ที่มา ประชาทรรศน์
* นักวิชาการรุมจวกขัดนโยบายคุณธรรมสูงส่ง
“นักวิชาการ” รุมจวกประชาธิปัตย์ ตั้ง “อภิรักษ์ โกษะโยธิน” เป็นที่ปรึกษานายกฯ ทำคนไทยทั้งประเทศเสียความรู้สึก แถมขัดนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อสภา ว่าจะเป็นรัฐบาลที่มากด้วยคุณธรรม จริยธรรม จี้ ปชป. ต้องแจงสังคมให้ชัดว่ามีเหตุผลอะไรที่ตั้งคนมีตำหนิเข้ามาทำงาน ส่วนกรณีส่งเทียบเชิญ “นาม ยิ้มแย้ม” นักวิชาการชี้ชัดเป็นรัฐบาลคุณขอมา แม้แต่ “อภิสิทธิ์” ก็ยังถูกจับนั่งเป็นนายกฯ พร้อมจี้รัฐบาลต้องมีความชัดเจนเรื่องแก้ไขรธน. และการดำเนินคดีกับม็อบชั่วพันธมิตรฯ แนะหากรัฐบาลไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายให้คนไทยเอาบัตรประจำตัวประชาชนไปคืน
* แนะ!เลิกเป็นคนไทยถ้ารัฐไม่กล้าเอาผิดม็อบชั่ว
ถูกตั้งฉายาเป็นรัฐบาล “ต่างตอบแทน” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ตั้ง นายกษิต ภิรมย์ เข้ามาเป็นรมว.ต่างประเทศ ด้วยความเชื่อของสังคมว่าเป็นการตอบแทนกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ออกมาขับไล่รัฐบาลก่อนหน้านี้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการตั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เข้ามาเป็น รมว.กลาโหม จนมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการตอบแทนทหารที่เข้ามาเป็นผู้จัดการรัฐบาลตัวจริง รวมไปถึงกรณีล่าสุดที่มีข่าวจะตั้งนายนาม ยิ้มแย้ม อดีตประธานคตส. ที่มีผลงานในการขุดคุ้ยเอาเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม ก็เป็นที่ครหาและวิพากษ์วิจารณ์ไปอย่างกว้างขวาง
* แม้แต่อภิสิทธิ์ก็ยังถูกจับวาง
จากกรณีดังกล่าวนายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าเรียกอย่างนั้นก็ถูกแล้ว ยังจะต้องสงสัยอะไรอีก ที่มาของรัฐบาลก็เป็นอย่างนี้ อย่าลืมว่ารัฐบาลนี้ประชาชนไม่ได้เลือก แต่พวกเขาเลือกเอง คนเก่งในประเทศนี้ก็คงมี แต่คนดีไม่รู้ว่าอยู่ไหน ไม่ทราบว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไรเพราะรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลคุณขอมาอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงการเข้ารับตำแหน่งของบุคคลในรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม หรือแม้กระทั่งมีชื่อของนายนาม ยิ้มแย้ม รวมอยู่ด้วย นายสุธาชัยกล่าวว่าเขาเป็นพวกเดียวกัน ได้มาจากพันธมิตรฯ แต่นายอภิสิทธิ์ไม่ได้เป็นคนเลือกเอง ขนาดนายอภิสิทธิ์ยังถูกเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีเช่นกัน
ทั้งนี้ ชื่อของนายกษิตที่เป็นตำหนิของรัฐบาลชุดนี้ที่เห็นได้ชัดที่สุด เชื่อว่าก็ไม่น่าจะใช่ชื่อของคนที่นายอภิสิทธิ์ตั้งใจจะเลือกไว้ ถือว่าเป็นโควตาของกลุ่มพันธมิตรฯ
* สิ้นหวังกับรัฐบาลสหพันธ์
ด้านนายสมเกียรติ ตั้งนโม อาจารย์คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และอธิการบดีมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่าไม่ได้เห็นปรากฏการณ์ต่างตอบแทนเป็นเรื่องที่น่าสนใจ เพราะประชาชนไม่มีความหวังกับรัฐบาลสหพันธ์แบบนี้
