ที่มา ไทยรัฐ
ถูกฝ่ายค้านโจมตีว่ารัฐบาลใหม่ลอกนโยบาย ประชานิยมทักษิณมาใช้เป็น นโยบายตัวเอง
แถมไม่ได้ลอกพอหอมปากหอมคอ พระเดชพระคุณเล่นลอกแบบคำต่อคำ ประโยคต่อประโยค ประเด็นต่อประเด็น
เข้าตำราเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินนํ้าแกง
ทำให้นายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องออกมาปฏิเสธว่ารัฐบาลใหม่ไม่ได้ ก๊อบปี้นโยบายประชานิยมรัฐบาลเดิม
เพราะหลายนโยบายของรัฐบาลนี้ก็แตกต่างจากนโยบายรัฐบาลที่ผ่านมา เช่น นโยบายเรียนฟรี 15 ปี หรือนโยบายจ่ายเบี้ยยังชีพเดือนละ 500 บาท ให้ผู้มีอายุ 60 ปี ฯลฯ
แม้ว่านโยบายส่วนใหญ่จะเหมือนกับนโยบายรัฐบาลเก่า ก็ไม่ใช่แอบลอกข้อสอบอย่างที่ฝ่ายค้านโจมตี
แต่ได้มีการพัฒนาปรับปรุงให้ดียิ่ง กว่าเดิม
“อภิสิทธิ์” ชี้ว่าต้นเหตุคือรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้กำหนดแนวนโยบายพื้นฐาน 9 ด้านให้รัฐบาลต้องปฏิบัติตาม จึงทำให้ นโยบายรัฐบาลใหม่กับนโยบายรัฐบาลเก่าออกมาคล้ายกันโดยไม่เจตนา
ฉะนั้น เพื่อความเป็นธรรม “แม่ลูกจันทร์” ก็ต้องหยิบรัฐธรรมนูญหมวดแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐมาอ่านแก้เซ็ง
รัฐธรรมนูญกำหนดให้รัฐบาลต้องเขียนนโยบายให้ครบ 9 ด้าน ได้แก่ นโยบายความ มั่นคง นโยบายบริหารราชการแผ่นดิน นโยบาย ศาสนาสังคม สาธารณสุข ศึกษา วัฒนธรรม นโยบายด้านการยุติธรรม นโยบายด้านต่างประเทศ นโยบายด้านเศรษฐกิจ นโยบายสิ่งแวดล้อม นโยบายพลังงาน และนโยบายการมีส่วนร่วมของประชาชน
แถมลงรายละเอียดครอบจักรวาล ไม่ว่าจะเป็นนโยบายเรียนฟรี นโยบายรักษาฟรี นโยบายสวัสดิการผู้สูงอายุ นโยบายจัดการนํ้า นโยบายลงทุนเมกะโปรเจกต์ นโยบายพยุงราคาสินค้าเกษตร นโยบายการค้าเสรี ฯลฯ
พูดง่ายๆคือ มัดมือชกรัฐบาลต้องเขียนนโยบายตามกรอบรัฐธรรมนูญ!!
การที่นโยบายรัฐบาลเก่ากับนโยบายรัฐบาลใหม่มีเนื้อหาใกล้เคียงกัน จึงมีต้นเหตุจากรัฐธรรมนูญที่ตีกรอบไว้นั่นเอง
สรุปว่า คำแก้ตัวของนายกฯอภิสิทธิ์ ก็มีส่วนถูกเหมือนกัน
แต่ที่แก้ตัวไม่หลุด เพราะก๊อบปี้นโยบาย รัฐบาลเก่าชัดเจน คือ นโยบาย “6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทย” ซึ่งมีนโยบายนํ้าฟรี ไฟฟ้าฟรี รถเมล์ฟรี รถไฟฟรี และ มาตรการลดภาษีนํ้ามัน ซึ่งกำลังจะครบ 6 เดือน ในวันที่ 30 มกราคม
“แม่ลูกจันทร์” เห็นว่าในเมื่อเป็นนโยบายที่ดี และช่วยบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนได้จริง ถ้ารัฐบาลอภิสิทธิ์จะดำเนินการต่อไป ก็ไม่เห็นจะต้องขวยเขินสะเทิ้นอาย
เพราะนโยบายประชานิยมย่อมดีกว่านโยบายประชาไม่นิยม
แต่ก็อย่าลืมว่านโยบายประชานิยม ต้องใช้เงินอัดฉีดก้อนโต
ถ้ารัฐบาลไม่มีงบประมาณเหลือเฟือ ขืนใช้นโยบายประชานิยมตะพึดตะพือก็เสี่ยงที่รัฐบาลจะล้มละลาย!!
“แม่ลูกจันทร์” จึงไม่เห็นด้วยที่ นายกฯ อภิสิทธิ์ จะใช้นโยบายประชานิยมซื้อใจประชาชน ด้วยการสั่งเบรกกระทรวงพลังงานไม่ให้ ปรับราคาขายปลีกก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ตามต้นทุนที่เป็นจริง
ซึ่งจะทำให้รัฐบาลต้องแบกหนี้มโหฬาร!!
เพราะปัจจุบันราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจีจะขาดทุน 6 บาทต่อ 1 กก.
ตอนที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้าน เคยโจมตีรัฐบาลทักษิณที่ตรึงราคาขายปลีกนํ้ามัน ว่าบิดเบือนราคาถูกกว่าความเป็นจริงเพื่อเอาใจประชาชน
เป็นการบิดเบือนราคา บิดเบือนกลไก ตลาดเพื่อประโยชน์ทางการเมือง
วันนี้ พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ก็ตรึงราคาก๊าซแอลพีจีเอาใจประชาชนแบบเดียวกัน
นี่...มันเป็นซะอย่างนี้แหละโยม.
“แม่ลูกจันทร์”