WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, January 6, 2009

“มาร์ค 1” เสวยวิบากกรรม “คนเสื้อแดง” รับพร “พระ” ประท้วงในกรอบมี “อารยธรรม”

ที่มา ประชาทรรศน์

พระครูสังฆพินัย (ประสาร จนฺทสาโร) ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต รักษาการผู้อำนวยการกองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ให้พร “คนเสื้อแดง” อย่าทำตามอย่างม็อบถ่อยพันธมารโกเต๊กซ์ เชื่อ...กฎแห่งกรรม...ย่อมจะเกิดกับผู้ทำกรรม แนะม็อบถ่อยศึกษาหลักธรรมที่ถูกต้อง ไม่ใช่เชื่อลัทธิอุบาทว์ ทำคุณไสย ควักลูกตาพระพรหมในทำเนียบรัฐบาล ขีดเส้น 3 เดือน!!! เบี้ยวสัญญาประชาคม แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 “องค์กรสงฆ์” เตรียมเคลื่อนพลครั้งยิ่งใหญ่ แต่จะเคลื่อนแบบผู้มีอารยธรรม


เนื่องในโอกาสปีใหม่ ขออวยพรให้สมาชิกที่อ่านประชาทรรศน์ และชาวไทยทุกคน ได้มีกำลังใจที่เข้มแข็ง มีสุขภาพจิตที่ดี แล้วก็มีความเจริญรุ่งเรือง ให้บ้านเมืองผ่านพ้นวิกฤติปัญหาที่มันรุมเร้าอยู่ของทุกคน แล้วก็ให้มีความสุขความเจริญ เจริญด้วยจตุรพิธพรชัย อายุ วรรโณ สุขัง พลัง ปฏิภาณธนสารสมบัติ

** หลังจากที่ผ่านสถานการณ์ทางการเมืองอันร้อนระอุขึ้นในปี 2551 ท่าที่ของกลุ่มคนเสื้อแดงที่มีการเคลื่อนไหวต่างๆ ควรจะมีบทบาทในการเคลื่อนไหวในลักษณะใด
กลุ่มเสื้อแดงในทุกวันนี้น่าจะใช้ปัญญาเป็นส่วนใหญ่ ตอนนี้เป็นห่วงสังคม 2 ปีที่ผ่านมา จริงๆ แล้วตอนนี้วัฒนธรรมโครงสร้างเราเปลี่ยนไป วัฒนธรรมทางโครงสร้างทางสังคมเปลี่ยนไปคือ แต่เดิมสังคมเราเป็นสังคมพุทธ อยู่กันอย่างถ้อยที่ถ้อยอาศัย อยู่ด้วยความเมตตาอาทรต่อกัน แต่ทุกวันนี้หลังจาก 2-3 ปีที่มีเรื่อง อาตมามองว่าโครงสร้างทางวัฒนธรรมเปลี่ยนแปลงไป คนอื่นจะมองอย่างไรเราไม่รู้ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตรงนี้ เดี๋ยวนี้ถ้ามีการประท้วงจะมีความคำนึงถึงกฎหมายและศีลธรรมน้อย...น้อยมากเลย
คิดดูสิว่าเมื่อ 2-3 วันก่อนมีพวกเกษตรกรชุมนุมจะปิดถนน พวกที่ติดแก๊ส แก๊สขึ้นราคาจะไปชุมนุมปิดที่ส่งถ่ายน้ำมันหน้า ปตท. ซึ่งแต่เดิมถ้าเราประท้วงกันอย่างดีแค่ประท้วงอยู่ในขอบเขต ขอเข้าพบฝ่ายบริหาร ที่อาตมาว่าโครงสร้างมีการเปลี่ยนแปลงไปคือมีความรุนแรงขึ้นและถึงลูกถึงคนมากขึ้น โดยที่ไม่คำนึงถึงกฎหมายและศีลธรรม
ข้อที่ 2 ที่อาตมาว่าเปลี่ยนแปลงไปมากคือการไม่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่ แม้กระทั่งพระ จะเห็นว่า ท่านอาจารย์พระพยอม กัลยาโณ (พระพิศาลธรรมพาที) หรือใครก็ตามที่ออกมาพูดเรื่องนี้ต้องโดนทุกคน และโดนอย่างแรงๆ ด้วย แม้แต่ใครต่อใครที่เป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองท่านออกมาพูด มาเตือน กลับบอกให้หุบปาก อะไรต่ออะไร เป็นเรื่องที่รุนแรงมากในสังคม
นายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาเราต้องนึกว่าเป็นนายกรัฐมนตรีของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่เป็นนายกรัฐมนตรีของกลุ่มเสื้อแดง ไอ้ที่จะถูกปาด้วยรองเท้าในบ้านเรายังไม่มี และไม่เคยมีเลย
เพราะฉะนั้นโครงสร้างทางวัฒนธรรมทางด้านนี้มันเปลี่ยนแปลงไปมาก อยากจะฝากพี่น้องชาวเสื้อแดงว่า วันนี้เราจะชุมนุมประท้วงไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ไม่เห็นด้วยต่อท่าที ไม่เห็นด้วยต่อที่มา แต่อย่าให้พวกเราไปเอาอย่างวัฒนธรรมที่ไม่ดีจนเป็นลูกโซ่ต่อกันไป อยากให้เห็นว่าบ้านเมืองเรายังมีกฎหมาย ยังมีหลักศีลธรรม ยังรู้จักนอบน้อมต่อกันและกัน แต่ความเห็นที่แตกต่างและไม่ลงรอยกันจะต้องต่อสู้ในเชิงการเมือง อย่างไรก็ตาม เราต้องคำนึงถึง 2 เรื่องนี้เป็นหลักคือ เรื่องกฎหมายและศีลธรรมเป็นหลัก

