ที่มา ไทยรัฐ
ส่วนกรณีที่มีการร้องคัดค้านการสรรหานายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ถึงที่มาขององค์กรที่ส่งรายชื่อเข้ารับการสรรหาว่าชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. แถลงว่า ที่ประชุม กกต. มีมติเสียงข้างมากว่า การสรรหานายเรืองไกรเป็นไปโดยไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากนายเรืองไกรเป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อจากนิติบุคคลอาคารชุดเซ็นจูเรี่ยนปาร์ค ซึ่งมิใช่องค์กรตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 114 และกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. และการได้มาซึ่ง ส.ว. และให้ กกต.ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งเพื่อไต่สวนและวินิจฉัย ทั้งนี้หลังจาก กกต.มีมติว่าการสรรหาของนายเรืองไกรมีปัญหากฎหมายบัญญัติให้ส่งต่อไปยังศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งโดยพลัน และต้องยื่นคำร้องภายใน 1 ปี นับแต่วันประกาศผลการสรรหา ส.ว. เมื่อวันที่ 19 ก.พ. 2551 เพื่อให้ศาลฎีกาฯวินิจฉัย หากศาลฎีกาฯ ยืนตามมติของ กกต. จะสั่งให้มีการสรรหาใหม่ และถ้ามีพฤติการณ์เชื่อได้ว่ามีการสนับสนุนให้มีการรู้เห็นเป็นใจ ศาลฎีกาฯสามารถสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปีได้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเพียงดุลพินิจของ กกต. ต้องรอดุลพินิจของศาลฎีกา
“เรืองไกร” ย้อน กกต.มีส่วนผิด
ด้านนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า อยากถามว่าองค์กรนิติบุคคลที่ส่งตนเข้ารับการสรรหา ไม่ใช่นิติบุคคลตรงไหน หรือ กกต.ตีความเป็นอย่างอื่นหรือไม่ อยากถาม กกต.ว่าตอนที่ไปสมัครได้รับรองคุณสมบัติว่าผ่านทุกอย่าง ไม่เห็นมีใครคัดค้าน จึงไม่หนักใจหากศาลจะวินิจฉัยว่ามาโดยมิชอบ เพราะเป็น ส.ว.ก็ได้ ไม่เป็นก็ได้ ไม่ได้รู้สึกต่ำต้อยอะไร แต่เมื่อกระบวนการสรรหามาจาก กกต. สุดท้ายมาวินิจฉัยเองว่าที่มาของตนมิชอบ ก็ไม่เป็นไร นอนพักอยู่ที่บ้านก็ได้ ไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง แต่อยากถามกลับว่า กกต.มีส่วนผิดด้วยหรือไม่ ผู้สื่อข่าวถามว่ามีกระบวนการพยายามจะกลั่นแกล้งหรือไม่ นายเรืองไกรตอบว่า ไม่เชื่อว่าจะมีกระบวนการกลั่นแกล้ง แต่ เป็นการวินิจฉัยของเจ้าหน้าที่ กกต.หรือคณะกรรมการ กกต. ทำหน้าที่สรรหามิชอบหรือไม่ ถ้าตนไปทำหน้าที่ขัดรัฐธรรมนูญร้ายแรง อย่างการรับของขวัญปีใหม่เกิน 3,000 บาท อย่างนั้นค่อยมาวินิจฉัยตน อย่างไรก็ตามเกรงว่าคดีนี้อาจเหมือนคดีหวยบนดิน ที่ต้องซวยทั้ง ครม.ซึ่งเป็นผู้อนุมัติ