ใครที่ละเมิดกฎหมายก็ต้องจัดการ ในเมื่อนายอภิสิทธิ์เป็นคนประกาศเองว่าจะทำให้ประเทศกลับไปสู่กระบวนการนิติรัฐให้ได้ ซึ่งตรงนี้ประชาชนทุกคนกำลังจ้องมองอยู่ว่าจะทำอย่างนั้นได้หรือไม่ และจะดำเนินการอย่างไรกับอันธพาลพันธมิตรฯ
ต่อมาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จนถึงขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไรเลย ซึ่งกำลังมองดูอยู่ว่ารัฐบาลจะแก้ไขจัดการกับรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ไม่ได้เรื่องนี้อย่างไร รวมถึงเรื่องทุนโลกาภิวัตน์ นายอภิสิทธิ์จะทำอย่างไรที่จะได้ผลตอบกลับจากการส่งออกสินค้า นายอภิสิทธิ์มีนโยบายในการขานรับเศรษฐกิจไทยอย่างไร ดูแลประชาชนจากล่างขึ้นบนอย่างไร หมายถึงคนที่ยากจนขึ้นไปก่อน นอกจากนโยบายลอกการบ้านเพื่อน แล้วจะทำการบ้านตัวเองอย่างไร
* แนะเอาบัตรปชช.ไปคืนรัฐบาล
“ผมมองอยู่ 3 ระดับ รัฐบาลจะทำอย่างไรกับกฎหมาย เรื่องแก้ไขรับธรรมนูญ และคนจำนวนมากกว่าร้อยละ 65 ยังยากจนอยู่ ภายใน 3 เดือนนี้จะอดทนดูคุณ เราต้องพ้นเกมแม่สี คุณต้องปกครองและใช้อำนาจอย่างเท่าเทียม เราต้องกลับมาเป็นนิติรัฐ และนิติธรรม ถ้าไม่อย่างนั้นคนแก่คงต้องพกปืนกันคนละกระบอกเพื่อปกป้องตัวเอง เพราะกฎหมายไม่สามารถคุ้มครองตัวเราได้”
นายสมเกียรติ กล่าวต่อไปว่า ถ้ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ไม่สามารถปกครอง และบังคับใช้กฎหมายได้ ขอแนะนำว่าให้ประชาชนชาวไทยคืนบัตรประจำตัวประชาชนให้กับรัฐบาล เพราะไม่สามารถเป็นสมาชิกซ่องโจรได้
* โจรก็ย่อมบอกว่าพวกโจรดี
นอกจากนี้ กรณีดังกล่าวนายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ยังได้กล่าวถึงนายกษิตว่าเป็นโจร เป็นผู้ก่อการร้ายสากล เป็นกบฏร่วมกับ 9 แกนนำพันธมิตรฯ นายนามซึ่งมีตำแหน่งอยู่ในคตส. แล้วคตส.ถือว่าเป็นอำนาจปลอมที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกกฎหมาย ดังนั้นนายนามได้รับใบมอบอำนาจปลอมจากพวกโจรกบฏที่เป็นผู้ให้อำนาจ
"คนที่มีจิตใจไปร่วมกับโจรกบฏ ถ้าไม่เรียกว่าเป็นโจร ก็สมุนโจร ถามว่าถ้าเรามีบริษัท เราจะให้คนบ้าๆ พวกนี้เข้ามาทำงานหรือไม่ส่วนเรื่องของการที่รัฐบาลถูกเรียกว่าเป็นรัฐบาลต่างตอบแทนนั้น แล้วแต่คนจะเรียก บอกได้แค่ว่าโจรก็ย่อมรักโจร"
ส่วนที่เวทีพันธมิตรฯ ฉลองปีใหม่ซึ่งมี น.ต.ประสงค์ กล่าวถึงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ในทำนองข่มขู่เพื่อส่งผลให้รัฐบาลทำงานไม่ได้ในการเอาผิดทางกฎหมายกับพันธมิตรฯ นั้น นายมานิตย์ กล่าวว่า โจรก็ทะเลาะกันเองเรื่องแบ่งผลประโยชน์
อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลยังนิ่งเฉย ต่อไปจะให้มีการแจ้งความในนามพรรคการเมืองเพื่อให้รัฐบาลดำเนินคดีกับพวกกบฏ เมื่อแจ้งความอย่างนี้แล้วจะได้ตั้งกระทู้ถามรัฐบาลเวลามีการประชุมสภา ไม่ต้องปล่อยให้คนคนเดียวแจ้ง
“กบฏเป็นการปล้นอำนาจของประชาชนชาวไทย รัฐบาลต้องทำงานเพื่อประชาชนทั้งประเทศไม่ใช่ทำงานเพื่อคนเฉพาะกลุ่ม แล้วใครบอกว่ากษิตดีมีความสามารถ ใครบอกนามมีความรู้ดี ไม่มีใครบอก มีแต่โจร โจรก็ต้องบอกว่าพวกโจรดี แต่ดีแล้วเอาคนชั่วมาจะได้มีเรื่องด่าทุกวัน” นายมานิตย์กล่าว
* “นาม” ปัดไม่เคยขอตำแหน่ง