** อาจารย์มองว่าโครงสร้างวัฒนธรรมที่เปลี่ยนแปลงไปเพราะมีตัวอย่างของความรุนแรงให้เห็น
ที่ผ่านมาคนจะเห็นว่าถ้าไม่ทำตามความรุนแรงคงจะไม่ม้วนเดียวจบ จะไม่ประสบความสำเร็จ การที่เขาประสบความสำเร็จในเวลานี้ ไม่รู้สิ เพราะว่าอาตมาเป็นพระ ไม่รู้สึกถึงตรงนั้น แต่มันเป็นระยะที่สั้น เพราะช่วงชีวิตหนึ่งเราจะมีชีวิตอยู่ในสังคมนี้ไม่นานมากนัก แล้วคนรุ่นหลังต่อไปจะเป็นคนบอกว่าใครผิดใครถูก ประวัติศาสตร์จะเป็นคนบอก วันนี้อยากมี อยากได้ อยากเป็น จะถูกวิธีหรือไม่ถูกวิธี จะถูกขอบเขตมากน้อยแค่ไหนที่จะได้มาซึ่งความถูกต้องชอบธรรมหรือไม่ก็ตาม แต่ว่าความเป็นจริงมันดำรงอยู่ แล้วจะต้องมีคนให้คำตอบในเรื่องนี้แน่

** อาจารย์คิดว่าในกรณีที่มีการเรียกร้องเรื่องรัฐธรรมนูญ พระเองเคยเรียกร้องให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ แล้วยังมีร่างของ คปพร. เข้ามา ตอนนี้ยังมีการเรียกร้องต่อหรือไม่
ในส่วนของทางหมอเหวง (นพ.เหวง โตจิราการ ที่ปรึกษาสมาพันธ์ประชาธิปไตย) หรือ อ.จรัล (ผศ.จรัล ดิษฐาอภิชัย ประธานคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 หรือ คปพร.) ที่ไปยื่นหนังสือร่างรัฐธรรมนูญ อาตมาไปด้วย เพราะว่าร่างนี้มีเรื่องเกี่ยวกับพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ที่พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ คนอาจจะมองว่าเป็นพระแล้วเป็นประเด็นทางการเมืองหรือไม่ แต่อาตมาว่าคนมองเรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นทางการเมือง 3 เรื่อง
คือ 1.เวลาไปเรียกร้องต้องไปที่สภาผู้แทนราษฎร 2.ไปเรียกร้องต่อนักการเมือง 3.เป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญเลยดูเหมือนว่าเป็นเรื่องการเมือง แต่จริงๆ แล้วพระทำอยู่แค่ขอบเขตของพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติเท่านั้น อาตมายืนยันว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ พูดที่ไหนอาตมายืนยันหลักความจริง 3 เรื่องนี้เท่านั้นเอง
1.ความจริงทางประวัติศาสตร์ ความจริงทางประวัติศาสตร์คือว่าตั้งแต่สมัยสุโขทัยเป็นต้นมา อยุธยา ธนบุรี รัตนโกสินทร์ พระมหากษัตริย์และพระสงฆ์เป็นองค์สำคัญในพระพุทธศาสนา และประชาชนเป็นผู้สร้างประเทศ อาตมาต้องยืนยันความจริงทางประวัติศาสตร์ที่ยืนยันพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ และต้องยืนยันความจริงทางประวัติศาสตร์ในข้อนี้ว่า แผ่นดินนี้พระเป็นผู้สร้างมาร่วมกับพระมหากษัตริย์
2.เป็นความจริงด้านความกตัญญูในด้านหลักคุณธรรม คือ ถ้าเรายอมรับว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่นับถือพระพุทธศาสนา และความอ่อนน้อมถ่อมตนที่มีอยู่ในประเทศสยามเมืองยิ้มแล้วคนทั่วโลกอยากมาเที่ยวชมประเทศไทย อยากมาดูวัด อยากมาดูสถาปัตยกรรมที่สวยงามตามแบบวัด และที่สำคัญคือมีความเป็นอยู่ที่อ่อนน้อมถ่อมตน เรียบง่าย รับแขก มีสัมมาคารวะ เป็นสยามเมืองยิ้ม อันนี้เป็นอิทธิพลของพุทธศาสนาที่หยั่งรากฝังลึกอยู่ในแผ่นดินนี้มานาน จะต้องยืนยันในเรื่องของความกตัญญู
ข้อที่ 3 คือ ยืนยันในหลักประชาธิปไตย ในเมื่อเห็นว่าประชาธิปไตยนับถือเสียงส่วนใหญ่ และเวลานี้ชาวพุทธกว่า 95% ในประเทศนี้ ถ้าคิดว่าอาตมาเรียกร้องว่าชาวพุทธ ชาวพุทธ แต่จริงๆ ชาวพุทธเห็นด้วยทั้งหมดหรือไม่ เพราะคนที่ค้านส่วนหนึ่งก็เป็นชาวพุทธ ถ้าเห็นว่าประเด็นนี้สำคัญที่จะนำไปสู่ประเด็นอื่นๆ อีกหลายเรื่องก็ให้ลงประชามติในประเด็นนี้สิ ลองทำประชามติในประเด็นนี้ดู นี่เป็นการยืนยันหลัก 3 เรื่องที่จะบรรจุพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ เพราะฉะนั้นจะต้องมีการเรียกร้องต่อไป จนกว่าชาวพุทธจะประสบความสำเร็จในเรื่องนี้

