WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Tuesday, June 17, 2008

เปิดขุมกำลังพันธมาร!

คอลัมน์: ฮอตสกู๊ป
เว็บไซต์ประชาไท รายงานขุมกำลังภาคใต้ของพันธมาร ชนิดที่ว่า เห็นตัวเห็นตน เห็นคนว่าใครเป็นใครเลยทีเดียว ซึ่งมีข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้

“เพื่อให้ภาพชัดเจนยิ่งขึ้น จึงพาไปสำรวจฐานกำลังของ ‘พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย’ ใน 14 จังหวัดภาคใต้

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ฐานกำลังหลักในภาคใต้ของ ‘กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย’ มาจากฐานเดิมที่ก่อร่างสร้างกันขึ้นมาจากการเคลื่อนไหวช่วงจัดรายการ เมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร จนกระทั่งกลายร่างแปรรูปเป็น ‘กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย’ และกระจายออกสู่ต่างจังหวัดในนามของกลุ่มพันธมิตรฯ จังหวัดต่างๆ ในช่วงปี 2548 จนยุติลงเมื่อมีการทำรัฐประหารในห้วงปลายปี 2549

กระทั่งแปลงร่างมาเป็น ‘ยามเฝ้าแผ่นดิน’ กระจายไปทั่วทุกจังหวัด ในปี 2550

จนเมื่อผลการเลือกตั้ง เมื่อปลายปี 2550 ออกมา ปรากฏว่าพรรคพลังประชาชน กลุ่มการเมืองที่นิยมแนวทาง ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ฟื้นคืนสู่อำนาจอีกครั้ง

'พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย' ซึ่งประกาศยุติบทบาทไปแล้วหลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 จึงประกาศรวมตัวกันใหม่ และมีการระดมพล เสบียงกรัง น้ำเลี้ยง เพื่อเปิดศึกกับพรรคพลังประชาชนที่ ‘กรุงเทพมหานคร’

โดยเครือข่ายของพันธมิตรฯ ใน 14 จังหวัดภาคใต้ ยังคงเคลื่อนไหวอย่างเอาการเอางานยิ่ง

เป็นการเคลื่อนไหวที่ผนึกกำลังกันแนบแน่นของคนชั้นกลาง กับองค์กรพัฒนาเอกชน นักวิชาการ นักกิจกรรมทางสังคม มีทั้งที่สังกัดพรรคการเมือง และไร้พรรคการเมืองสังกัด รวมถึงนักการเมืองท้องถิ่นบางคน บางกลุ่ม

เป็นการเคลื่อนไหวสอดรับกับส่วนกลาง ณ ถนนราชดำเนินนอก ชนิดแนบแน่นเป็นเนื้อเดียว จากการเชื่อมร้อยขบวนแถวให้ไปในทิศทางเดียวกัน ผ่านการถ่ายทอดสด ASTV

พื้นที่สำคัญ ที่มีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องและมีพลัง ก็คือ จ.ภูเก็ต และที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

ข้อที่น่าสังเกตก็คือ ทั้ง 2 พื้นที่เป็นที่ตั้ง ‘ศูนย์ข่าวเครือผู้จัดการ’ พูดง่ายๆ ว่า เป็นพื้นที่ที่มีคนใน ‘เครือผู้จัดการ’ เป็นฐานสนับสนุนให้กับกลุ่มผู้เคลื่อนไหวอยู่แล้ว

ขณะที่การเคลื่อนไหว ณ หน้าสถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ จ.สงขลา ออกมาในภาพของ ‘กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดสงขลา’ ที่มีคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ กับคนชั้นกลาง และปัญญาชนในพื้นที่เป็นแกนหลัก

