ที่มา ประชาทรรศน์
“สำหรับคลื่นวิทยุชุมชนที่ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการติดตามการนำเสนอเนื้อหา ซึ่งอาจเข้าข่ายมีความผิดด้านความมั่นคง ได้แก่ คลื่นคนรักอุดร และสถานีวิทยุของเครือข่ายกลุ่มคนรักเชียงใหม่” สาทิตย์กล่าว
ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้น ทำให้นายขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ออกมากล่าวในวันที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา ว่าตนขอยืนยันว่าการที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมากล่าวเช่นนี้ตนเกรงว่าจะทำให้คนเสื้อแดงอุดรฯ นั้นไม่พอใจ
ทั้งนี้ทาง คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กทช.ก็เคยบอกว่ายังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับ พ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่ สถานีวิทยุชุมชน และ 3 ปีที่ผ่านมาก่อนที่จะมาก่อตั้งสถานีวิทยุชุมชนคนรักอุดร ที่บ้านหนองเหล็ก ซอย 9 นั้น ก็เป็นความคิดเห็นของสมาชิกโดยรวมที่ช่วยกันนำเงินมาสนับสนุนจนได้เงินกว่า 3 ล้านบาทเพื่อนำมาก่อสร้างสถานีแห่งนี้จนแล้วเสร็จ
“ตอนนี้ผมก็ได้เรียกนักจัดรายการวิทยุชมรมคนรักอุดร FM 97.50 MHz ทุกคน มารับทราบถึงแนวทางการจัดรายการโดยแจ้งให้นักจัดรายการทราบถึงการออนแอร์หน้าไมค์ของสมาชิกให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ไม่ไปแตะต้องพูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์โดยเด็ดขาด และขณะนี้ก็คงจะลดบทบาทลง เพราะเกรงว่าสมาชิกคนเสื้อแดงที่อุดรธานีรวมไปถึงสมาชิกชมรมคนรักอุดรจะโทรศัพท์ออนแอร์เข้ามาพูดด้วยถ้อยคำที่รุนแรงและโจมตีรัฐบาลมากจนเกินขอบเขต” นายขวัญชัยกล่าว
ในวันเดียวกัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการดำเนินการวิทยุชุมชนที่ปลุกปั่นสร้างความแตกแยก ก็คงต้องว่าไปตามกรอบของกฎหมาย รัฐบาลเคารพสิทธิ์ ของสื่อมวลชน แต่สื่อที่ไปละเมิดสิทธิของผู้อื่น รัฐบาลก็สามารถดำเนินการได้ทันที ไม่จำเป็นต้องมีใครมาแจ้งความแต่ต้องทำอย่างนุ่มนวล พร้อมทั้งยัง เผยว่านายกรัฐมนตรีกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสานความร่วมมือในการแก้ปัญหาเว็ปไซต์หมิ่นเบื้องสูง โดยไม่จำเป็นต้องจัดตั้งหน่วยงานใหม่ขึ้นมาเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งวันนี้ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงกลาโหม, กระทรวงไอซีที, กระทรวงยุติธรรม, กองทัพบก และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มาร่วมหารือ