** ดูท่าทีของพรรคแกนนำดูเหมือนจะไม่ยอมบรรจุเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้ในนโยบายของรัฐบาลด้วยซ้ำไป ท่านมองตรงนี้อย่างไร
ตอนนี้รัฐบาลต้องทำความจริงให้ปรากฏ คือตัวรัฐบาลเองคนส่วนใหญ่มองว่าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกลุ่มที่เรียกตนเองว่าพันธมิตรฯ รัฐบาลต้องทำความจริงให้ปรากฏว่าที่ผ่านมาเขาไม่ใช่กลุ่มพันธมิตรฯ และไม่ได้ส่งกำลังไปบำรุงเพื่อให้ถึงวันนี้ ท่านต้องทำความจริงให้ปรากฏให้ได้ ความจริงหลายเรื่องที่จะเป็นตัวตอบในเรื่องนี้ และความจริงเรื่องหนึ่งคือพันธมิตรฯ เขายืนยันตลอดว่าเขาไม่เห็นด้วยกับการที่จะบรรจุให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ
การชุมนุมประท้วงของเขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นการดึงศาสนามาเกี่ยวข้องโดยที่ยังไม่เคยมีปรากฏมาก่อนเหมือนกัน คือ กลุ่มที่เรียกตนเองว่ากองทัพธรรม เข้าร่วมชุมนุมอย่างเปิดเผย เข้าร่วมปราศรัยทางการเมืองอย่างเปิดเผย และเข้าร่วมบอกให้มีการถอนรากถอนโคนกลุ่มอำนาจที่เคยมีอยู่อย่างเปิดเผย ซึ่งในสังคมไม่เคยมีมาก่อนเหมือนกัน

** จะทำได้สำเร็จอย่างไรในเมื่อรัฐบาลยังไม่บรรจุการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้ในนโยบาย
เวลานี้รัฐบาลไม่บรรจุการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้ ทั้งๆ ที่เหมือนเป็นสัญญาประชาคมไว้ว่าก่อนหน้านี้จะบรรจุ แม้แต่พรรคการเมืองที่ก่อนหน้าที่ห้ำหั่นกัน วันหนึ่งไปกอดกัน ยิ้มระรื่นกัน แล้วบอกว่าทางกลุ่มนี้เสนออะไรยอมรับหมด รวมถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย แต่วันนี้ไม่ทำ อาตมาจึงบอกว่าลองทำความจริงให้ปรากฏสิ เพราะว่ากลุ่มที่ยืนยันว่าอย่างไรก็ไม่แก้รัฐธรรมนูญ นั่นคือ กลุ่มพันธมิตรฯ แต่วันนี้ทำไมกลุ่มรัฐบาลถึงหายใจคล้ายคลึงกันกับกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง

** ทางกลุ่มองค์กรสงฆ์เองได้มีการขับเคลื่อนอะไรกับรัฐบาลใหม่ในวิกฤติที่จะเกิดขึ้นนี้ไหม
หลังจากที่เขาตั้งรัฐบาลเสร็จ แถลงนโยบายเสร็จ กลุ่มชาวพุทธจะมีการเคลื่อนไหวในเรื่องนี้อย่างแน่นอน เพราะว่า 1.ได้ให้สัญญากับคนทั้งหลายว่าเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นจะเป็นองค์กรพุทธ และกลุ่มทางการเมืองที่จะถามเขาว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ทั้งที่นโยบายเร่งด่วนไม่มีเลย แต่ก่อนหน้านี้บอกว่าจะทำ 2.การแก้ไขนี้เรายังต้องอธิบายเหตุผลและต้องการที่จะไปสู่ความจริงในทุกเวทีว่า การบรรจุพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่ดี และเรื่องที่สำคัญ ไม่ใช่เรื่องที่ขัดแย้งกันในพุทธศาสนา แล้วมีคนพุทธส่วนหนึ่งที่มีตำแหน่งหน้าที่ในสภาที่จะไปอธิบายแทนศาสนาอื่น
หากเราทำอย่างนี้จะทำให้เกิดข้อขัดแย้งทางศาสนา ถ้าย้อนกลับไปดูสมัย คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ตั้ง สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นั้น คมช. พูดชัดว่า เขาคัดเลือกบุคคลกลุ่มหนึ่งเข้ามาเป็นสมาชิก สนช. จากหลายศาสนาจะมี พุทธ คริสต์ มุสลิม แล้วมีฮินดูนิดหน่อย ปรากฏว่าเวลาตั้งกรรมาธิการ ชาวมุสลิมจะมีจำนวนมาก แต่กรรมาธิการเหล่านี้โหวตให้ พล.อ.ปรีชา โรจนเสน ในฐานะประธานกรรมาธิการศาสนาศิลปะ และวัฒนธรรม เพื่อให้มีหนังสือร่างรัฐธรรมนูญไปถึงประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ
ในสมัยนั้นคือ คุณประสงค์ สุ่นศิริ ว่าคณะกรรมการที่รวมกันหลายศาสนายอมให้บรรจุคำว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยที่ตัวแทนศาสนาต่างๆ เขาไม่ได้รังเกียจเลย แต่ชาวพุทธที่เป็นผู้แทนฯ บางท่านเท่านั้นเองที่ไปเรียกร้องแทนเขาว่าไม่ควร เดี๋ยวจะเกิดความแตกแยก แล้วเขาจะน้อยใจว่าอยู่ในสังคม อย่างบ้านเราถามว่าสีอะไร ตอบว่าสีขาว เพราะว่าส่วนใหญ่บ้านทาสีขาว แต่มีสีอื่นอยู่ไหม มี...แล้วอยู่ได้ไหม อยู่ได้ อยู่กันอย่างนี้ สมัยก่อนพระบรมราโชวาทเป็นเหมือนกฎหมาย ลองไปศึกษาดูสิว่าพระบรมราโชวาทของพระมหากษัตริย์แต่เดิมพูดว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ตั้งหลายแผ่นดินที่เป็นพุทธบูชา...ใช่ แล้วศาสนาอื่นอยู่ได้อย่างไร

** กรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะออกมาเคลื่อนไหวในช่วงปีหน้า คิดว่าจะเกิดความรุนแรงอะไรมากขึ้นไหม
อาตมาเองไม่อยากให้เกิดความรุนแรงมากนักทางด้านนี้ แต่ว่ารัฐบาลเองกำลัง “เสวยวิบากรรม” กรรม คือ การกระทำ ส่วนวิบากคือผล เสื้อแดงจะมองว่าจากนี้ต่อไปเขาทำเราได้ เราทำเขาได้ อาตมาคิดว่าจะรุนแรงหรือไม่ขึ้นอยู่กับความมีวิจารณญาณของกลุ่มผู้นำที่จะกำหนดทิศทาง แต่ถามว่าบ้านเมืองจะสงบไหม อาตมาคิดว่าในฐานะเป็นพระ...สงบยาก แต่ในฐานะเป็นพระอยากให้มีความสงบไหม อยากให้มีความสงบ แต่เวลานี้ต้องย้อนกลับไปถามทุกฝ่าย ไม่ว่าทางฝ่ายที่มีอำนาจเองตอนนี้ต้องหยุดนะ ดูว่าอย่างนายพลท่านหนึ่งที่จะให้สัมภาษณ์ผ่านรายการลับ ลวง พราง เขาพูดรุนแรง แล้วอย่างนี้มันจะสงบตรงไหน แล้วรัฐมนตรีต่างประเทศไปปาฐกถา ไปพูดอภิปรายที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นคำพูดที่รุนแรง

** สมมติรัฐบาลนี้ไม่จัดการกับกลุ่มพันธมิตรฯ หรือตั้งพฤติกรรมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ผ่านมาเป็นบรรทัดฐาน มันจะตั้งให้คนเสื้อแดงเดินรอยตามใช่ไหม
อาตมาไม่ได้พูดเองนะ แต่ว่ากลุ่มชาติชั้นนำในยุโรป 6 ชาติชั้นนำของโลก และกลุ่ม EU ได้ยื่นหนังสือให้รัฐบาลไทยสมัยที่ คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เราทราบว่าให้ดำเนินการในบรรดา 3 ข้อนั้น มีข้อหนึ่งที่บอกว่า ให้ดำเนินการโดยกฎหมายอย่างเคร่งครัดกับกลุ่มที่เข้ายึดสนามบินสุวรรณภูมิ แสดงว่าแม้แต่ต่างชาติยังเรียกร้องให้คนไทย โดยเรียกร้องให้รัฐบาล ถ้าเป็นเมื่อก่อนรัฐบาลอย่าละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน แต่ตอนนี้เป็นเรื่องที่แปลกว่า 6 ชาติที่เจริญรวมถึงกลุ่ม EU กลับมีหนังสือและแถลงการณ์ยื่นว่าให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งเป็นเรื่องที่กลับกันมากของสังคมในโลกนี้
ในข้อที่หนึ่งจะเห็นว่าอาตมาไม่ได้พูดเอง แต่ในสายตาชาวโลกคงจะมองว่าเรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องที่ละเมิดกฎหมาย ข้อที่สองยังได้พูดถึงว่ามันเกิดเป็นบรรทัดฐานไหม อาตมากลัว เพราะว่ากลุ่มเสื้อแดงจะต้องมีความรู้สึกนึกคิดว่า ตอนที่ทางฝ่ายเขามีอำนาจทางรัฐบาลเขาถูกกระทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะให้หมดจากอำนาจให้ได้ เวลานี้มันกลับกัน มันเป็นเหรียญคนละด้าน เมื่ออีกกลุ่มหนึ่งขึ้นก็เห็นได้ชัดว่าเป็นกลุ่มอีกทางขึ้นจริงๆ แม้แต่ใครต่อใครไปอยู่รัฐบาลเห็นอย่างที่ว่ามันจะเกิดมีความรู้สึกที่ว่า เขาทำได้เราก็ทำได้ อันนี้เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก
อาตมาเป็นพระ ไปยุว่าให้ทำอย่างนั้นไม่ได้ แต่เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงว่ารัฐบาลกำลังอยู่ในช่วงที่เข้ามาใหม่ เป็นช่วงที่เสวยวิบากกรรม ผลของกรรมเก่าที่ทำไว้จะเป็นเรื่องที่บ้านเมืองจะยุ่ง

