ที่มา Thai E-News
พระราชทานเพลิงศพ-สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชทานเพลิงศพนางสาวอังคณา ระดับปัญญาชาติวุฒิ ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองในวันที่ 7 ตุลาคม 2551
โดย ประชาชาติธุรกิจ
8 มกราคม 2551
ความจริง-หนังสือ "บันทึกคนข่าว 7 ตุลาฯ ข้อเท็จจริงที่แตกต่าง" ซึ่งจัดพิมพ์โดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ปรากฏข้อเท็จจริงที่ผ่านสายตานักข่าวกว่า 20 ชีวิตที่หลายคนเห็นในสิ่งที่ แตกต่างจากรายงานสรุปของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งมองเห็นความรุนแรงมาจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ (เท่านั้น)
ตำรวจที่หนีไม่ทันได้แต่นั่งยกมือไหว้อ้อนวอนร้องขอชีวิตอย่างน่าสงสาร พฤติกรรมที่ไร้มนุษยธรรมของกลุ่ม ผู้ชุมนุมที่มีป้ายการ์ดอาสาฯ คล้องคอหลายคนปิดกั้นไม่ยอมให้รถพยาบาลฉุกเฉินของ ร.พ. ตำรวจ นำ จ.ส.ต.ทวีป กลั่นเทียม ผบ. หมู่งานบังคับและปราบปราม สภ.อ.กำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ที่ถูกกลุ่มพันธมิตรฯ แทงด้วยด้ามธงได้รับบาดเจ็บสาหัสระหว่างการปะทะที่แยกอู่ทองในออกจากพื้นที่-บันทึกของช่างภาพไทยรัฐ
จากหนังสือ "บันทึกคนข่าว 7 ตุลาฯ ข้อเท็จจริงที่แตกต่าง" ซึ่งจัดพิมพ์โดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ปรากฏข้อเท็จจริงที่ผ่านสายตานักข่าวกว่า 20 ชีวิตที่หลายคนเห็นในสิ่งที่ แตกต่างจากรายงานสรุปของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ซึ่งมองเห็นความรุนแรงมาจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ (เท่านั้น)
เพราะเอาเข้าจริงแล้วกลุ่มผู้ชุมนุมในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็ใช้ความรุนแรง ผ่านเลยจุด ที่เรียกว่า อารยะขัดขืน ไปไกลมาก ต่อไปนี้คือ บันทึกนักข่าวที่สังคมควรได้รับรู้ความจริงอีกด้าน
ระหว่างเขาควาย-ในการปฏิบัติหน้าที่สนามของช่างภาพสื่อมวลชนไม่พ้นโดนกระทบกระทั่ง ในภาพนายสมเมธ สมคะเน ช่างภาพไทยรัฐแจ้งความโดนคนเสื้อแดงทำร้ายขณะทำข่าว ต่อมาเหตุเกิดหน้าสภาเมื่อ7ตุลา2551ก็โดนเสื้อเหลืองใช้ไม้หน้าสามตีเข้าท้ายทอย
ตุลาฯ ลืมไม่ลง
(หัสยา ชาติมนตรี สำนักข่าวเนชั่น)
ผู้ชุมนุมที่อยู่ด้านถนนราชวิถีฝั่งทางเข้าสวนดุสิตคนหนึ่งได้ปาระเบิดขวดเข้าใส่บริเวณที่ตำรวจยืนอยู่ ทำให้เกิดไฟไหม้เพียงเล็กน้อย จากนั้นก็มีเสียงปืนยิงรัวมาจากฝั่ง ผู้ชุมนุมทั้ง 2 ด้าน ยังมีการยิงลูกเหล็ก นอต ลูกแก้ว เข้าใส่ตำรวจ ทำให้ตำรวจที่ขณะนั้นมีเพียงโล่และกระบองต้องวิ่งหนี
