ที่มา ไทยรัฐ
วันเดียวกัน ที่โรงแรมสยามซิตี้ นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล เลขานุการมูลนิธิ 111 ไทยรักไทย ในฐานะทนายความที่ได้รับมอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แถลงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ระบุ พ.ต.ท.ทักษิณว่าจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศไทยว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยว่าจ้างบริษัทในต่างประเทศให้กระทำตามที่ นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหา การกระทำของพรรคประชาธิปัตย์ ถือเป็นเจตนาใส่ร้าย พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นความผิดฐานหมิ่น ประมาท ภายหลัง นพ.บุรณัชย์เปิดเผยเรื่องดังกล่าว ตนได้คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณรู้สึกรับไม่ได้กับการกล่าวอ้างสถาบัน เป็นสิ่งไม่บังควร เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ รักชาติและเทิดทูนพระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ การที่ต้องอยู่ต่างประเทศเป็นเพราะเหตุผลการเมือง จึงไม่มีเหตุจูงใจต้องว่าจ้างบริษัทต่างชาติ อย่างไรก็ตาม ก่อนปี 2550 พ.ต.ท.ทักษิณอาจเคยว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาทางกฎหมายหรือธุรกิจในต่างประเทศเท่านั้น และภายหลังปี 2550 ได้เลิกว่าจ้างทั้งหมดแล้ว
ขีดเส้นตาย ปชป.โชว์หลักฐาน 7 วัน
“การแถลงข่าวของโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณเสียหาย แต่พรรคประชาธิปัตย์ได้ประโยชน์ เต็มๆ ที่สำคัญคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ควรปฏิเสธความรับผิดชอบด้วยการให้ นพ.บุรณัชย์ รับผิดชอบ เพราะเมื่อโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กระทำผิดในบ้านของตัวเอง นายอภิสิทธิ์ ก็ควรแสดงความรับผิดชอบ เราทราบว่า นพ.บุรณัชย์เป็น ส.ส.สมัยแรก อาจอ่อนด้อยทางการเมือง จนตกเป็นเครื่องมือของใครบางคน และเรื่องลักษณะนี้ นพ.บุรณัชย์ไม่น่ากระทำเพียงลำพังได้ จึงจะให้โอกาสพรรคประชาธิปัตย์ชี้แจงเอกสารหลักฐานให้ชัดเจน ภายใน 7 วันว่า พ.ต.ท.ทักษิณว่าจ้างบริษัทนี้เมื่อไหร่ มีหลักฐานการโอนเงินว่าจ้างหรือไม่ หากไม่สามารถชี้แจงได้ จะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย แต่หาก นพ.บุรณัชย์ ยอมรับว่าโกหกประชาชนและลาออกจากตำแหน่ง ทีมทนายความก็อาจพิจารณาอีกครั้ง” นายวิชิตกล่าว