** ประเด็นของเรื่องการปิดสนามบินดูเหมือนว่าจะสร้างปัญหาความเดือดร้อนไปทั่ว ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ บางคนก็เกิดกลัวว่าทางกลุ่มเสื้อแดงจะหันไปทำบ้าง
อาตมาไม่อยากให้ทำเลย การปิดสนามบิน อาตมาคิดในใจตลอดว่าคนเสื้อแดงน่าที่จะมีอารยธรรมอยู่ น่าจะไม่ทำขนาดนั้น แต่ว่าการปิดสนามบินมันไปกระทบในทุกภาคส่วน และเวลานี้อย่างที่สำนักข่าวญี่ปุ่นรายงานว่าภาพลักษณ์ไทยในสายตาทั่วโลกตกต่ำมาก อันนี้สำนักข่าวใหญ่ในญี่ปุ่นเขาพูดว่าภาพลักษณ์ของเมืองไทยตกต่ำไปทั่วโลก และถ้าไม่รีบกอบกู้ โดยรัฐบาลที่มีเสียงข้างน้อยจะทำอย่างไร ความชอบธรรมในการขึ้นมาจะทำอย่างไร ญี่ปุ่นควรจะทบทวนการลงทุนในระยะยาวในประเทศไทย นี่เป็นสิ่งที่สื่อมวลชนญี่ปุ่นเป็นคนออกข่าว ก็น่าเป็นห่วงเพราะทั่วโลกเขามองเรามากโดยเฉพาะการปิดสนามบิน การประท้วงที่ไม่คำนึงถึงขอบเขตของกฎหมายและศีลธรรมที่อาตมาได้พูดไว้ น่าเป็นห่วง

** ปีที่ผ่านมาดูเหมือนว่าประเทศไทยจะวุ่นวายอยู่กับพิธีไสยศาสตร์ ล่าสุดในท้ายปีมีข่าวควักลูกตาพระพรหมที่ทำเนียบรัฐบาล ท่านมองเรื่องนี้อย่างไร
พุทธศาสนาเป็นศาสนาที่สอนเรื่องปัญญา ตัวอย่างของคนที่สอนเรื่องนี้เลยต้องยอมรับว่าคือ ท่านหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุที่มรณภาพไป ในชีวิตที่บวชมาจนถึงวันมรณภาพท่านต่อต้านเรื่องไสยศาสตร์ เรื่องความเชื่อที่ไม่มีเหตุผล เวลานี้เรากำลังเชื่อ 2 เรื่องใหญ่ๆ ในสังคมเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก 1.เชื่อหมอดู แล้วหมอดูจะบอกว่าคนนี้จะเป็นอย่างนี้ บ้านเมืองจะเป็นอย่างนี้ หมอดูพูดแล้วเคลิ้มเลย พูดแบบว่าตัวเองมีความเห็นว่าเขามองเห็นอนาคตได้ มองเห็นได้ชัดเจนและพวกเราก็เชื่อเขา เขาให้ไปทำอะไรก็ไปทำตามไปหมด นี่ผิดหลักพระพุทธศาสนา
2.เมื่อเชื่ออย่างนี้เลยนำไปสู่พิธีกรรมทางไสยศาสตร์ว่า ถ้าทำอย่างนี้จะก่อให้เกิดอย่างนี้ ข้อนี้จะแย่ เพราะถ้าทำอย่างนี้จะไม่ได้ทำให้คนดีขึ้น แต่พุทธศาสนาอุบัติขึ้นว่า พระพุทธเจ้าให้เชื่อเรื่องกรรม ที่เป็นการกระทำ “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” มันไม่เกี่ยวกับเรื่องที่จะไปทำคุณไสย...ไม่เกี่ยว อย่างเรื่องที่ว่าคุณทำอะไรไว้ในอดีตมันจะส่งผลกรรมมา ไม่ใช่อาตมาอธิบายว่าเมื่อ 2 ปีเป็นฝ่ายกระทำ แต่ฝ่ายนี้จะเป็นผลที่ได้รับจากการกระทำ เป็นเรื่องที่ยังน่าเป็นห่วงอยู่