ด้านนายนาม ยิ้มแย้ม อดีตประธานคตส. กล่าวถึงกรณีถูกฝ่ายค้านโจมตี การรับเป็นคณะทำงานในกระทรวงยุติธรรมตามคำเชิญของ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรมว่า เป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทน โดยยืนยันว่า การตอบรับช่วยงานในกระทรวงยุติธรรม ไม่มีเรื่องผลประโยชน์ต่างตอบแทน และไม่มีข้อต่อรองแต่อย่างใด
พร้อมกล่าวด้วยว่าตั้งแต่รับราชการในกระทรวงยุติธรรมมา ไม่เคยทำอะไรที่ผิดกฎหมาย หรือใช้อำนาจหน้าที่ในการแสวงหาผลประโยชน์ ที่สำคัญแก่แล้วจะไปทำอะไรที่ไม่ถูกต้องได้อย่างไร การรับปากเข้ามาช่วยงานในกระทรวงยุติธรรม เป็นเพราะเห็นว่า ยังมีความรู้ความสามารถที่ช่วยประเทศชาติให้พ้นวิกฤติได้ อะไรที่พอทำได้ก็ช่วยกันไปแต่ต้องเป็นงานที่ถูกฎหมาย
“ผมไม่เคยขอตำแหน่งใครอยู่แล้ว ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่า จะมีคนเห็นความสามารถของผมหรือไม่ ที่ผ่านมา ผมก็ถูกเชิญไปช่วยงานตั้งหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น กกต.หรือล่าสุดเป็น คตส. ทุกคนก็ยอมรับในการปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้น อย่ามาโจมตีกันเลย ขอให้มาช่วยชาติบ้านเมืองในการทำงาน หากการเชิญผมเข้ามาช่วยงานถูกโจมตีอย่างนี้ และ
รมว.ยุติธรรม จะเปลี่ยนใจ ผมก็ไม่ว่าอะไร เพราะผมตอบรับโดยไม่คิดหวังผลตอบแทนอะไรอยู่แล้ว เพียงแต่คิดว่า งานกฎหมาย และงานเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม เป็นงานถนัดแม้จะแก่แล้วก็สามารถทำได้ ไม่มีปัญหา ซึ่งในเร็ว ๆ นี้ คงจะได้มีการหารือกับรัฐมนตรีอีกครั้ง”
* แค่อยากให้มีรถไปรับที่บ้าน
ทั้งยังกล่าวด้วยว่าการเข้าไปช่วยงาน ไม่ได้ขอรถประจำตำแหน่งแต่อย่างใด เพราะเลิกขับรถมานาน จะให้ไปขับรถอีก ก็ต้องไปฝึกเป็นเดือน ตอนนี้อายุ 73 ปี แล้วสายตาไม่ดี จะให้ไปขับรถเหมือนวัยหนุ่มคงไม่ได้ และเห็นว่า การเดินทางไปช่วยงานที่กระทรวงอยู่ไกล น่าจะมีรถมารับก็เท่านั้น ไม่ใช่ขอรถประจำตำแหน่ง และแม้ว่าจะขับรถไม่ได้ แต่ก็มีความรู้ความสามารถด้านกฎหมาย และเป็นงานถนัดที่สามารถช่วยงานได้ เพราะหลังจากเกษียณอายุราชการ ก็ไปเป็นที่ปรึกษาไทยธนาคาร และหากจะมาเป็นคณะทำงานกระทรวงยุติธรรม ก็สามารถทำงานได้โดยไปทำงานในช่วงบ่าย
เมื่อถามว่า การเสนอตำแหน่งในกระทรวงยุติธรรม มีความสนิทสนมกับพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค นายนามกล่าวว่า เรื่องนี้ถูกแต่งขึ้นเป็นนิทานหลอกเด็ก ตั้งแต่เป็นกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงยุบพรรคไทยรักไทย แถมยังกล่าวหาว่า ไปสนิทสนมกับนายชวน ถึงขนาดไปเช่าบ้าน ซึ่งความจริงไม่รู้จักนายชวน หรือใครในพรรคประชาธิปัตย์เป็นการส่วนตัว แต่รู้จักในฐานะนักการเมืองเท่านั้น
* ยันไม่ได้เข้ามาไล่บี้คดี “ทักษิณ”
ส่วนกรณีที่เข้ามาเป็นประธานสอบกรณีทุจริตเรือ-รถดับเพลิงของ กทม.ที่มีคนของพรรคประชาธิปัตย์เกี่ยวข้อง โดยหน้าที่ของประธานคตส. ไม่สมควรเข้ามาเป็นประธานสอบด้วยซ้ำ แต่เกิดจากมติเอกฉันท์ของที่ประชุม คตส.ต้องการให้เข้ามาทำหน้าที่ประธานสอบ เมื่อเป็นมติก็ปฏิเสธไม่ได้ ยืนยันว่า ในการปฏิบัติหน้าที่คตส.ไม่เคยเข้าข้างใคร คนใด คนหนึ่ง ทุกอย่างต้องว่าไปตามขั้นตอน ตนคนเดียวจะไปเคลียร์คดีให้ใครไม่ได้