บริเวณหน้าอาคารวุฒิสภาก็มีตำรวจถูกยิงที่ไหปลาร้าด้านขวา 1 คน และบริเวณราวนมด้านขวาอีก 1 คน เพื่อนตำรวจตัดสินใจใช้มีดผ่ากระสุนให้กับผู้ที่โดนยิงที่ไหปลาร้า ส่วนอีกคนที่โดนยิงที่ราวนมด้านขวานั้นไม่สามารถผ่ากระสุนออกได้ เพราะกระสุนอยู่ลึก
...ถนนพิชัยที่มุ่งหน้าไปทางพรรคชาติไทยได้ยินเสียงตะโกนไล่หลัง เมื่อหันไปก็เห็นตำรวจวิ่งถอยร่นลง ตำรวจคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บถูกด้ามธงของกลุ่มพันธมิตรฯแทงบริเวณท้อง เดินกุมท้องเลือดไหลเต็มขากางเกงและหยดลงไหลนองเต็มพื้นถนน พร้อมกับมีตำรวจคนอื่นได้รับบาดเจ็บ ทั้งหัวแตก ขาหัก โดยมีกลุ่มพันธมิตรฯถือไม้กอล์ฟ ธง และขว้างปาสิ่งของวิ่งโห่ไล่ประกบมาอย่างกระชั้นชิด
บริเวณถนนราชวิถี ฝั่งประตูทางเข้าพระที่นั่งวิมานเมฆ มีชาย 2 คนแขวนป้ายสีส้มมีข้อความ "สรส." (สหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์) เป็นแนวร่วมของกลุ่มพันธมิตรฯใช้อุปกรณ์ตัดไฟที่บริเวณดังกล่าว และให้ผู้ชุมนุมนั่งเฝ้าไว้ เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ มาต่อไฟ
บริเวณหน้าพรรคชาติไทยมีรถเกิดไฟลุกไหม้อยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามพรรคชาติไทย พบว่ามีผู้เสียชีวิตนอนอยู่ด้านข้างรถโดยสภาพศพตอนนั้นไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นชายหรือหญิง เพราะร่างกายไหม้เกรียม อวัยวะ แขนขา ฉีกขาด กระจัดกระจายทั่วบริเวณเหมือนเป็นแค่ก้อนเนื้อ หัวกะโหลกเปิดออกทำให้สมองกระเด็นไปติดอยู่ที่ต้นไม้ที่อยู่ด้านข้าง บริเวณตัวรถมีไฟลุกไหม้และมีเสียงระเบิดดังตามมาอีกหลายครั้ง จนกระทั่งเปลวไฟได้ไหม้ไปถึงถังก๊าซติดรถยนต์ที่อยู่บริเวณหลังรถ ทำให้เกิด
ระเบิดอย่างรุนแรงและไฟได้ลุกไหม้ตัวรถอย่างรวดเร็ว
ผู้ชุมนุมที่อยู่ด้านถนนราชวิถีฝั่งทางเข้าสวนดุสิตคนหนึ่งได้ปาระเบิดขวดเข้าใส่บริเวณที่ตำรวจยืนอยู่ ทำให้เกิดไฟไหม้เพียงเล็กน้อย จากนั้นก็มีเสียงปืนยิงรัวมาจากฝั่ง ผู้ชุมนุมทั้ง 2 ด้าน ยังมีการยิงลูกเหล็ก นอต ลูกแก้ว เข้าใส่ตำรวจ ทำให้ตำรวจที่ขณะนั้นมีเพียงโล่และกระบองต้องวิ่งหนี
บริเวณหน้าอาคารวุฒิสภาก็มีตำรวจถูกยิงที่ไหปลาร้าด้านขวา 1 คน และบริเวณราวนมด้านขวาอีก 1 คน เพื่อนตำรวจตัดสินใจใช้มีดผ่ากระสุนให้กับผู้ที่โดนยิงที่ไหปลาร้า ส่วนอีกคนที่โดนยิงที่ราวนมด้านขวานั้นไม่สามารถผ่ากระสุนออกได้ เพราะกระสุนอยู่ลึกมาก
