน เลิกทะเลาะกัน" หันมาดูแลเอาใจใส่เด็กๆ มากขึ้น อย่าทำลายบรรยากาศการช่วยเหลือเกื้อกูลกันของสังคมไทย และยิ่งไปกว่านั้น เด็กๆ อยากเห็นผู้ใหญ่กระทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่อง ความจงรักภักดีต่อสถาบัน รักและสามัคคีต่อกัน เคารพต่อกฎหมายบ้านเมือง ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และแสดงความกตัญญู รู้คุณต่อประเทศชาติโดยส่วนรวม
ในสภาพเหตุการณ์ปัจจุบันจะเป็นเครื่องเบ้าหลอมความรู้สึก และความคิดของเด็กๆ จึงนับว่าเป็นเรื่องที่น่าห่วงใย และจำเป็นต้องใส่ใจอย่างยิ่ง เนื่องจากเหตุการณ์ทางการเมือง สังคม ของประเทศที่ผ่านมามีความแยกแยกทางความคิด มีการโจมตีผ่านเวทีปราศรัย และที่น่ากลัวที่สุดคือ การนำเด็กเล็กขึ้นเวทีปราศรัย จะลูกเต้าหลานแกนนำของใครไม่สำคัญ แต่นี่เป็นสิ่งอันตรายที่ใช้เด็กร่วมเป็นหนึ่งกับเกมการเมืองของผู้ใหญ่บางคน และมีการแสดงออกถึงความรุนแรงที่ทวีคูณเพิ่มมากเรื่อยจนเจ้าหน้าที่และกระบวนการยุติธรรมไม่สามารถดำเนินการได้อย่างทันควัน
ประเด็นดังกล่าวจึงเป็นหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งผู้ปกครองรวมไปถึงรัฐมนตรีในรัฐบาล ร่วมทั้งผู้ก่อ ผู้ที่เป็นต้นเหตุของปัญหา จำเป็นต้องหันกลับมาเอาใจใส่เด็กให้มากยิ่งขึ้น ไม่เช่นนั้นในอนาคตเด็กๆอาจไม่เข้าใจความหมายของคำว่า "สามัคคี" แล้วบ้านเมืองมันจะยุ่งเหยิงกว่านี้เป็นล้านเท่า....
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้มอบคำขวัญว่า "ฉลาดคิด จิตบริสุทธ์ จุดประกายฝัน ผูกพัน รักสามัคคี" เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2552
"เนื่องจากทุกวันนี้โลกเปลี่ยนแปลงเร็วมากจึงต้องสร้างคนที่รู้จักคิด มีความใฝ่รู้และรับข้อมูลข่าวสารก็จะสามารถนำข้อมูลมาปรับใช้ได้ตลอดแต่เราต้องรู้จักกลั่นกรอง เลือกข้อมูลที่เป็นประโยชน์และฝึกฝนระบบความคิดที่ดี และคิดว่าในสังคมเราไม่ได้ขาดคนเก่งแต่หลายคนใช้ความเก่งไปในทางที่ผิด ในที่สุดก็เป็นการทำลายตัวเองและประเทศชาติบ้านเมือง จึงหวังว่าจะเห็นเด็กและเยาวชนเป็นคนดี ดังนั้นเราทุกคนต้องช่วยกันปลูกฝังและเพิ่มพื้นที่แห่งการสร้างสรรค์
อีกทั้งยังอยากเห็นเด็กและเยาวชนมีเวลาให้กับตัวเองคือการสำรวจว่าตัวเองมีความเก่ง สามารถค้นพบตัว การหาเป้าหมายในชีวิต เพื่อชีวิตจะได้ไม่สูญเสียโอกาส อย่างไรก็ตามเราไม่ได้อยู่ในสังคมหรือโลกโดยลำพังหากในชุมชนหรือประเทศเราไม่ดีก็เป็นเรื่องยากที่เราจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความสุข ซึ่งไม่มีใครจะมาหยิบยื่นให้ได้ จึงถือว่าเป็นหน้าที่ของทุกคนจะต้องช่วยกันและอยากให้ทุกคนตระหนักและให้ความสำคัญสิ่งเหล่าเพื่อเป็นแนวทางในการสร้างคนที่มีคุณภาพและเป็นการวางรากฐานที่ดีสำหรับอนาคตของประเทศต่อไป
นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวมอบคำขวัญเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ “รู้รักสามัคคี มีวินัย ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม นำประชาธิปไตย”
"วันเด็กแห่งชาติถือเป็นวันสำคัญวันหนึ่งที่ทุกฝ่ายต้องประจักษ์อยู่เสมอว่า สังคมไทยได้ให้ความสำคัญแก่เด็กและเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ นอกเหนือจากเวลาปกติ ทั้งนี้จะช่วยกันส่งเสริมพัฒนาเด็กและเยาวชน เพื่อให้เด็กๆทุกคนได้รู้ถึงความสำคัญของตน เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบตามระเบียบวินัย ที่มีต่อตนเองและสังคม มีความยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข พร้อมกันกับทำให้เด็กได้เข้าใจและได้ตระหนักถึงบทบาทหน้าที่ของตนเองว่า การศึกษาเล่าเรียน การสร้างวินัยและการสร้างสรรค์แต่สิ่งที่ดีงามตลอดจนการเชื่อฟังผู้ใหญ่ อันมีบิดา มารดา ครูอาจารย์ เป็นที่ตั้งถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ขณะเดียวกันผู้ใหญ่ก็ต้องรู้จักการรับฟังความคิดเห็นและความต้องการของเด็ก อันจะเป็นพลังที่สร้างสรรค์ความสามัคคีให้บังเกิดขึ้นต่อครอบครัวและเป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมต่อไปในอนาคต สมกับคำขวัญเนื่องในวันเด็กแห่งชาติที่ตนได้ให้ไว้ เพื่อให้เด็กและเยาวชนไทยนำคำขวัญนี้ไปปฏิบัติให้บังเกิดผลทั้งต่อตนเองและประเทศชาติบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้าต่อไปในอนาคต"
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย
"เด็กไทยสมัยนี้ได้รับข่าวสารข้อมูลมาก เป็นยุคแห่งการสื่อสาร นั่นคือเยาวชนได้รับข้อมูลข่าวสารมากกว่าเด็กไทยสมัยอดีต เด็กในวันนี้เป็นกำลังที่ดี และเป็นกำลังที่สำคัญในระบอบประชาธิปไตยในวันข้างหน้า และก็เป็นกำลังที่ดีของชาติในอนาคตต่อไปด้วย"