** มันสามารถโยงได้ไหม การทำคุณไสยทำให้เกิดการเปลี่ยนขั้ว ดูเหมือนเขาจะทำสำเร็จเหมือนกัน
อาตมาไม่เชื่อนะ ความรู้สึกส่วนตัวไม่เชื่อ เพราะว่าถ้าจะเชื่อหรือไม่จะต้องไปให้คนที่ถูกข้อกล่าวหาเขามาพูด คือเวลานี้อาตมาเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในสังคมไม่เชื่อว่าจะมีการเปลี่ยนขั้วด้วยวิธีไสยศาสตร์ แต่มีข่าวทั้งในและต่างประเทศ พูดในทำนองว่ามีกองทัพบางกองทัพ มีคนที่มีอำนาจอยู่เบื้องหลัง คนเหล่านี้ที่จริงผู้ที่เสียหายโดยตรงคือกองทัพ อาตมายังเชื่อมั่นในทหารว่าเป็นสถาบันที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี จะต้องออกมาพูดมาอธิบาย และทำให้เห็นว่าตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แล้วคนที่อยู่เบื้องหลังที่ถูกพาดพิงต้องอธิบายและพูดให้ชัดในสังคมว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้อง
คือที่พูดอย่างนี้อยากให้บ้านเมืองสงบ ไม่ได้ไปพูดยุ...นะ!!! คือต้องรีบตัดทีละประเด็นออกไปให้มันเหลือแต่ฝ่ายการเมืองล้วนๆ ที่ผ่านมาที่มันเดือดร้อนเพราะว่ากองเชียร์มันเยอะ
เห็นว่ากลุ่มพันธมิตรฯ หรือกลุ่มเสื้อแดงก็ตาม จะมีแกนนำและผู้ตามอยู่ในระดับหนึ่ง แต่คนส่วนใหญ่ 60 ล้านคนในสังคมยังอยู่ปกติ แต่คน 60 ล้านคนต้องมาเดือดร้อนเพราะคนบางกลุ่ม
ปัญหาคือว่า สมัยพุทธกาล ภิกษุโกสัมพีทะเลาะกัน พระพุทธเจ้าตรัสอย่างไร สอนอย่างไรไม่เชื่อ พระพุทธเจ้าหลีกหนีไปอยู่ในป่า พอหลีกหนีไปอยู่ในป่า ภิกษุโกสัมพีรู้ได้ว่าเราได้ทำความผิด แต่ที่มากกว่านั้น ประชาชนชาวโกสัมพีไม่เข้าข้างภิกษุโกสัมพีเลย ออกมาพูดว่าพระภิกษุที่จำนวนไม่มากทำให้ภิกษุชาวโกสัมพีเสื่อมไปด้วย เสียหายไปด้วย จนพระพุทธเจ้าไม่กลับมาเมืองโกสัมพี แล้วหลีกหนีจากพระภิกษุพวกนี้ ประชาชนชาวโกสัมพีใช้วิถีบอยคอตคือ ไม่กราบ ไม่ไหว้ ไม่ใส่บาตร ไม่ทำบุญด้วย
เวลานี้คนที่เป็นกองเชียร์ที่ถูกกล่าวหาอย่างที่อาตมาพูดเมื่อสักครู่ อาตมาพูดว่าไม่ได้ใส่ร้ายเขา เพราะว่าเป็นพระ แต่ว่าสำนักข่าวทั้งไทยและต่างประเทศพูดถึงว่ามันมีความเชื่อได้ว่าถ้าจะเป็นอย่างนี้ทางฝ่ายนี้ต้องออกมาเคลียร์ให้หมด จริงๆ ให้เหลือแต่พวกการเมืองสู้กัน เพื่อที่จะให้เห็นว่าฝุ่นมันจางไปแล้ว ใครเป็นใคร น่าจะได้แก้ปัญหาถูกทาง ไม่อย่างนั้นจะแก้ปัญหาที่ตรงนี้เชื่อมโยงกันไปไม่มีที่สิ้นสุด

** เสถียรภาพของรัฐบาลในปีหน้าท่านมองว่าจะหลุดพ้นจากวิบากกรรมที่ท่านว่านี้ไหม
ประเด็นที่สำคัญที่สุด มองในเชิงการเมืองก่อน ถ้ามองในเชิงการเมืองอาตมาไม่ได้พูดลึก แต่ว่าสิ่งที่ทำลงไป ของอะไรก็ตาม ที่ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับบ้านเมืองในปี 2 ปีที่ผ่านมา คนส่วนหนึ่งมองว่ากลุ่มที่มีอำนาจในปัจจุบันมีส่วนด้วย มีส่วนทำด้วย เพราะถ้าไม่มีส่วนทำเหมือนกับว่าต่างคนต่างมีทิฐิมานะ “คุณทำฉันได้ ฉันทำคุณได้” อันนี้ไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าพูดในเชิงธรรมะคือว่า กรรมเก่าที่ทำไป ไม่ว่าจะกรรมดีหรือกรรมไม่ดี
คำว่า “กรรม” นี่คือกลางๆ ทั้งความดีและความไม่ดีที่ทำลงไป อาจจะส่งผลหลังจากจัดตั้งรัฐบาลแล้ว หลังจากแถลงนโยบายแล้ว ถ้าคุณทำกรรมดีไว้มากให้คุณเชื่อว่าคุณทำความดีไว้มาก ทำความดีไว้ในประเทศนี้มาก ถ้าเป็นรัฐบาลที่ดีอย่างที่พูดถึง คุณไม่ต้องห่วงประชาชนจะโอบอุ้มคุณเอง แล้วคุณไม่ได้จะอยู่แค่ 3 ปีนี้หรอก จะอยู่ไปได้อีกยาวนาน
ถ้าคุณเชื่อว่าสิ่งที่คุณทำมาจากอดีตเป็นเรื่องที่ดี แล้วคุณทำความถูกต้องดีงามจริงๆ อย่างที่ว่า แต่ถ้าคุณทำไม่ถูกต้อง ไม่ดีงาม ทำทุกวิถีทางให้ได้มาโดยที่ไม่สนใจกฎหมาย ไม่สนใจศีลธรรม คุณไม่ต้องห่วงเหมือนกัน เพราะว่ากรรมนั้นจะกลับมาสนองคุณ เพราะว่าการเมืองไม่ใช่ว่าจะพูดแต่อย่างเดียว ลึกกว่าคำพูดคือการกระทำ คือพฤติกรรมที่แสดงออก คือสิ่งที่ทำมา และนั่นจะเป็นตัวบอกว่าคุณจะอยู่ได้หรืออยู่ไม่ได้อย่างไร

** ประเด็นใดบ้างที่จะทำให้เกิดความคลางแเคลงใจกับรัฐบาลใหม่
อาตมาขอพูดกว้างๆ ประเด็นที่คลางแคลงมากมีอยู่ 2 เรื่อง 1.เรื่องภายใน ไม่รู้ว่ารวมใครต่อใครมาเป็นกลุ่มการเมืองหรือกลุ่มผลประโยชน์อย่างไร...ไม่รู้ มารวมกัน เมื่อรวมกันแล้ว วันนี้เห็นได้ว่าแค่มีการ “ตั้งไข่” เท่านั้นเอง มีการพูดทำนองว่าคนนี้ได้เป็น คนนี้ไม่ได้เป็น อันนี้ศึกภายในเริ่มมีแล้ว 2.ฝีมือในการทำงาน เช่น ปัญหาที่สำคัญในเวลานี้คนมองปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ อาตมามองว่าปัญหาทางด้านสังคมเป็นปัญหาที่เป็นองค์ประกอบไม่ใช่น้อย ซึ่งจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจอย่างไรแล้วเดินให้ถูกทาง ให้ประชาชนได้เห็น สภาพสังคมที่มันย่ำแย่มีปัญหาทุกแห่ง จะกอบกู้ จะแก้ไข เพื่อวางรากฐานอย่างไรเพื่อคนในยุคนี้ และจะวางรากฐานในสังคมได้อย่างไร แต่ว่าถ้าพูดในเชิงธรรมะคือ ถ้ารัฐบาลมีความเสียสละ เห็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน มีความซื่อสัตย์สุจริต ดำรงอยู่ในหลักธรรม จะไปได้