พร้อมกับมีเครือข่ายยามเฝ้าดิน สมัชชาประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยทักษิณ รวมทั้งนักกิจกรรมบางส่วน จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ ยืนเรียงเคียงข้างไปพร้อมๆ กับองค์กรพัฒนาเอกชน ที่นำโดย ‘บรรจง นะแส’ เลขาธิการคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคใต้ และ ‘เอกชัย อิสระทะ’ แกนนำสำคัญของนักพัฒนาเอกชนภาคใต้ พร้อมทีมนักพัฒนาเอกชนอีกจำนวนหนึ่ง เป็นมือปฏิบัติการอยู่ด่านหน้า

ข้อน่าสังเกตยิ่งก็คือ แกนหลักใน จ.สงขลา ที่ออกมาประกาศล้มรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช และระบอบทักษิณ ในสายนักพัฒนาเอกชน นักวิชาการ และนักกิจกรรมทางสังคม เกือบทั้งหมดล้วนแล้วแต่ปฏิเสธรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่เมื่อครั้งตัดสินใจเดินหน้าโครงการท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซไทย–มาเลเซียโน่นแล้ว

ไม่ว่าจะเป็น ‘บรรจง นะแส’ กลุ่มนักพัฒนาเอกชน หรือนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ อย่าง ‘ดร.เริงชัย ตันสกุล’ หรือ ‘ประสาท มีแต้ม’ และบรรดาคณาจารย์จาก ‘สภาอาจารย์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์’

รวมทั้งนักวิชาการผู้พิสมัยการเมืองท้องถิ่นอย่าง ‘นพ.เกรียงศักดิ์ หลิวจันทร์พัฒนา’

ไม่เว้นกระทั่งปัญญาชนคนชั้นกลางในเมืองหาดใหญ่ ที่มี ‘นพ.อนันต์ บุญโสภณ’ เป็นศูนย์รวม โดยมีวงสนทนาประจำสัปดาห์ ‘วิทยาลัยวันศุกร์’ เป็นจุดเชื่อมร้อยคนกลุ่มนี้เข้าด้วยกัน

แตกต่างกันไม่มากนักกับการเคลื่อนไหว ณ ลานสะพานหิน กลางเมืองภูเก็ต ที่นำโดยบรรดายามเฝ้าแผ่นดินในพื้นที่ โดยมี ‘ณัชจรงค์ เอกเพิ่มทรัพย์’ ประธานกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินจังหวัดภูเก็ต ‘กริช เทพบำรุง’ รองประธานกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินจังหวัดภูเก็ต และ ‘ปัญญา แดนมะตาม’ เลขาธิการกลุ่มยามเฝ้าแผ่นดินจังหวัดภูเก็ต เป็นแกนหลัก

ขณะที่ จ.ชุมพร ออกโรงเคลื่อนไหวในนาม ‘สมัชชาประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดชุมพร’ โดยผนึกกับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดลานหน้าสถานีรถไฟจังหวัดชุมพร เป็นที่ชุมนุม มี ‘สุนทร รักษ์รงค์’ ประธานสมัชชาประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภาคใต้ เป็นแกนนำ

อีกพื้นที่ที่เป็นกองกำลังสำคัญของ ‘พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย’ คือ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งต่อสายตรงกับสำนักบ้านพระอาทิตย์โดยตรง ในการจัดกำลังขึ้นมาเป็นแกนหลักรักษาความปลอดภัยให้กับทั้งสถานที่ชุมนุม และที่บ้านพระอาทิตย์ ในนามของ ‘พันธมิตรลุ่มน้ำปากพนัง’ นำโดย ‘ดำรง โยธารักษ์’

ทั้ง 4 พื้นที่นี้ เป็นพื้นที่เคลื่อนไหวสนับสนุนการต่อสู้ของ ‘พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย’ ชนิดต่อเนื่องและยืดเยื้อ

นอกจากนี้ ใน 4 พื้นที่ข้างต้น และจังหวัดที่เหลือ ยังใช้รูปแบบดาวกระจาย ตั้งจานดาวเทียมถ่ายทอดสด ASTV เต็มพื้นที่ ผนวกกับเครือข่ายวิทยุชุมชน เสริมเข้าไปในพื้นที่ชนบทอีกทางหนึ่งด้วย

