WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Sunday, June 13, 2010

เอเชียเซนทิเนลตีพิมพ์ "การปรองดองของไทยและนโยบายสหรัฐฯ"

ที่มา Thai E-News


โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
12 มิถุนายน 2553

เว็บไซต์เอเซียเซนติเนล หนึ่งในสื่อต่างประเทศที่มักจะนำเสนอข่าวสารเบื้องลึกถึงแก่นของการเมืองไทย ได้ออกบทความล่าสุดเขียนโดย Fabio Scarpello เมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.) ชื่อ Thai Reconciliation and US Geopolitics หรือมีความหมายว่า "การปรองดองของไทยและนโยบายของสหรัฐฯ"

บทความโดยรวมต้องการเตือนสหรัฐฯให้เลือกนโยบายที่ใช้กับประเทศไทยให้ถูกต้อง โดยเริ่มต้นกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการสภาที่พูดถึงประเทศไทยและเส้นทางไปสู่การปรองดอง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ที่ผ่านมา ในที่ประชุมได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าวมาก และเชื่อว่าปัญหาในประเทศไทยจะมีส่วนเชื่อมโยงไปทั้งภูมิภาคและทั้งโลกในที่ประชุมได้มองเห็นความเกี่ยวเนื่องของปัญหาแตกแยกระหว่างเสื้อแดงและเสื้อเหลือง ว่ามีส่วนเชื่อมโยงไปถึงปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เชื่อมโยงไปสู่ความยุ่งเหยิงอื่นๆและกระทบไปกับประเทศมาเลเซีย

ในที่ประชุมมองว่า ปัญหาในกรุงเทพฯอาจนำไปสู่ความขัดแย้งที่มากขึ้นระหว่างกัมพูชาและประเทศไทยเนื่องจากพรรคต่างๆอาจจะใช้เกมชาตินิยมในการเล่นเกม ดังเช่นที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวมันจะขัดแย้งกับแนวทางโดยรวมขององค์กรอาเซียนที่ต้องการให้มีการแก้ปัญหาโดยสันติและยอมรับจากทุกฝ่าย

ในภาพกว้างมีการให้ความเห็นว่า ประชาธิปไตยในไทยจะเป็นเรื่องสำคัญเพราะหลายๆประเทศในภูมิภาค โดยเฉพาะประเทศพม่าที่กำลังจับตามองประเทศไทยอย่างใกล้ชิดว่า รัฐบาลในกรุงเทพฯจะดำเนินนโยบายต่างๆด้วยเทคนิคอย่างไร

ในขณะเดียวกันในที่ประชุมมีความเห็นว่าประเทศไทยคือมิตรประเทศที่เป็นยุทธศาสตร์สำคัญของสหรัฐฯในภูมิภาค ในการที่จะดำเนินยุทธศาสตร์กับประเทศอื่นๆในเอเชียอาคเนย์และประเทศจีน

อย่างไรก็ดี ในบทความได้ตำหนิคณะกรรมการชุดดังกล่าวว่าได้ส่งท่าทีที่มีลักษณะตื้นเขินและมองแต่ประโยชน์เฉพาะหน้า "narrow, immediate interests" ดังเช่นที่เคยปฏิบัติโดยรัฐบาลเก่าของนายจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ซึ่งได้ละเลยที่จะไม่แสดงการประนามการทำรัฐประหารต่อรัฐบาลอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ในปี 2006 โดยให้ข้อมูลว่า ในขณะนั้นบทวิเคราะห์ส่วนมากที่ส่งไปยังส่วนกลางได้ให้ความเห็นในเชิงที่ว่า "นายทักษิณเป็นภัยต่อชนชั้นสูงในกรุงเทพฯ ดังนั้นเขาจึงเป็นภัยต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ" (Thaksin was a threat to the Bangkok elite, he thus was also a threat to American interests.)