กำแพงความรู้สึก
บทบันทึกจากซอยสวนอ้อยถึงเพลงชาติ
(ธนก บังผล หนังสือพิมพ์ประชาชาติฯ)
ชายฉกรรจ์เสื้อเหลืองหลายสิบคนกำลังล้อมรถตำรวจคันหนึ่งอยู่ ซึ่งยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งนั่งอยู่ในรถ โดยที่ล้อรถทั้งสี่ถูกเจาะลมออกจนแบนราบแล้ว
ชายฉกรรจ์เสื้อเหลืองหลายสิบคนกำลังล้อมรถตำรวจคันหนึ่งอยู่ ซึ่งยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนหนึ่งนั่งอยู่ในรถ โดยที่ล้อรถทั้งสี่ถูกเจาะลมออกจนแบนราบแล้ว
จากที่เดินวนรัฐสภาหลายรอบ เดินย้อนกลับมายังทางเดิมอีกครั้ง ผ่านกลุ่มคนที่ล้อมรถตำรวจ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นกำลังอยู่ในรถ และถูกล้อมโดยกลุ่มคนเสื้อเหลืองจำนวนหนึ่ง บางคนมีอาวุธอยู่ในมือ
มอเตอร์ไซค์หลายคนขับขี่ด้วยความเร็วลัดเลาะไปตามซอกซอยต่างๆ วัยรุ่นบางคนซ้อนมอเตอร์ไซค์ทั้งๆ ที่กำไม้ยาวอยู่ในมือแน่น มีวัยรุ่นหลายคนถือไม้และเหล็กเตรียมพร้อม เด็กวัยรุ่นเอาไม้และรถมอเตอร์ไซค์มาจอดปิดกั้นทางเข้า ได้ยินเด็กบางคนในกลุ่มวัยรุ่นตะโกนขับไล่คนเสื้อเหลืองที่กำลังวิ่งแตกฮือผ่านหลังซอย
และยังพบอีกว่า ในอารมณ์นั้น เวลานั้น วัยรุ่นบางคนในซอยสวนอ้อยยืนถือไม้หรือเหล็กเฝ้าทางเข้าเพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯล้ำมาในพื้นที่ชุมชน
ต่างเหตุต่างผลที่หน้า บช.น.
(ธานี ทวีเกิด หนังสือพิมพ์ข่าวสด)
มีเสียงตำรวจร้องขอว่า "พี่น้องครับอย่าเข้ามานะครับ" แต่กลับมีเสียงโห่ฮาอย่างสนุกสนานตอบกลับมา กระทั่งฟ้ามืดเรื่องก็พลิก เมื่อพันธมิตรฯ เสื้อเหลืองพยายามจะผ่านแดนด้วยการเข้ามายกรั้งลวดหนามออก
บนถนนศรีอยุธยาด้านหน้า บช.น. เห็นตำรวจแต่ละคนเริ่มเตรียมพร้อมทั้งโล่และกระบอง ตามด้วยปืนยิงแก๊สน้ำตา กระสุนอีกเป็นลัง มีรายงานว่าฝ่ายพันธมิตรฯ เริ่มแตกและจะกลับไปที่ทำเนียบฯ แต่ต้องผ่าน บช.น. ทำให้ช่วงเย็นเริ่มมีกลุ่มพันธมิตรฯ จับกลุ่มโห่ร้อง แถมด่าตำรวจด้วยความเจ็บแค้น ส่วนตำรวจมาตั้งแถวเตรียมพร้อมรับมือ โดยเอารั้วลวดหนามมากั้นไว้ 2 ชั้น
เหตุการณ์เหมือนจะไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ มีเสียงตำรวจร้องขอว่า "พี่น้องครับอย่าเข้ามานะครับ" แต่กลับมีเสียงโห่ฮาอย่างสนุกสนานตอบกลับมา กระทั่งฟ้ามืดเรื่องก็พลิก เมื่อพันธมิตรฯ เสื้อเหลืองพยายามจะผ่านแดนด้วยการเข้ามายกรั้งลวดหนามออก สักครู่เสียงตูม ตูม ตูม จึงดังสนั่นขึ้น ตามด้วยเสียงหวีดร้องของกลุ่มพันธมิตรฯ แต่ก็เป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น เพราะทุกคนในกลุ่มผู้ชุมนุมเตรียมตัวมาแล้วว่าต้องทำอย่างไร บางคนมีอุปกรณ์ป้องกันตัว
