แม้ “สงค์สุ่น” น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ จะเคยออกมาปฏิเสธก่อนหน้านี้แล้วว่า...
การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองช่วง ต.ค.2537 หลังจาก พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หัวหน้าพรรคพลังธรรมขณะนั้น ได้นำ “คนนอก” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มานั่งเก้าอี้ รมว.ต่างประเทศ แทนที่ตัวเขา จะมิใช่เหตุผลของปมขัดแย้งระหว่างตัวเขากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ลุกลามต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้แต่นั่นก็แค่...คำแก้ตัวของ “สงค์สุ่น” ที่สังคมไทยโดยเฉพาะกลุ่มก้อนการเมือง ต่างก็ไม่เชื่อและยังมองว่า...การเข้ามาแทนที่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คือ ความเจ็บช้ำสุดๆ ของคนที่เคยทำงานด้านข่าวกรอง ในยุคสงครามเย็นและสงครามคอมมิวนิสต์ นั่นเองไม่แปลก...หากก่อนหน้านี้ วันนี้ และอนาคตจากนี้ น.ต.ประสงค์ ยังจะทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ “เส้นทาง” ทั้งในและนอกการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ
คับแคบและบีบรัด ถึงขั้นขมึงเกลียวในที่สุด!!! เหมือนเมื่อครั้งที่ตัวเขา เคยประสบกับชะตากรรมเช่นนี้มาก่อน“อะไรก็ได้แต่ขอให้ชนะ” และ “ใครอยู่ตรงข้ามต้องพ่ายแพ้” จะเรียกเป็น “ปรัชญา” หรืออะไรก็ตาม แต่สิ่งนี้...มันฝังอยู่ในหัวสมองของคนชื่อ “ประสงค์ สุ่นศิริ” ชนิดแยกจากกันไม่ได้จาก “ปฏิบัติการแรก” ภายหลังที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามานั่งทำงานในตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ เพียง 3 เดือนสุดท้าย แผนการ “ตีแผ่” เรื่องคุณสมบัติของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งถูกระบุว่า...ขัดกับรัฐธรรมนูญ เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ มีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัมปทานจากภาครัฐก็สัมฤทธิผล
พ.ต.ท.ทักษิณ ชิงลาออกจากรัฐบาลที่มีนายกฯ ชื่อ นายชวน หลีกภัย แทบไม่ทัน!!!เท่าที่ “บางกอกทูเดย์” พอจะสืบค้นได้ พบว่า...ยังมีอีกหลายๆ เหตุการณ์ ที่ตอกย้ำถึง ความแค้น “ฝังลึก” ของคนที่ชื่อ “ประสงค์ สุ่นศิริ” อย่างชัดเจนที่สุด ทันทีที่มีข่าวว่า...พ.ต.ท.ทักษิณ จะตั้งพรรคการเมืองใหม่ เมื่อปี 2533
น.ต.ประสงค์ ก็ใช้คอลัมน์ “ประสงค์พูด” ใน นสพ.แนวหน้า “ถล่ม” หัวหน้าพรรคไทยรักไทยเรื่อยมายิ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชนะเลือกตั้ง และได้เป็น นายกรัฐมนตรี ด้วยแล้ว
ปฏิบัติการโจมตีของ น.ต.ประสงค์ ก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ถึงขนาดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งขณะนั้นทำหน้าที่ นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาบอกเองว่า...คนที่ให้ “ข่าวลบ” เกี่ยวกับตัวเขา แก่ “ฟาร์อีสเทิร์น อีโคโนมิก รีวิว” ก็คือ...น.ต.ประสงค์ นั่นเอง!!! จะเห็นได้ว่า...สิ่งที่ น.ต.ประสงค์ เคยให้สัมภาษณ์ว่า...“...ผมขัดแย้งกับความเลวกับความชั่ว ผมไม่ได้แย้งกับตัวบุคคล...” นั้น มีความจริงน้อยมาก เมื่อเทียบกับการกระทำของ น.ต.ประสงค์ ช่วง 15-16 ปีที่ผ่านมาล่าสุด เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา น.ต.ประสงค์ กล่าวระหว่างเสวนาภาคประชาชน หัวข้อ “บ้านเมืองจะอยู่อย่างไร เมื่อทักษิณกลับมา” ณ โรงแรมรอยัลปริ๊นเซส
สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า...คนๆ นี้คิดถึงเรื่องส่วนตัว หรือผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ!!!ไม่เพียง “5 แก้” (แก้ตัว, แก้ต่าง, แก้คดี, แก้แค้น และแก้รัฐธรรมนูญ) ที่เขาระบุว่า...เป็นสิ่งที่รัฐบาลของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะต้องเร่งดำเนินการเพื่อช่วยเหลือ อดีตนายกฯ ทักษิณ เท่านั้นแต่การที่ น.ต.ประสงค์ ย้ำบนเวทีเสวนาฯ ว่า... สิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ พูดว่าจะวางมือทางการเมือง ยังไม่เกิดขึ้นจริง!?!พร้อมกับชี้ให้เห็นว่า...พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ใช้วิธีการเดียวกับการบริหารทีมฟุตบอล โดย เจ้าของทีม จะบริหารผ่าน ผู้จัดการทีม และ ผู้เล่น สิ่งที่เกิดขึ้น คือ ผู้จัดการทีมจะติดต่ออย่างใกล้ชิดกับเจ้าของทีม อีกทั้ง ผู้เล่นก็เป็นหน้าเก่าที่ย้ายพรรคมาจากพรรคการเมืองที่ถูกยุบ “บางกอกทูเดย์” ถอดรหัส...ตีความ ในสิ่งที่ น.ต.ประสงค์ พูดออกเป็น 2 นัย
นัยแรก น.ต.ประสงค์ ต้องการจะชี้ให้เห็นจริงๆ ว่า...อดีตนายกฯ ทักษิณ จะใช้วิธีการบริหารพรรคฯ และนักการเมือง เหมือนที่นั่ง...บริหารทีมฟุตบอลสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ “แมนฯ ซิตี้” คือ บริหารผ่าน “มืออาชีพ” หรือ “นอมินี”หรืออีกนัยหนึ่งก็อาจจะแปลความหมายได้ว่า...น.ต.ประสงค์ ต้องการจะสื่อให้สังคมไทยเชื่อว่า...การวางมือทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่เกิดขึ้นจริง!!! เพราะขณะที่ อดีตนายกฯ ทักษิณ ประกาศจะวางมือนั้น บางส่วนของอวัยวะเบื้องล่าง (เท้า) จะยังใช้ “เขี่ย” หรือ “คอนโทรล” พรรคฯ และนักการเมืองเหมือนที่นักฟุตบอลสโมสร “แมนฯ ซิตี้” ใช้เท้าในการเล่นกับลูกฟุตบอล
ไม่ว่า...รหัสที่ “บางกอกทูเดย์” ถอดออกมาจะโดนและตรงกับใจ เช่นที่ น.ต.ประสงค์ ต้องการจะสื่อกับสังคมไทยหรือไม่???แต่ก็เชื่อว่า...สังคมไทยและกลุ่มก้อนการเมืองบางส่วน คิดและเชื่อเช่นที่ “บางกอกทูเดย์” คิดเช่นนั้นจริงๆเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด โดยเฉพาะการแสดงความเชื่อที่ว่า...อดีตนายกฯ ทักษิณ จะไม่เลิกเล่นหรือวางมือทางการเมืองนั้นเป็นสิ่งที่ น.ต.ประสงค์ เคยออกมาพูดแล้วอย่างน้อย 2-3 ครั้งการเชื่อมโยงเรื่อง การเมือง กับ เกมกีฬาแห่งฟุตบอล ที่ต้องใช้เท้าเป็นอวัยวะสำคัญในเกมการเล่นและกติกาสากลนั้น จึงเป็นที่มาของพาดหัวข่าวของ “บางกอกทูเดย์” ที่ว่า...จากมือถึงเท้าจากสงค์ (น.ต.ประสงค์) ถึงษิณ (พ.ต.ท.ทักษิณ) แค่แผ่นเสียงตกร่อง ส่วนใครจะเห็นด้วยหรือไม่ หรืออาจพ้องเป็นอย่างอื่น เรา “บางกอกทูเดย์” ก็ไม่ว่ากัน!!!