ที่มา ไทยรัฐ นโยบาย แผนปรองดองแห่งชาติ ที่จะมีการพูดคุยกับภาคเอกชนในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ และ คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้สัญญาว่าจะทำให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างในสิ้นปีนี้ เป็นของขวัญปีใหม่สำหรับคนไทยทั้งประเทศ มีการแถลงข่าวใหญ่โตที่ทำเนียบรัฐบาล แต่ดูหน้าตาของผู้ที่ มาร่วมงานแถลงข่าวก็จะเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตากับพรรคประชาธิปัตย์ทั้งนั้น ไร้เงานักการเมืองพรรคร่วมรัฐบาล ที่พยายามจะชิ่งให้พ้นจากการมีส่วนร่วมความสูญเสียครั้งประวัติศาสตร์ ที่มีคนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก มีการทาบทามตัวบุคคลเข้ามาเป็นกรรมการหลายชุด ทั้งกรรมการหาข้อเท็จจริงการสลายการชุมนุม ทั้งกรรมการปฏิรูปประเทศ มีการเชิญ คุณคณิต ณ นคร อดีตอัยการสูงสุด เชิญ คุณอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกฯ ที่ถูกพรรคประชาธิปัตย์เชิญไปใช้งานบ่อยที่สุด แล้วไงก็คนกันเองทั้งนั้น เหตุผลข้อเดียวคือ ไม่มีใครอยากไปร่วมวงมหกรรมการสร้างความชอบธรรมให้กับรัฐบาล ไปการันตีให้กับการตัดสินใจในการสลายการชุมนุมที่เกิดความสูญเสียอย่างมากมายของนายกฯ และรัฐบาล ไม่มีใครอยากตกเป็นเหยื่อของการสร้างภาพปาหี่การเมือง ก่อนที่นโยบายแผนการปรองดองแห่งชาติจะเกิดขึ้นได้ รัฐบาลจะต้องปรับพื้นฐานประเทศ ต่อไปนี้ให้เรียบร้อย ไม่เช่นนั้น แผนการปรองดองก็จะเป็นปาหี่การเมืองอีกฉากหนึ่งเท่านั้น 1. จะต้องหาตัวผู้รับผิดชอบและชดใช้ในกรณี ใครฆ่าประชาชน เพราะถ้าเรียกร้องให้ทุกคนหันหน้าเข้าหากัน ทั้งๆที่ต้องสูญเสียลูกเมียญาติพี่น้องไปอย่างไม่เป็นธรรม ชาตินี้คงจะปรองดองกันยาก 2. จะต้องปฏิบัติให้ ระบบความเป็นธรรม มีมาตรฐานเดียวกัน จะต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา ไม่ใช่สีหนึ่งทำอะไรก็ไม่ผิด สีหนึ่งทำอะไรก็ผิดหมด คนกลุ่มหนึ่งเสียชีวิตเพราะเกี่ยวข้องกับการค้ายาบ้ายาเสพติด รัฐบาลกระเหี้ยนกระหือรือเรียกร้องความเป็นธรรมให้ แต่คนกลุ่มหนึ่งเสียชีวิต เพราะมาเรียกร้องประชาธิปไตย กลับถูกยัดเยียดข้อหาก่อการร้ายไปฉิบ 3. จะต้อง ให้ประชาชนมีส่วนร่วม ในแผนปรองดองมากที่สุด ไม่ใช่อ้างเหตุผลที่เป็นนามธรรมมากกว่ารูปธรรม โดยเฉพาะการอ้างสถาบันมาเกี่ยวข้องเป็นการไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ควรยุติไล่ล่าประชาชนที่ถูกมองเป็นศัตรู แม้แต่ในกรณีที่องค์กรสิทธิมนุษยชนต่างชาติจะขอเข้ามีส่วนร่วมในการสังเกตการณ์ก็ไม่ควรปฏิเสธ เพราะยิ่งจะทำให้ประเทศไทยในสายตาชาวโลกอึมครึมมากขึ้น 4. จะต้องให้ คู่กรณีเข้ามามีส่วนร่วม ในการร่างแผนปรองดองครั้งนี้อย่างเปิดเผย และมีการยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข ไม่เช่นนั้น ข้อกำหนดในแผนปรองดองก็จะไม่ได้รับการยอมรับจากทั้งสองฝ่ายอยู่ดี 5. จะต้องมีการดำเนินการ โดย มีกรอบเวลาเป็นตัวกำหนด ไม่ใช่ซื้อเวลาไปเรื่อย ไม่มีเป้าหมาย หรือเป็นแค่ปาหี่ลับ ลวง พราง แหกตาชาวบ้าน โดยเฉพาะการกำหนดวันยุบสภา และวันเลือกตั้ง สุดท้ายนายกฯต้องมีสัจจะ. หมัดเหล็ก