บางคนยืนหยัดสู้กับฝ่ายตำรวจ เจ้าหน้าที่มีโล่และกระบองเป็นอาวุธ เสียงยิงแก๊สน้ำตายังดังไม่ขาดระยะ ตามด้วยเสียงสะท้อนกลับจากคมกระสุนของหนังสติ๊กบรรจุลูกแก้วและลูกเหล็กดังขึ้นไม่ขาดกัน
ท่ามกลางความชุลมุนฝูงชนเสียงตีเกราะ เสียงโห่ไล่ ดังนานนับชั่วโมง พันธมิตรฯ ร้องท้าทายตำรวจท่ามกลางหมอกควันของแก๊สน้ำตา "ไอ้สารเลว ถ้ามึงแน่จริงก็มาต่อยกับกูตัวๆ มั้ยล่ะ อาวุธไม่เกี่ยว"
สุดท้ายตำรวจต้องใช้แผนระดมยิงอย่างไม่ยั้ง ภายใต้เหตุผลว่าต้องรักษาที่มั่นของตัวเอง เพราะถ้ารักษาที่ตั้งตัวเองไม่ได้ ก็ไม่ต้องไปดูแลบ้านของคนอื่นแล้ว
บันทึกจากผู้สื่อข่าวต่างประเทศ : เกิดอะไรขึ้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551
(Nick Nostitz เผยแพร่ในเว็บไซต์ New Mandala)
ฝ่ายพันธมิตรฯใช้ปืนสั้นยิงเข้าใส่ตำรวจหัวมุมตึกรัฐสภา และตำรวจที่ถูกปิกอัพพุ่งชนโดยตั้งใจ
ประมาณ 10.00 น. ฝ่ายพันธมิตรฯ ก็เริ่มโจมตี พวกเขาโยนระเบิดปิงปองเข้าไปในพื้นที่ของ บช.น. และเข้าใส่ตำรวจ พวกเขาใช้หนังสติ๊กระดมยิงลูกเหล็กและลูกแก้วเข้าใส่ตำรวจ ช่วงบ่ายเกิดการปะทะกันอีกครั้ง ผู้ชุมนุมที่กำลังถูกตำรวจระดมยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ โดยตำรวจพยายามตอบโต้การโจมตีของฝ่ายพันธมิตรฯ
สถานการณ์ก็ตึงเครียดอย่างไม่น่าเชื่อ ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาตลอดเวลา ทั้งตรงหัวมุมถนนที่ใกล้กับประตูใหญ่รัฐสภา ขณะหนึ่ง ฝ่ายพันธมิตรฯพยายามขับรถบรรทุกตรงเข้ามายังตำรวจที่อยู่ตรงถนนร่วมจิต พวกตำรวจจึงรีบตั้งเครื่องกีดขวางและยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่รถบรรทุกทันก่อนที่รถจะชนตำรวจ คนขับถูกตำรวจนำตัวไป
ฝ่ายพันธมิตรฯใช้ปืนสั้นยิงเข้าใส่ตำรวจหัวมุมตึกรัฐสภา และตำรวจที่ถูกปิกอัพพุ่งชนโดยตั้งใจ
เมื่อฟ้ามืด บช.น. ซึ่งกำลังเจอกับการโจมตีอย่างต่อเนื่องจากพันธมิตรฯ ตำรวจใช้แก๊สน้ำตา พันธมิตรฯใช้หนังสติ๊ก เสียงกระสุนปะทะกับโล่กำบังและพื้นถนนตลอดเวลา ฝ่ายพันธมิตรฯยิงปืนออกไปเป็นครั้งคราวเช่นกัน มีความพยายามขับรถยนต์และรถบรรทุกเข้าชนแนวกีดขวาง แต่ตำรวจสกัดไว้ได้
สถานการณ์สงบลงเล็กน้อย ตำรวจยึดตรงหัวมุมลานพระบรมรูปทรงม้ากลับมาได้ รถปิกอัพที่พยายามจะชนตำรวจจอดแน่นิ่ง ตำรวจลากชาย 2 คนออกมาจากข้างหลังและเล่นงานพวกเขาเล็กน้อย
