อดขำไม่ได้เมื่อได้อ่านข่าว พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ฝ่ายจราจร กล่าวถึงมาตรการดูแลความเรียบร้อยกรณีรถโฆษณาบริษัท ฮัลโหลบางกอก ที่จอดกีดขวางเส้นทางจราจร จนได้รับการร้องเรียนมาเป็นจำนวนมากว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการกำชับให้ทุกท้องที่สอดส่องดูแลอย่างใกล้ชิด หากพบมีการฝ่าฝืนให้ดำเนินการออกใบสั่งได้ทันที ซึ่งพื้นที่ที่มีรถของบริษัท ฮัลโหลบางกอก ฝ่าฝืนอยู่ มีอยู่ 10 สถานี เบื้องต้นให้มีการประสานกับการไฟฟ้า ตัดไฟ และแจ้งให้เจ้าของรถขยับรถออกไปนอกพื้นที่ก่อน หากฝ่าฝืนอีกให้พนักงานสอบสวนดำเนินการออกหมายเรียกเจ้าของบริษัท ซึ่งถ้าออกหมายเรียก 2 ครั้งยังไม่มา ให้พนักงานสอบสวนดำเนินการออกหมายจับได้ทันที
ขำ เพราะว่าก่อนหน้านี้ในช่วงที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยังไม่ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ เคยนำเสนอข่าวนี้มาก่อน แต่แทบไม่มีการสนองตอบจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเลย
เพราะมีการนินทากันว่า ตำรวจคนไหนจะกล้าจับล่ะ ในเมื่อป้ายโฆษณาคุณภาพของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ที่ติดหราอยู่ในที่ต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ ก็เป็นฝีมือของบริษัท ฮัลโหลบางกอก
หลังจากที่หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์นำเสนอไป ก็มีบ้างที่มีการขยับรถพ้นไปจากย่านถนนวิภาวดีรังสิต ใกล้กับป้อมยามใต้ทางด่วน เพราะเป็นทางผ่านที่พนักงานของหนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์นั่งรถผ่าน แต่มีการนำไปจอดที่อื่นให้ห่างไกลหูไกลตาของทีมงานประชาทรรศน์
ผมนั้นได้รับโทรศัพท์ต่อว่าต่อขานมาจากพรรคพวกที่เป็นตำรวจว่า บริษัท ฮัลโหลบางกอก ได้ช่วยงานประชาสัมพันธ์ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่น่าจะเปิดโปงโจมตีกันเลย
ผมก็บอกไปว่า ไม่ใช่เป็นการประชาสัมพันธ์งานให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่เป็นการประชาสัมพันธ์โฆษณาให้กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเท่านั้น และที่ต้องนำเสนอข่าวนี้ไปก็เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับสังคม
เพราะอย่าลืมว่าการโฆษณาบนป้ายโฆษณาที่ติดหราอยู่ตามที่ต่างๆ จะต้องมีการเสียค่าสถานที่ติดตั้ง เสียภาษีป้าย แต่สำหรับรถโมบายของบริษัท ฮัลโหลบางกอก ไม่ต้องเสียภาษี เพราะป้ายติดอยู่ท้ายรถ สามารถวิ่งไปจอดที่ต่างๆ ได้โดยตำรวจไม่กล้าจับกุม มิหนำซ้ำรถแต่ละคันไม่ทราบว่ามีทะเบียนหรือไม่ เพราะไม่เห็นจะมีคันไหนปิดแผ่นป้ายทะเบียน
จะให้มองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากต้องการจะเลี่ยงไม่ให้ตำรวจจราจรเขียนใบสั่งแปะไว้ที่หน้ารถได้ เพราะไม่รู้จะระบุว่าทะเบียนอะไร นอกจากจะนำเครื่องล็อกล้อมาล็อกล้อเท่านั้น แต่ไม่เคยปรากฏว่ามีการล็อกล้อ หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์จึงหยิบเรื่องนี้มานำเสนอเป็นข่าวใหญ่อยู่ 2-3 วัน ด้วยเหตุนี้
ดังนั้นเมื่อมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ยังไม่ทันข้ามสัปดาห์ พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล สั่งให้ตำรวจจราจรทุกท้องที่กวดขันจับกุมรถโมบายของบริษัท ฮัลโหลบางกอก อย่างจริงจัง จึงอดขำไม่ได้
อีกเรื่องหนึ่งเป็นข่าวเล็กๆ แต่อดขำไม่ได้เหมือนกัน กรณีที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกคำสั่งยกเลิกงานประกวดพระเครื่องที่จัดโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะมีบริษัทห้างร้านต่างๆ ร้องเรียนมาว่าได้รับความเดือดร้อนจากการที่ถูกขอค่าโฆษณาในหนังสือจัดงาน
นี่ถ้ายังไม่มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ชาวบ้านทั่วๆ ไปที่ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้พระเครื่อง และเจ้าของบริษัทห้างร้านที่ถูกขอให้เป็นสปอนเซอร์โฆษณาหนังสือ คงไม่รู้ว่าตำรวจไทยได้พัฒนาก้าวไกลไปถึงขนาดจัดงานหาเงินเองแล้วหรือ
เมื่อก่อนนี้ ตำรวจเพียงแต่มีเอี่ยวในการจัดงานต่างๆ เช่น การจัดมวยชิงแชมป์โลก ตำรวจจะมีเอี่ยวกันในการรับบัตรชั้นริงไซด์ไปจำนวนหนึ่ง ขายได้เท่าไรก็ให้เป็นสวัสดิการของตำรวจ หรือการจัดคอนเสิร์ตที่แบ่งบัตรให้ตำรวจนำไปขาย
แน่นอน บัตรมวยหรือบัตรคอนเสิร์ตที่ตำรวจได้รับมานั้น จะต้องนำไปขายให้กับเจ้าของสถานบริการในท้องที่ ซึ่งซื้อง่ายขายคล่อง รับไปกี่บัตรต้องขายได้เท่านั้น ไม่มีการรับคืน
แต่ในระยะหลังๆ เศรษฐกิจย่ำแย่ สถานบริการต่างๆ ปิดกิจการไปเยอะ การยัดเยียดบัตรมวย บัตรคอนเสิร์ต จึงลดน้อยลงไปด้วย ประกอบกับระยะหลังนี้ มวยชิงแชมป์โลกของสถาบันต่างๆ ซึ่งมีชกกันเป็นรายสัปดาห์ เปิดให้ดูฟรี และมีการถ่ายทอดสดทางทีวี การขายบัตรเปลี่ยนเป็นขอสปอนเซอร์โฆษณาทางโทรทัศน์แทน เราจึงเห็นสินค้าอีกแบบหนึ่งที่จะโฆษณาเฉพาะรายการมวยชิงแชมป์เท่านั้น
เราจึงเห็นว่าในการชกมวยชิงแชมป์ต่างๆ ที่จัดให้มีการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ จะต้องมีนายตำรวจระดับผู้กำกับ ผู้บังคับการจังหวัด เป็นประธานจัดงานฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพื่อการันตีกับเจ้าของร้านค้าที่มาเป็นสปอนเซอร์โฆษณาทางโทรทัศน์ โดยมีนักการเมืองค้ำประกันอีกชั้นหนึ่ง
เพิ่งมาเห็นครั้งนี้แหละ ที่ตำรวจเป็นเจ้าภาพจัดงานเสียเอง ถ้าน้ำไม่ลด ตอคงไม่ผุดให้เห็น