ที่มา ประชาทรรศน์
คอลัมน์ : ตะแกรงข่าว
โดย คมแฝก
ไม่น่าเชื่อว่าในสถานการณ์การเมืองเคร่งเครียด ประชาชนกำลังลำบาก ธุรกิจท่องเที่ยว ที่อยู่ในสภาพโคม่า คนตกงานกันมากมายขนาดนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ยังมีเวลาไปหาความสุขส่วนตัว
วันหยุดปีใหม่ 4 วันที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์เอาเวลาไปพักผ่อนท่องเที่ยว เดินเล่นชายหาดจังหวัดกระบี่ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส
มีเสียงท้วงติงว่า สภาพการเมืองแบบนี้ น่าจะ เรียกประชุมคณะรัฐมนตรี และ คณะทำงานให้ประชาชนได้เห็นว่ารัฐบาลนี้ทำงานทุกวัน แม้แต่ในวันที่ประชาชนหยุด รัฐบาลก็ไม่หยุด และขณะที่ประชาชนพักผ่อน รัฐบาลก็ทำงานแบบไม่หยุดหย่อน
ล่าสุด นายอภิสิทธิ์ พร้อมด้วย น.ส.งามพรรณ เวชชาชีวะ พี่สาว และ น.ส.ปราง เวชชาชีวะ ลูกสาว ไปชมภาพยนตร์เรื่อง “ความสุขของกะทิ” ที่สร้างจากนวนิยาย รางวัลซีไรต์ในปี 2549 ผลงานของพี่สาวนายอภิสิทธิ์
ที่เขียนแบบนี้ไม่ใช่ว่า ห้ามนายอภิสิทธิ์ ไม่ให้ ท่องเที่ยว พักผ่อนหย่อนใจ แต่อยากจะสื่อสารไปทางนายกรัฐมนตรีว่าขณะนี้ประชาชนชาวไทยกำลังลำบาก โดยเฉพาะพี่น้องชาวรากหญ้า ดังนั้นเป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาลต้องให้ขวัญกำลังใจ
เริ่มต้นปีก็เจอเรื่องราวร้ายๆ กับโศกนาฏกรรมไฟไหม้ ซึ่งได้เกิดขึ้นให้เห็นแล้วถึงสองแห่งด้วยกัน แห่งแรกคือ ซานติก้าผับ แห่งที่สองตามมาติด ๆ คือ เสือป่าพลาซ่า คนไทยเศร้าสลด หดหู่ ไม่มีขวัญกำลังใจจะไปท่องเที่ยวที่ไหน
ตื่นเช้าขึ้นมาอ่านหนังสือพิมพ์ก็มีแต่ข่าวร้ายๆ เช่น นางธนนุช ตรีทิพยบุตร เลขาธิการสำนักงานสถิติแห่งชาติ ระบุว่า สำนักงานสถิติ ได้ทำการสำรวจแนวโน้มประเทศไทยปี 2552 พบ 7 ธุรกิจเสี่ยงปิดกิจการและเลิกจ้างสูง
ได้แก่ ธุรกิจโรงแรมและภัตตาคาร ,การผลิตยานยนต์และจักรยานยนต์ ,อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอัญมณี เครื่องประดับ ,เฟอร์นิเจอร์ เครื่องแต่งกายและสิ่งทอ ,ยางและพลาสติก และธุรกิจโรงพยาบาล
อ่านข่าวแบบนี้ก็ใจคอไม่ดี ลูกจ้างก็กลัวตกงาน ส่วนนายจ้างก็จ้องจะลดต้นทุน ทั้งลูกจ้างและนายจ้างก็หวาดระแวงกันเอง
ด้าน ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระ และผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจมหภาค คาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้ คนไทยอาจต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจอย่างน้อย 1-2 ปี หรืออย่างมาก 3-4 ปี และรัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาในระยะสั้น คือปัญหาว่างงาน เพราะอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจทุกๆ 1% ที่ปรับลดลง จะทำให้มีคนตกงานถึง 350,000 คน
มีตัวเลขที่น่าสนใจจากศูนย์วิจัยกสิกรไทย ซึ่งพบว่า ผลกระทบจากการว่างงาน 1 ล้านคนในไตรมาส 1 ปีนี้ มาจากแรงงานในระบบส่วนหนึ่ง และบัณฑิตจบใหม่อีกกว่า 675,000 คน ส่งให้ผลการบริโภคลดลงกว่า 13,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
ขณะเดียวกัน ข่าวที่ไม่เคยได้เห็นก็ได้เห็น เช่น พาดหัวข่าวว่า “การบินไทยช็อตเงินเลื่อนจ่ายหนี้” ซึ่งข่าวนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นในบริษัทการบินไทยที่ถือว่ามั่นคงมากที่สุด
ข่าวระบุว่า พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักเลขานุการบริษัท ปฏิบัติหน้าที่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ระบุว่า การบินไทยได้เจรจากับ บริษัท แอร์บัส อินดัสทรี จำกัด เพื่อขอเลื่อนเวลาการจ่ายเงินล่วงหน้าก่อนรับมอบเครื่องบิน จากกำหนดเดิมออกไปอีก 3 เดือน เนื่องจากการบินไทยกำลังประสบปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงิน
ทั้งนี้ ตามแผนการรับมอบเครื่องบิน ปี 2552 การบินไทยจะรับมอบแอร์บัส A 330 ทั้งสิ้น 6 ลำ และเริ่มจ่ายเงินล่วงหน้าในเดือนมกราคม 2552 นี้ เพื่อรับมอบเครื่องบินลำแรกในเดือนเมษายน 2552 ซึ่งแอร์บัสยินยอมให้การบินไทยเลื่อนการจ่ายเงินล่วงหน้าได้ โดยก้อนแรกที่ต้องจ่ายเดือนมกราคม 2552 เลื่อนออกไปเป็นเดือนกุมภาพันธ์นี้ และจะเลื่อนการจ่ายเงินล่วงหน้าทุกครั้งออกไปครั้งละ 3 เดือนตามที่การบินไทยร้องขอ
สิ่งต่างๆ เหล่านี้คือความเจ็บปวดของประชาชนชาวไทยใน รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่ ต้องดิ้นรนหารายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องกันอย่างเลือดตาแทบกระเด็น
วันนี้ประชาชน ไม่มีความสุขเลย แต่นายกรัฐมนตรีกำลังมีความสุขที่สุด ทั้งดูหนัง และเที่ยวทะเล !