หลัง 22.00 น. สถานการณ์เริ่มอยู่ในการควบคุมมากขึ้น สักครู่มีชายใส่ชุดพรางลายทหาร อาจเป็นทหารประจำการหรือนอกราชการที่อยู่ฝ่ายพันธมิตรฯ มาเจรจากับตำรวจอยู่ชั่วครู่
ตำรวจตอบไปว่าพวกเขาจะหยุดยิงแก๊สน้ำตาหากฝ่ายพันธมิตรฯหยุดยิงหนังสติ๊กและโจมตีตำรวจ ตำรวจเพียงแค่ตอบโต้การโจมตีเท่านั้น
7 ตุลาทมิฬ
กับความชินชาของกลิ่นคาวเลือด
(หทัยรัตน์ พหลทัพ หนังสือพิมพ์มติชน)
เวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กำลังขืนใจประชาชนด้วยการใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมเพื่อเปิดทางให้สมาชิกรัฐสภาออกจากอาคารรัฐสภา ที่ฝ่ายหนึ่งถืออาวุธที่เรียกว่าปืนและกระสุนแก๊สน้ำตาที่มีอานุภาพร้ายแรง ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งมีไม้ หนังสติ๊ก ด้ามธง และบางส่วนก็มีปืนเป็นอาวุธ
7 ชั่วโมง
ม็อบล้อมสภา นายกฯ กลัว สื่อก็กลัว
(สกู๊ปหน้า 1 ไทยรัฐ ฉบับวันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม 2551)
ช่างภาพเล่าให้ฟังว่าเห็นตำรวจถูกยิงที่คอ แต่ก็เก็บภาพไม่ได้ว่าใครยิง ทิศทางกระสุนที่ตำรวจยิงมาจากฝั่งม็อบ ภาพข่าวที่เห็นทางทีวีช่องหนึ่งจับภาพผู้ประท้วง คนหนึ่ง วิ่งไปด้วย ยิงปืนไปด้วย...หันปากกระบอกมาทางเจ้าหน้าที่
ช่างภาพเล่าให้ฟังว่าเห็นตำรวจถูกยิงที่คอ แต่ก็เก็บภาพไม่ได้ว่าใครยิง ทิศทางกระสุนที่ตำรวจยิงมาจากฝั่งม็อบ ภาพข่าวที่เห็นทางทีวีช่องหนึ่งจับภาพผู้ประท้วง คนหนึ่ง วิ่งไปด้วย ยิงปืนไปด้วย...หันปากกระบอกมาทางเจ้าหน้าที่
รถที่เสียหายส่วนใหญ่เป็นรถตำรวจโดน ทุบกระจกพังยับ โดนปล่อยลมยาง 4 ล้อ
ผมเห็นเขาวิ่งหนี
(วุฒิ นกสกุล หนังสือพิมพ์เดลินิวส์)
การ์ดของพันธมิตรฯบ้างก็ห้ามพวกของตัวเองว่าอย่าทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูเหมือนไม่ได้ผล ไล่ชกต่อและตีเจ้าหน้าที่อย่างเมามันจนล้มลุกคลุกคลาน บางรายเดินเจาะยางรถยนต์ของเจ้าหน้าตำรวจทุกคันตลอดทางการผลักดันกว่า 15 คัน
ประมาณ 11.00 น. แกนนำประกาศให้การ์ดของพันธมิตรฯ เดินหน้าผลักดัน เจ้าหน้าที่ตำรวจหวังที่เดินเข้าไปปิดทางออก
การ์ดฯ บางคนใช้ไม้ ใช้เหล็ก หวดเข้าไปที่โล่กำบังของเจ้าหน้าที่ถึงกับแตก
การ์ดของพันธมิตรฯบ้างก็ห้ามพวกของตัวเองว่าอย่าทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดูเหมือนไม่ได้ผล ไล่ชกต่อและตีเจ้าหน้าที่อย่างเมามันจนล้มลุกคลุกคลาน บางรายเดินเจาะยางรถยนต์ของเจ้าหน้าตำรวจทุกคันตลอดทางการผลักดันกว่า 15 คัน
กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯได้เข็นรถบรรทุกหกล้อ ปิดทางเข้าออกรัฐสภา พร้อมกับเจาะยางทุกล้อ
บันทึกความทรงจำ
(สมเมธ สมคะเน หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ)
ตำรวจที่หนีไม่ทันได้แต่นั่งยกมือไหว้อ้อนวอนร้องขอชีวิตอย่างน่าสงสาร พฤติกรรมที่ไร้มนุษยธรรมของกลุ่ม ผู้ชุมนุมที่มีป้ายการ์ดอาสาฯ คล้องคอหลายคนปิดกั้นไม่ยอมให้รถพยาบาลฉุกเฉินของ ร.พ. ตำรวจ นำ จ.ส.ต.ทวีป กลั่นเทียม ผบ. หมู่งานบังคับและปราบปราม สภ.อ. กำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ที่ถูกกลุ่มพันธมิตรฯ แทงด้วยด้ามธงได้รับบาดเจ็บสาหัสระหว่างการปะทะที่แยกอู่ทองในออกจากพื้นที่
เวลา 11.00 น. การ์ดอาสาพันธมิตรฯ ได้เริ่มโจมตีแนวสกัดกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยการขว้างก้อนหิน ขวดน้ำ และใช้ท่อนเหล็ก กับด้ามธงดัดแปลงเป็นปลายหอก ไล่ตีผลักดันออกจากถนนราชวิถี ทำให้ตำรวจที่มีอยู่ประมาณ 2 กองร้อยต้องถอยร่น ตำรวจที่หนีไม่ทันได้แต่นั่งยกมือไหว้อ้อนวอนร้องขอชีวิตอย่างน่าสงสาร
พฤติกรรมที่ไร้มนุษยธรรมของกลุ่ม ผู้ชุมนุมที่มีป้ายการ์ดอาสาฯ คล้องคอหลายคนปิดกั้นไม่ยอมให้รถพยาบาลฉุกเฉินของ ร.พ. ตำรวจ นำ จ.ส.ต.ทวีป กลั่นเทียม ผบ. หมู่งานบังคับและปราบปราม สภ.อ. กำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ที่ถูกกลุ่มพันธมิตรฯ แทงด้วยด้ามธงได้รับบาดเจ็บสาหัสระหว่างการปะทะที่แยกอู่ทองในออกจากพื้นที่
การ์ดอาสาพันธมิตรฯ อีกบางส่วนได้ปล่อยลมยางตำรวจ และรถพยาบาลทั้งหมดที่จอดอยู่บริเวณถนนพิชัยและถนนสุโขทัย รวมทั้งได้รื้อค้นทรัพย์สินในรถทั้งหมด และทำลายระบบสตาร์ตรถไม่ให้ใช้การได้
เวลา 16.15 น. ตำรวจปราบจลาจล ซึ่งมีอาวุธพร้อมทั้งกระสุนยาง ปืนยิงแก๊สน้ำตา ระเบิดแก๊สน้ำตา และหน้ากากป้องกันแก๊สน้ำตา ได้เริ่มต้นยิงแก๊สน้ำตาอย่างต่อเนื่องเข้าใส่ผู้ชุมนุมหลายสิบนัดบริเวณแยกการเรือน ทำให้ผู้ชุมนุมหลบหนีอย่างอลหม่านไปตามซอกซอยชุมชน สวนอ้อย ผู้ชุมนุมอีกบางส่วนได้ใช้เก้าอี้ ทุบกระจกอาคารพัฒนาทุนมนุษย์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ขึ้นไปหลบ บนอาคารและด้านหลังอาคาร ในอาการสั่นงันงก เนื่องจากกลัวเจ้าหน้าที่ตำรวจทำลาย ขณะผู้ชุมนุมที่ห้อยป้ายการ์ดอาสาฯ บางคนได้ใช้ระเบิดขวดปาตอบโต้
การ์ดอาสาพันธมิตรฯ ที่เคยไล่ตีตำรวจอย่างกระหน่ำรุนแรงเมื่อเวลา 11.00 น. ต่างหลบหน้าหายตัวไปหมด