** นายกรัฐมนตรีบอกว่าจะสร้างความสมานฉันท์ ไม่มีสีเหลือง สีแดง อาจารย์มองว่าทำได้ไหม
อย่างที่อาตมาบอกว่า “อย่าพูดอย่างเดียว” ให้ทำ ที่ยกตัวอย่างเมื่อสักครู่ว่า ที่นายทหารใหญ่เขาออกไปพูดว่าคนในรัฐบาลของท่านเอาไปพูดในที่อภิปรายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักข่าวต่างประเทศซักถามเนี่ย มันต้องเริ่มต้นจากเราด้วย เริ่มต้นจากคนในรัฐบาลด้วย ณ เวลานี้เริ่มต้นจากการพูดไม่ได้ผล คือคนมันรู้ทันกัน สมัยก่อนคนรู้ไม่ทันกันเพราะว่ามันไม่เห็นภาพ มันไม่เห็นรูป ไม่เห็นอาการ ฟังวิทยุซึ่งนานๆ คนที่อยู่ต่างจังหวัดจะได้ฟังสักครั้งหนึ่ง ไม่เห็นอะไรกันมากนัก เชื่อได้ แต่ทุกวันนี้วิทยุพูดเหมือนจะไม่ได้ผลเลย ยิ่งจะเป็นการยั่วยุด้วยซ้ำไป
สิ่งที่จะต้องทำ จะต้องปฏิบัติในเวลานี้ คือลงมือทำอย่างจริงจัง แล้วความผิดพลาดในอดีตคืออะไรต้องยอมรับ ต้องแก้ไข แล้วในอนาคตจะวางรากฐานสังคม วางรากฐานเศรษฐกิจอย่างไร ต้องทำให้เห็นเป็นรูปธรรม
การสมานฉันท์คือความสามัคคีของคนในชาติ มันต้องแก้ไขอดีตของเราให้ได้ด้วย ถ้าแก้ไขอดีตไม่ได้ อธิบายอดีตไม่ได้ ไม่ยอมรับอดีต การที่จะเดินไปข้างหน้าเป็นเรื่องยาก

** ประเด็นปัญหาของเรื่องการแก้ไขเศรษฐกิจ ตอนนี้นักท่องเที่ยวเข้ามาน้อยมาก การสร้างความเชื่อมั่นรัฐบาลต้องทำอะไรก่อน
ที่ผ่านมาต้องบอกว่า แม้แต่นักข่าวต่างประเทศบอกว่าภาพลักษณ์ของประเทศตกต่ำในสายตาชาวโลก และในรัฐบาลนี้สิ่งที่ต้องพูดเพื่อเสถียรภาพคือ ทำให้เมืองไทยมีความน่าเชื่อถือให้ได้ น่าเชื่อถือคือ 1.เป็นประเทศที่ไม่มีความขัดแย้งกัน เป็นเมืองที่ไม่มีความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงนะ ความขัดแย้งทางการเมือง การออกมาประท้วงทำให้อยู่ในหลักในเกณฑ์ ทำได้นะ ไม่ใช่ทำไม่ได้ แต่รัฐบาลจะต้องไม่ให้มีความรุนแรงและนำไปสู่การกระทำทุกวิถีทางที่ไม่คำนึงถึงทั้งสองอย่างที่อาตมาพูด
ข้อที่ 2 รัฐบาลเองจะต้องประคับประคองสถานะของรัฐบาล อย่างที่คนเขาบอกว่าเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย จะต้องประคับประคองสถานะของตัวเองให้ได้ ให้มีความสามัคคี ให้มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน แล้วออกนโยบายในทางที่มันไม่เป็นปัญหาต่อสังคม และไม่เป็นปัญหาต่อชาวโลก ส่งสัญญาให้ชาวโลกเห็น เวลานี้อาตมาเข้าใจว่านักการเมืองส่วนใหญ่จะส่งสัญญาณทางวาจา คือ มีการพูด ซึ่งไม่ได้ผลหรอก
อย่าไปพูดสุนทรพจน์แบบ “บารัค โอบามา” ไม่ได้ผลแน่ๆ ในบ้านนี้ไม่ได้ผล ที่ประเทศอเมริกา การกล่าวสุนทรพจน์เขาได้ผลมากๆ เพราะอะไร เพราะบ้านเมืองเขากฎหมายดี หลักศีลธรรมดี เขาอยู่ตัวหมดแล้ว ผู้นำเพียงแต่ว่ามาขันนอต แต่บ้านเราหลักกฎหมายยังถูกคลางแคลง มีคนสงสัย กระบวนการยุติธรรมยังถูกคลางแคลงสงสัย การที่จะละเมิดกฎหมายยังถูกคลางแคลงสงสัย การจะแก้ปัญหาเหล่านี้ การจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น มีคนเข้ามาท่องเที่ยว พูดอย่างเดียวไม่ได้ ต้องทำให้คนเห็นอย่างจริงจัง
ถ้าคุณลงมือทำ ทำด้วยความจริงใจซื่อสัตย์สุจริต อย่าไปกระแนะกระแหน อย่าเอาอย่างนั้นอย่างนี้มาเป็นข้ออ้าง จะทำให้คนเห็นใจเอง คนในบ้านเราจะเห็นใจ และส่งภาพลักษณ์ที่ดีไปทั่วโลก บ้านเรามีจุดขายเยอะมาก