ในขณะที่พื้นที่ในตัวเมือง การถ่ายทอดสด ASTV ผ่านเครือข่ายเคเบิลท้องถิ่นในทุกจังหวัด ได้รับความนิยมสูงยิ่ง และนับเป็นตัวเร่งสำคัญที่ทำให้คนทั้ง 14 จังหวัดภาคใต้ โน้มเอียงไปในทางสนับสนุน ‘พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย’ โดยมีผู้ปฏิบัติงานใน ‘เครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย’ แต่ละจังหวัด คอยเชื่อมร้อยให้เข้าสำแดงพลังร่วมกัน

อันจะเห็นได้จากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดตรัง จะมีนักพัฒนาจากองค์กรพัฒนาเอกชน ผนึกกับแกนนำองค์กรชุมชน และคนชั้นกลางในเมืองเป็นตัวเชื่อมร้อย โดยมี ‘ประพาส โรจนภิทักษ์’ ที่ปรึกษาเครือข่ายรักษ์เทือกเขาบรรทัด เป็นแกนหลัก

ขณะที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจังหวัดสตูล มีปัญญาชนท้องถิ่น ‘ปราโมทย์ สังหาญ’ เป็นแกนนำ

นอกจากนี้ที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ยังมี ‘สุเชษฐ์ จันทร์คง’ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย สาขาทุ่งสง เป็นตัวหลัก เปิดพื้นที่รถไฟให้ประชาชนมารวมตัวกันรับฟังและรับชมการถ่ายทอดสด ASTV กันอย่างทั่วถึง

สำหรับขุมกำลังที่น่าจับตามองของ ‘พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย’ อีกแหล่งหนึ่ง ก็คือ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ที่มีการรวมตัวของนักธุรกิจออกมาสนับสนุนการเคลื่อนไหวล้างระบอบทักษิณ อย่างเป็นกลุ่มก้อนจับต้องได้

ส่วนการเคลื่อนไหวในจังหวัดอื่นๆ ก็มีลักษณะเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น จ.กระบี่ พัทลุง พังงา ระนอง

เป็นที่น่าสังเกตว่า ในส่วนของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถึงแม้ภาพการเคลื่อนไหวจะออกมาปรากฏให้เห็นไม่มากนัก ทว่ากิจกรรมการติดตั้งจานดาวเทียมเพื่อรับชม ASTV กลับอยู่ในระดับที่น่าสนใจอย่างยิ่ง ทั้งในแง่ปริมาณและการกระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ

สำหรับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี มีอาจารย์บางคนออกมาร่วมต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เช่น ‘ผศ.ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี’ ด้วยเหตุผลที่ว่า ปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้สำคัญกว่า รัฐบาลอย่ามัวแต่คิดจะแก้รัฐธรรมนูญอยู่เลย

ขณะที่ ‘ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์’ ศิษย์วัดมหาจำลอง เพิ่มความเข้มในการจัดตั้งเครือข่ายต้านทักษิณ ด้วยการออกโรงเดินสายก่อตั้ง ‘สมัชชาประชาชนเพื่อประชาธิปไตย’ ในแต่ละจังหวัดอย่างถี่ยิบ

ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2551 จากการพบปะหารือกันที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ขณะนี้มีการก่อรูปตั้ง ‘สมัชชาประชาชนเพื่อประชาธิปไตย’ ในจังหวัดภาคใต้แล้ว 6 จังหวัด คือ จ.สงขลา จ.สุราษฎร์ธานี จ.สตูล จ.พัทลุง จ.นราธิวาส จ.ยะลา

สำหรับ จ.ยะลา มีอดีตผู้นำครูรุ่นเก๋า ‘สมนึก ระฆัง’ ประธานเครือข่ายพลังแผ่นดินขจัดภัยก่อการร้าย เป็นผู้เข้าร่วมก่อตั้ง”

ทั้งหมดนี้คือ เครือข่ายขุมกำลังของ ‘พันธมาร’ ในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้!