เมื่อถามว่า การเชิญเข้ามาทำงานครั้งนี้ เพื่อต้องการสางคดีที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายนาม กล่าวว่า ยังไม่มีการพูดถึงขนาดนั้น เพียงแต่เบื้องต้น ได้มีการเชิญเข้ามาเป็นคณะทำงานในกระทวงเท่านั้น ส่วนตัวเห็นว่า งานอะไรที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ก็พร้อมจะทำทุกหน้าที่ ยกเว้นงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องผิดกฎหมาย
* อภิรักษ์นั่งที่ปรึกษานายกฯ
ขณะที่ในวันเดียวกันนี้ คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เสนอให้
แต่งตั้งข้าราชการการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี จำนวน 5 ราย คือ 1.คุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ 2. นายสาวิตต์ โพธิวิหค 3. นายกนก วงษ์ตระหง่าน 4. นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน และ 5. นายบัณฑิต ศิริพันธ์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2552 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้อนุมัติแต่งตั้งข้าราชการการเมือง ประกอบด้วย กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอให้แต่งตั้ง นางพรรณี จารุสมบัติ ดำรงตำแหน่งเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
ส่วนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน 3 ราย คือ 1. น.ส.วาสนา ปรีดีจิตร ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายชาติชาย พุคยาภรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) 2. นายธรรมรัต หวั่งหลี ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 3. นายสุรกิจ ลิ้มสิทธิกูล ดำรงตำแหน่งเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
* ธีระวัฒน์เป็นเลขาฯ รมว.ท่องเที่ยว
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา แต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน 2 ราย คือ 1.นายธีระวัฒน์ ศิริวันสาณฑ์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 2. นายยุทธพล อังกินันทน์ ดำรงตำแหน่งเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
กระทรวงกลาโหมเสนอแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน 2 คน คือ 1. พล.อ.โสภณ ศีลพิพัฒน์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 2. พล.อ.นพดล อินทปัญญา ดำรงตำแหน่งเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ส่วนกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่งตั้งให้ น.ส.รสพิมล จิรเมธากร ดำรงตำแหน่งเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
กระทรวงคมนาคม เสนอแต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน 3 ราย คือ 1. นายลัทธชัย โชคชัยวัฒนากร ดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 2. นายสมศักดิ์ แต้เจริญวิริยะกุล ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (นายประจักษ์ แกล้วกล้าหาญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม) 3. นางดารณี เลศะวานิช ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ปฏิบัติราชการในหน้าที่เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม (นายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร)