** ให้เวลารัฐบาลที่จะแก้ปัญหาต่างๆ ให้เห็นผล อย่างเช่น เรื่องรัฐธรรมนูญ ให้เวลานานเท่าไร
เรื่องรัฐธรรมนูญ พูดตามความจริงไม่ต้องให้เวลาเลย เพราะตัวเขาเองจะต้องบรรจุไว้ในนโยบายของรัฐบาล ในรัฐบาลเดิมพูดแล้วดูเหมือนว่าจะมีข้อเปรียบเทียบกัน ในรัฐบาลเดิมเคยบอกไว้ว่าตอนที่หาเสียงที่จะเข้ามาต่อสู้กัน ทั้งสองฝ่ายชัดเจน ฝ่ายหนึ่งเห็นด้วย ฝ่ายหนึ่งจะเข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญทันที แต่อีกฝ่ายหนึ่งบอกว่าฉันยังไม่แก้ เพราะว่าถ้าแก้มันจะกลายเป็นว่าการแก้ปัญหาเพื่อเข้าข้างกลุ่ม พอเข้ามาเป็นรัฐบาลปุ๊บบอกเลยว่าจะแก้รัฐธรรมนูญ แต่รัฐบาลนี้เริ่มต้นไม่เคยพูดว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ตอนที่จะมาเป็นแกนนำการจัดตั้งรัฐบาลตอนที่จะไปรวมกับทุกคน อันนี้รับปากว่าเขาเสนออะไรรับหมด เอาหมด แค่นี้พอมาร่างนโยบายปั๊บแล้วไอ้ที่ไปรับ ไม่ได้ไปรับในมุมมืดด้วยนะ พูดในที่สาธารณะเลย แล้วคำพูดที่แตกออกมาว่าความเห็นตรงกัน ไอ้ที่คุณยื่น...ตรงกันกับฉัน แต่พอร่างนโยบายรัฐบาลไม่มีเลย ไอ้ที่ว่าไปยื่นตรงกันไม่มี
เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่ของสังคม เป็นเรื่องใหญ่มาก ทางเรา ทางศาสนามองว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังไม่เอื้อต่อศีลธรรม ยังไม่เอื้อต่อหลักศาสนา ยังไม่เอื้อต่อพุทธศาสนาและศาสนาอื่นๆ พอสมควร และในทางประชาธิปไตยมองว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นอำนาจเผด็จการ แล้วเหมือนว่าคนจะไปว่าอย่างนั้นไม่ใช่ทั้งหมด ภาพที่หาเสียงเข้ามาจะแก้รัฐธรรมนูญได้รับเป็นเสียงข้างมาก จะว่าเป็นประชามติกลายๆ ก็ได้

** ท่านให้เวลารัฐบาลทำงานเตรียมแก้ไขรัฐธรรมนูญภายใน 3 เดือน 6 เดือน หรืออย่างไร
อาตมาว่า 3 เดือนก็มากแล้ว คือเขาควรบรรจุตั้งแต่ทีแรก บรรจุไว้ว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนจะแก้ข้อไหน ประเด็นไหน อย่างไร มาคุยกัน คือในกฎหมายรัฐบาล ข้อห้ามของรัฐบาลคุณไม่ต้องพูดเลยว่าจะแก้รัฐธรรมนูญในข้อนี้ ไม่จำเป็น ถ้ากล่าวว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้บ้านเมืองก้าวไปข้างหน้าด้วยดี มาคุยกันสิว่าทางพรรคฝ่ายค้านมีจุดประสงค์จะแก้อะไร พระสงฆ์เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญ และพระสงฆ์เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้บ้านเมืองมีความสงบหรือไม่สงบ พระสงฆ์มีส่วน ถามท่านว่าท่านอยากแก้อะไร แล้วนักการเมืองจะแก้อะไร แล้วในที่สุดแก้ตรงไหนได้ ตรงไหนไม่ได้มาพูดกัน แต่นี่เริ่มต้น...ไม่มีซะเลย ทั้งที่พูดไว้ชัดเจน มันเป็นเรื่องที่สมัยก่อนใช่ คือ การเมืองพูดอะไรพูดแล้วๆ กันไป แต่ทุกวันนี้คนดู คนเขียน และคนจำ

** แล้วถ้า 3 เดือน รัฐบาลยังไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550
พระสงฆ์ออกมาเคลื่อนไหวแน่นอน อาตมาบอกได้เลยว่าเคลื่อนไหวแน่นอนถ้า 3 เดือนนี้คุณยังไม่แก้ไขในสิ่งที่คุณเรียกว่าความที่ควรจะมีในรัฐธรรมนูญ ในสิ่งที่ควรจะปรากฏในรัฐธรรมนูญ ถ้าคุณไม่ทำ กลุ่มพระสงฆ์ออกมาเคลื่อนไหวแน่นอน เราไม่ยอมและจะออกมาเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในหลายๆ ที่ หลายๆ แห่ง ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
//////////////////////