บทความได้ยกความเห็นของนาย Joshua Kurlantzick ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งเกี่ยวกับภูมิภาคเอเชียอาคเนย์ ใน บทความวันที่ 18 พ.ค. ที่กล่าวว่า"มันพิสูจน์ว่านี่เป็นความผิดอันใหญ่หลวง การรัฐประหารแก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย และได้ทำให้ปัญหาต่างๆแย่ยิ่งขึ้นไปอีก"

ในที่ประชุมคณะกรรมการสภาของสหรัฐได้เลือกที่จะใช้ท่าทีที่เอื้อไปในกลุ่มสนับสนุนอำมาตย์ ความเห็นของผู้เขียนชี้ว่า สิ่งนี้เป็นอันตรายและจะก่อให้เกิดปัญหาอันใหญ่หลวงอันอื่น ทั้งไม่เป็นประโยชน์กับประเทศไทยและยังไม่ก่อให้เกิดประโยชน์กับสหรัฐฯด้วย

ในบทความได้ให้รายละเอียดว่า คณะกรรมการสหรัฐฯสนับสนุนแผนโร๊ดแม๊ปของนายอภิสิทธิ์ โดยกรรมการชุดดังกล่าวเชื่อว่ากระบวนการดังกล่าวจะเป็นพื้นฐานที่จะนำไปสู่จุดจบของความขัดแย้งเป็นการสนับสนุนพันธะสัญญาของสหรัฐฯต่อไทย ที่จะนำไทยกลับไปสู่ความมีเสถียรภาพแต่เจ้าของบทความชี้ว่า ข้อสรุปดังกล่าวได้ละเลยอย่างชัดแจ้งต่อความจริงที่ว่า นายอภิสิทธิ์ได้ทำการซิกแซ๊กแผนโร๊ดแม๊ปของเขาเอง และเป็นแผนที่ถูกปฏิเสธไปก่อนหน้านี้แล้วโดยกลุ่มคนเสื้อแดงก่อนการสลายการชุมนุม พวกกรรมการชุดดังกล่าวยังได้ละเลยความจริงที่ว่า แม้ว่าปากนายอภิสิทธิ์จะป่าวประกาศถึงการปรองดอง แต่นายอภิสิทธิ์ได้นำประเทศเข้าสู่ระดับเดียวกับการปกครองในระบอบเผด็จการ (despite the facade of talks of reconciliation, Abhisit has moved the country to an unprecedented level of "legal authoritarianism,")

ผู้เขียนยังชี้ด้วยว่า ภายใต้บรรยากาศ "ปรองดองๆ" อันนี้นี่แหละ ที่หลักกระบวนการทางกฏหมายก็หายไปหลักการจับกุมตัวก็ไม่ได้ใช้ สิทธิในทางการเมืองก็สิ้นไป การเซ็นเซอร์ข้อมูลข่าวสารภายใต้พระราชกำหนดฉุกเฉินก็ได้กลายเป็นเรื่องปฏิบัติธรรมดา

ผู้เขียนได้ตำหนิคณะกรรมการชุดดังกล่าวที่มองแต่เรื่องสั้นๆ ละเลยข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่านายอภิสิทธิ์ได้กระทำการที่ตรงกันข้ามกับแผนโร๊ดแม๊ปของเขา พร้อมกับแนะนำให้คณะกรรมการดังกล่าวเรียกร้องให้มีการดำเนินการสอบสวนที่เหมาะสม ดำเนินการให้เป็นตัวอย่างว่าประเทศที่เป็นประชาธิปไตยควรจะทำอย่างไร อย่างไรก็ดีท้ายที่สุดผู้เขียนยังหวังว่าแม้ว่าทางคณะกรรมการรัฐสภาจะดำเนินนโยบายที่ไม่ได้เรื่อง แต่กระทรวงการต่างประเทศจะดำเนินนโยบายที่ถูกต้องกว่า ดังที่ได้เห็นจากท่าทีที่นายเคริท์ แคมป์เบล ได้เข้าเยี่ยมคนเสื้อแดงเมื่อเดือนก่อนขณะที่มาเยือนประเทศไทย

อ่านเพ่ิม

Thailand and US Policy / Joshua Kurlantzick / Council on Foreign Relations /May 18, 2010
ฉบับแปลโดย Siam Intelligence Unit

คลิปที่เกี่ยวข้อง

การดำเนินนโยบายของกลุ่มชนชั้นสูงในกรุงเทพฯตามสไตล์ที่ถนัดด้วยการไปล็อบบี้หาเสียงถึงกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