* ขรก.การเมืองปชป.ยังไม่คลอด
ส่วนกระทรวงการคลัง แต่งตั้งข้าราชการการเมือง จำนวน 4 ราย คือ 1. นายสมชาย สกุลสุรรัตน์ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์) 2. นายเกษมสันต์ วีระกุล ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง) 3. นางณารินี ตะล่อมสิน ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์) 4. นายรัชดากรณ์ ทาระวรรณ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์)
กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) จำนวน 2 ราย คือ 1. พล.ท.อธิยุทธ จุนทะสุต เป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที 2. นายฉัตร วิศวพลานนท์ เป็นเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงไอซีที
ส่วนการแต่งตั้งข้าราชการการเมืองในส่วนของกระทรวงที่พรรคประชาธิปัตย์รับผิดชอบจะมีการหารือกันอีกครั้ง โดยอาจเข้า ครม.ได้ทันวันที่ 13 มกราคมนี้
* กังขาตั้งอภิรักษ์-ติดคดี ป.ป.ช.
ทั้งนี้การที่ครม.มีมติให้นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เข้ามาเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีดังกล่าว ได้ถูกตั้งข้อสังเกตว่าจะเป็นการขัดแย้งกับสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้แถลงต่อสภาหรือไม่ ว่าจะบริหารบ้านเมืองบนหลักคุณธรรม จริยธรรม เนื่องจากนายอภิรักษ์ ถูกกล่าวหาว่ามีความผิดในคดีทุจริตรถ-เรือดับเพลิงของ กทม. มูลค่า 6 พันล้านบาท ที่ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
กรณีดังกล่าวรศ.วรพล พรหมิกบุตร คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่าการแต่งตั้งนายอภิรักษ์ เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมแน่นอน เพราะเป็นการแต่งตั้งคนที่ถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับคดีรถ-เรือดับเพลิง ซึ่งนายอภิรักษ์ จะต้องพิสูจน์ตัวเองก่อนว่าบริสุทธิ์ เพราะถือว่าเป็นมารยาทก่อนที่จะเข้ามารับตำแหน่ง แม้ว่าในตอนนี้นายอภิรักษ์จะถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ก็ตาม
* ปชช.ผิดหวังภาพความโปร่งใส
ทางด้าน รศ.สุริชัย หวันแก้ว ผอ.สถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวกรณีเดียวกันว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมแน่นอนอยู่แล้ว ส่วนจะเป็นการขัดกับที่นายกฯ แถลงนโยบายหรือไม่ ประชาชนคงต้องดูเอาเอง
ผศ.อรทัย ก๊กผล คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าการตั้งนายอภิรักษ์ คงเป็นเรื่องฝืนความรู้สึกประชาชน ทำให้ภาพลักษณ์ของประชาธิปัตย์ ที่มีคนตั้งความหวังไว้สูงว่าต้องโปร่งใส ซื่อสัตย์ มีคุณธรรม คงเป็นเรื่องที่ประชาธิปัตย์จะต้องอธิบายต่อสังคมว่ามีเหตุผลอย่างไร
ผศ.วิบูลย์พงษ์ พูนประสิทธิ์ คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่าในแง่ของหลักกฎหมายหากศาลยังไม่ได้สรุปความผิดชัดเจนก็ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ความคิดเห็นส่วนตัวนั้นมองว่าไม่สมควร การที่ดึงนายอภิรักษ์เข้ามาอาจเพื่อหวังผลในด้านอื่นๆ