ที่มา ไทยรัฐ
ให้มันรู้ซะมั่งว่าถิ่นใคร
กลับบ้านครบอาการ 32 ก็นับว่าฟลุกแล้ว กับภาพข่าวที่กลุ่มชาวบ้านรุมล้อมกรอบ ขัดขวางนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย และทีมงาน
ระหว่างพาคณะสื่อมวลชนเดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบพื้นที่เขาแพง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยเฉพาะแปลงที่ถือครองโดยนายแทน เทือกสุบรรณ ลูกชายของ "เทพเทือก" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ผู้จัดการใหญ่รัฐบาล
ดักรอ "กระชับพื้นที่" กันตั้งแต่สนามบิน
และก็บังเอิญเป็นวันเดียวกันกับคิวที่ "เทพเทือก" ก็บินกลับบ้านที่อำเภอพุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี นำครอบครัวประกอบพิธีทำบุญอุทิศให้กับบิดา มารดา ท่ามกลางคณะติดตามชุดใหญ่ทั้งรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ บิ๊กตำรวจ ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นักการเมืองท้องถิ่นแห่รายล้อมกันแน่นขนัด
แหย่เสือถึงถ้ำ ก็ต้องระทึกกันหน่อย
ปล่อยให้เหยียบจมูกกันเฉยๆ มันเสียชื่ออดีตกำนัน
แต่ไม่แน่ใจว่า เป็นเหลี่ยมที่ดักไว้แล้วหรือไม่ ในจังหวะที่ "ตุ๊ดตู่" นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย รีบแถลงที่กรุงเทพฯ ประณามกลุ่มผู้สนับสนุนนายสุเทพ ที่กระทำการขัดขวางการลงพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย โดยทราบว่ามีการปลุกระดมผ่านวิทยุชุมชน ขนคนข้ามมาจากฝั่งด้วยเรือเฟอร์รี่
ทั้งๆที่การชี้ให้เห็นว่า การบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องช่วยกันดูแล ไม่ใช่มาขัดขวาง ฉะนั้น กรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯจะต้องดำเนินการเรื่องนี้ เพื่อเอาทรัพยากรของประเทศกลับมา
ได้ทีตีปี๊บ ลากประเด็น
จากที่จะเป็นแค่ข่าวเล็กๆซ่อนอยู่ในข่าวต่อการเมือง กลายเป็นว่า การล้อมกรอบขัดขวางทีมงานฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย ระหว่างเดินทางลงพื้นที่ตรวจสอบการถือครองที่ดินเขาแพง บนเกาะสมุย ของลูกชาย "เทพเทือก" เป็นข่าวใหญ่ พาดหัวยักษ์ หนังสือพิมพ์
กระตุกเครื่องหมายคำถามคนในสังคม
ฉุกคิดกับอาการยื้อยุดฉุดกระชาก ถ้าโปร่งใส ทำไมต้องขัดขวางกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งไม่ใช่แค่ล้อมกรอบ สกัดไม่ให้ตัวแทนพรรคเพื่อไทยเข้าแจ้งความกับตำรวจ ตามรายงานข่าวยังมีทั้งการใช้รถแบ็กโฮขุดถนน สกัดทางขึ้นเขาไปถึงที่ดินแปลงปัญหา โดยมีการระดมชายฉกรรจ์ชุดดำมาคุมเชิง พร้อมปักป้ายที่ดินส่วนบุคคลห้ามล้ำเข้าไปในเขตแดน
โชว์อิทธิฤทธิ์กันเต็มที่
เอาเป็นว่า โดยแผลเป็นที่ติดตัวมาตั้งแต่คิว สปก.4-01 ที่จังหวัดภูเก็ต ปมร้อนๆว่าด้วยเรื่องที่ดิน ถือเป็นของแสลง จุดอ่อนของยี่ห้อ "เทพเทือก"
โดนจี้จุดเป็นสะดุ้งทุกที
ถึงตรงนี้ก็ถือว่าฝ่ายค้าน พรรคเพื่อไทย ไม่ได้วืดเป้าชกลมฟรี
อย่างน้อยก็ได้ทีย้ำแผลให้ช้ำ ค่อยๆตัดแต้มไปเรื่อยๆ ในสถานการณ์ที่รัฐบาล "นวัตกรรมอัปลักษณ์ทางการเมือง" กำลังวิตกจริตกับคิวการโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯปี 2554 ในเดือนสิงหาคม นับหัวเสียงสนับสนุนที่กระจัดกระจาย บวกลบรัฐมนตรีที่ลงคะแนนไม่ได้
ขนาดรวมงูเห่าก็แล้ว ยังฉิวเฉียดเส้นยาแดงผ่าแปด
ตามคิวต้องใช้งานคนระดับรัฐมนตรี โดยปฏิบัติการของ "เสี่ยไก่" นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.ไอซีที ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ
รับงาน "เจ้ากรมข่าวลือ"
"เขี่ยลูก" ลากเลื้อยกระแสข่าวที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมทุ่มเงินซื้อตัว ส.ส. เพื่อให้โหวตล้มร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ
พูดกันเป็นนัย หากตัวเองเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ทำอย่างนี้
เพราะถ้าร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯไม่ผ่าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ก็ต้องยุบสภาไปเลือกตั้งใหม่ ถือเป็นการลงทุนที่ถูกกว่าการไปจ้างคนให้มาชุมนุมเคลื่อนไหว
ดักคอเป็นเชิงตีกัน
พวกไม่โหวตผ่านงบประมาณฯก็คือพวกที่รับเงินจาก "ทักษิณ"
เรื่องดักทางตีกิน ไม่มีใครเขี้ยวเท่าประชาธิปัตย์อยู่แล้ว.
ทีมข่าวการเมือง