ที่มา ไทยรัฐ
นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้าหารือกับผู้ว่าการ ธปท. ธาริษา วัฒนเกส ได้ข้อสรุปว่า การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศหรือจีดีพีหรือผลิตภัณฑ์มวลรวมจะอยู่ที่ร้อยละ 0.5-2.5
ไม่แน่หรืออาจจะติดลบ
ทั้งนี้ ปัญหาเกิดจาก วิกฤติจากภายนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติการเงินหรือวิกฤติน้ำมัน ทำให้ส่งผลกระทบถึงสภาพคล่องทางการเงินในประเทศ ธนาคารไม่กล้าปล่อยกู้ หนี้เสียเพิ่มขึ้นตกอยู่ในภาวะเงินฝืด เป็นต้น (ไม่กล้าแตะต้องปัญหาวิกฤติการเมือง)
เป็นปัญหาเศรษฐกิจที่เหมือนกันทั้งโลก
ทุกประเทศเกือบจะทั่วโลกก็อยู่ในสถานะเดียวกัน แต่กรรมวิธีที่จะแก้ปัญหาแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ของผู้บริหารเป็นหลัก ยกตัวอย่างประเทศจีนก็มีปัญหาเรื่องของวิกฤติการเงิน มีการนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศแล้วมีปัญหามากกว่าเราด้วยซ้ำ ในขณะที่กิจการหลายแห่งก็ประสบกับปัญหาทางการเงิน แต่รัฐบาล และธนาคารกลางสามารถที่จะสั่งธนาคารพาณิชย์ได้ ส่วนบ้านเราผมไม่อยากจะวิจารณ์
เป็นเอกเทศกันหมด
ใครคุมใครไม่ได้นโยบายทางการเงินเลย ไม่ไปในทิศทางเดียว กัน เอาเถอะบ้านเราก็เป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไร ไม่อย่างนั้นไม่กินเกาเหลากันได้ทุกยุคทุกสมัย
ที่ผมอยากจะตั้งข้อสังเกตคือการใช้ งบประมาณในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่วางเป้าไปจนถึงปี 2553 เดี๋ยว 3 แสนล้าน เดี๋ยว 1 แสนล้าน สุดท้ายอีก 7 แสนล้าน ผมในฐานะชาวบ้านตาดำๆขนหัวลุก เพราะเงินที่วาดฝันกันเอาไว้นั้น เป็นเงินกู้ทั้งนั้นไม่ได้มาจากรายได้หลักของรัฐบาล
อีกด้านไม่รู้จะเพิ่มหนี้อีกเท่าไหร่
แล้วไม่รู้ว่าจะได้ผลแค่ไหนเพราะยังไม่เห็นโครงการเป็นชิ้นเป็นอัน ที่สำคัญจะถึงมือคนจนหรือสบายแฮนักธุรกิจผู้รับเหมาก่อสร้าง ผมพูดอย่างนี้ไม่ใช่พวกองุ่นเปรี้ยว แต่เป็นเพราะว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ว่าจะโครงการเมกะโปรเจกต์หรือการสร้างงานด้านอื่นๆ แรงงานอาจจะมีงานทำแต่รายได้ความเป็นอยู่ก็ยังเหมือนเดิม อย่างดีก็ได้แค่ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 200 บาท งานนี้ใครได้ใครเสียคงไม่ต้องอธิบายให้เมื่อยตุ้ม
นอกจากนี้ การกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ซึ่งเข้าใจว่าคงจะตรงกับคำแนะนำ ของไอเอ็มเอฟ บ้านเราจะเอาอย่างประเทศเงินถุง เงินถังคงไม่ได้ ในขณะเดียวกันถ้าจะใช้วิธีร่วมลงทุนแปลงทรัพย์สิน เป็นทุนนอกจากจะสอดคล้องกับสถานะทางการเงินของประเทศ แล้วยังเป็นการลดภาระของประชาชน
ผมยิ่งหวั่นใจเมื่อเห็นรายชื่อคณะที่ปรึกษาในกระทรวงเศรษฐกิจต่างๆมาจาก นักธุรกิจที่คุ้นหน้าบางท่านก็เคยยุยงให้ทหาร ปฏิวัติมาแล้ว เลยไม่รู้ว่าจะมีความสำนึกต่อความเดือดร้อนของชาวบ้านแค่ไหน
กลัวว่าจะเป็นรัฐบาลต่างตอบแทนไปฉิบ.
“หมัดเหล็ก”