นอกเหนือจากปัญหาการเมืองที่รัฐบาลพยายามสร้างปมขึ้นมาเองแล้ว ปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้และปัญหาเศรษฐกิจยังเป็นเรื่องใหญ่และเป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่ จะต้องช่วยกันแก้ไขเพราะมันเป็นเรื่องของสังคมประเทศนี้ที่ต้องเผชิญอยู่
ไม่ใช่เฉพาะแค่รัฐบาลเท่านั้น ยังเป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านด้วย
ก่อนหน้านี้ ประชาธิปัตย์ได้ตั้ง ครม.เงาเพื่อติดตามการทำงาน ของรัฐบาลแบบที่เรียกว่าคนต่อคน กระทรวงต่อกระทรวงประกบกันเลย ว่าที่จริงแล้วการตั้ง ครม.เงานั้นเป็นเรื่องปกติของฝ่ายค้านเพื่อตรวจสอบรัฐบาลให้เข้มข้น
ขณะเดียวกัน ก็เป็นการเตรียมพร้อมที่จะเข้าไปเป็น ครม.แทน หากรัฐบาลเพลี่ยงพล้ำจนต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง ฝ่ายค้านเข้าไปเป็นรัฐบาลแทน
หรือเพื่อนำเสนอตัวบุคคลของพรรคที่จะเป็น “รัฐมนตรี” หากได้เป็นรัฐบาล
ที่ผ่านมาแม้จะมีการตั้ง ครม.เงาขึ้นมา แต่ก็เพียงแค่ทำให้เห็นว่า ฝ่ายค้านได้ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล พอรัฐบาลเริ่มบริหารประเทศก็จะเงียบหายไป เพราะมันไม่สนุกหากไม่ได้เป็น “ตัวจริง” ก็เลยกลายเป็นแค่พิธีกรรมทางการเมืองเท่านั้น
ไม่ได้มุ่งหวังที่จะให้ ครม.เงาเป็นไปตามเจตนารมณ์จริง ซึ่งครั้งนี้ก็คงจะรู้สึกว่า น่าจะเป็นการสร้างภาพทางการเมือง ไม่ได้จริงจังอะไร ดีกว่าไม่มีอะไรทำ
แต่ไปมุ่งหวังเอาตอนเปิดสภาเพื่อซักฟอก หรืออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เพราะเชื่อว่าหมัดเด็ดที่จะเล่นงานรัฐบาลได้ก็คือการยกมือไม่ไว้วางใจเท่านั้น
รัฐบาล “ทักษิณ” ที่ผ่านมาแสดงให้เห็นแล้วว่าการเดินหมากการเมืองอย่างนั้นไม่มีทางสำเร็จ และแทบไม่ได้ประโยชน์อันใด เพราะแม้จะมีประเด็น มีข้อมูลที่ชัดเจนว่ารัฐบาลมีการทุจริต บริหารงานบกพร่อง ใช้อำนาจโดยมิชอบต่างๆเหล่านี้
แต่ก็ไม่สามารถเล่นงานได้เพราะเสียงสนับสนุนสู้ไม่ได้
เมื่อเป็นเช่นนี้ประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคฝ่ายค้านก็เลยเงียบหาย หลุดจอไปเลย หากไม่มีการยึดอำนาจหรือแม้ยึดอำนาจแล้วก็ตาม “ประชาธิปัตย์” ก็ยังต้องเป็นฝ่ายค้าน
และหากไม่สามารถพลิกฟื้นทำให้ประชาชนทุกภาคหันกลับมาให้ความเชื่อมั่น เชื่อถือ ก็ยิ่งเป็นเรื่องยากที่จะได้เป็นรัฐบาล
อย่างไรก็ดี มีปรากฏการณ์ซึ่งน่าจะเป็น “มิติใหม่” ของสังคมการเมืองไทย เมื่อรัฐบาลและฝ่ายค้านจะร่วมมือกันแก้ไข 2 ปัญหานี้ ด้านเศรษฐกิจ ประชาธิปัตย์ได้ส่งตัวแทนเข้าพบรัฐมนตรีคลังเพื่อมอบข้อมูลและ ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไข
หรือการที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง มท.1 ได้เชิญหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และคณะ เข้าหารือแนวทางการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยดีและน่าจะทำให้รัฐบาลได้ข้อมูลไปมากพอสมควร
ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีมหาดไทยยอมรับด้วยว่าจะไม่พูดเรื่องปัญหา 3 จังหวัดแบบที่ผ่านมา นั่นคือ สิ่งที่ถูกต้องที่สุด เพราะมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน อย่างเรื่องเขตปกครองพิเศษ ที่ยังไม่รู้ทิศทางว่าจะปกครองกันรูปแบบไหน อย่างไร
ยิ่งปัญหานี้ยังเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จึงต้องระมัดระวังจนกว่าจะมีสูตรสำเร็จ ทุกฝ่ายให้การยอมรับว่าจะเป็นทางออกที่ดีจึงจะประกาศและเดินหน้าว่าจะเอายังไงแน
ก็ไม่ใช่ “โจรกระจอก” หรือ?..ที่มันทำให้ยุ่งมาถึงวันนี้
เหนืออื่นใดบทบาทความร่วมมือรัฐบาลกับฝ่ายค้านในเชิงสัมพันธ์อย่างนี้น่าจะเป็นผลดี ต่อประเทศและทำให้ประชาชนพึงพอใจ เพราะจริงๆแล้วหน้าที่ ของรัฐบาลและ ฝ่ายค้านมันก็คือจุดเดียวกัน
ไม่ใช่มากัดกันหรือทะเลาะกันเพื่อแสดงความเก่งกาจ.
"สายล่อฟ้า"
คอลัมน์ กล้าได้กล้าเสีย