เหลือเพียงประชาชนผู้ร่วมชุมนุมทั่วไปต้องต่อสู่ป้องกันตัวตามลำพัง เนื่องจากเกรงจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้าย เห็นได้จากผู้ชุมนุมพยายามใช้ขวดน้ำ ก้อนอิฐ ก้อนหินเท่าที่หาได้เขวี้ยงใส่ตำรวจระหว่างวิ่งหนีแก๊สน้ำตา มีความพยายามใช้รถสิบล้อวิ่งจากแยกอู่ทองนอก เพื่อต้องการจะเข้าไปชนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก่อนจะถึงตัว เจ้าหน้าที่ประมาณ 100 เมตร ก็ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงแก๊สน้ำตาระดมเข้าใส่รถคันดังกล่าว ทำให้คนขับต้องกระโดดลงจาก รถเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงยึดรถคันดังกล่าวขับออกไป
เริ่มมีการตอบโต้จากฝั่งของผู้ชุมนุมบ้าง ได้ใช้ก้อนอิฐตัวหนอนเขวี้ยงใส่และระดมยิงใส่หนังสติ๊ก โดยใช้นอตหัวตัดเป็นกระสุนเป็นระยะ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ระเบิดแก๊สน้ำตาเขวี้ยงสกัดการโจมตีของผู้ชุมนุม
การบุกตีโต้ของกลุ่มผู้ชุมนุมในถนนพิชัย ใช้อาวุธเป็นไม้หน้าสาม ด้ามธงติดปลายเหล็กแหลม ไล่ตีรันฟันแทงเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างหนัก
ผมซึ่งติดอยู่ในวงล้อมตอนนั้นด้วยต้องโดนผู้ชุมนุมใช้ไม้หน้าสามฟาดเข้าที่ท้ายทอย โชคดีที่ยังไม่หนักมาก พร้อมตะโกนร้องบอกผู้ชุมนุม "ผมเป็นนักข่าว... อย่าตีผม" ถึงได้รอดออกมา
หลังภาพระทึก ชายเสื้อดำผู้ลั่นกระสุน
(ภานุมาศ สงวนวงษ์ ช่างภาพหนังสือพิมพ์มติชน)
แกนนำผู้ชุมนุมประกาศของให้ตำรวจหยุดยิง พร้อมร้องขอให้เจ้าหน้าที่พยาบาลเข้าไปดูแลนำคนเจ็บออกมาจากจุดปะทะ สถานการณ์นิ่งชั่วครู่ก็กลับมาวุ่นวายอีกครั้ง เพราะมีผู้ชุมนุมบางคนใช้หนังสติ๊กยิงเข้าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ความเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมก็เริ่มขึ้น แถวหน้าเริ่มเข้าลุย โดยใช้สองมือดันโล่และแถวตำรวจให้แตก ก่อนที่ท่อนไม้ เสาธง ขวดแก้วและอาวุธเฉพาะกิจสารพัดจะระดมเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีโล่และกระบอง ตำรวจถอยร่นออกไปทางถนนสุโขทัย ผู้ชุมนุมบางส่วนใช้ไม้วิ่งเข้าตีตำรวจที่กึ่งวิ่ง กึ่งเดิน รถของเจ้าหน้าที่ตำรวจเกือบทุกคันที่จอดอยู่ริมถนนถูกปล่อยลมยางออกทั้งหมด
แกนนำผู้ชุมนุมประกาศของให้ตำรวจหยุดยิง พร้อมร้องขอให้เจ้าหน้าที่พยาบาลเข้าไปดูแลนำคนเจ็บออกมาจากจุดปะทะ สถานการณ์นิ่งชั่วครู่ก็กลับมาวุ่นวายอีกครั้ง เพราะมีผู้ชุมนุมบางคนใช้หนังสติ๊กยิงเข้าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