* กลุ่มต้านพันธมิตรนัดรวมพล 4 โมงเย็นวันนี้
นักวิชาการ-อาจารย์จุฬาฯ เรียงหน้าถล่มม็อบพันธมิตรฯ งัดไม้ตายสุดท้าย ขู่บุกยึดทำเนียบรัฐบาล ระบุเข้าข่ายผิดกฎหมายชัดเจน สร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง แถมยังทำลายภาพลักษณ์ประเทศในสายตาชาวโลกป่นปี้ ทำเศรษฐกิจเสียหายย่อยยับ แนะรัฐบาล-ตำรวจ ต้องจัดการขั้นเด็ดขาด ก่อนความเสียหายจะขยายตัวมากไปกว่านี้ เชื่อรัฐบาลจะจัดการปัญหาได้ ที่สำคัญไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทหารต้องไม่ออกมาวุ่นวาย เตือนระวัง “จำลอง” พาคนไปตายซ้ำสอง ด้าน “พชรวาท” ย้ำตำรวจยอมให้ม็อบบุกยึดทำเนียบไม่ได้แน่ พร้อมเตรียมกำลังรับมือกว่า 3 พันนาย
จากกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ออกมาชุมนุมปิดถนนขับไล่รัฐบาลเป็นเวลาต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ โดยมีการปรับเปลี่ยนแผนเพื่อเรียกร้องความสนใจอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่เป็นผล จนมาถึงยุทธการดาวกระจาย ที่ขยายความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนไปทั่วทุกหัวระแหง และยุทธวิธีอารยะขัดขืน ยุยงให้ประชาชนทำผิดกฎหมาย ที่ล้มเหลวเช่นเดียวกัน จนต้องประกาศทุบหม้อข้าว และตั้งเป้าหมายบุกยึดทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 20 มิถุนายนนี้ โดยเชื่อว่าเป็นหนทางสุดท้ายในการกดดันให้นายกรัฐมนตรีลาออกนั้น
กรณีดังกล่าวได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า เป็นการกระทำที่เริ่มจะเกินกว่าความเหมาะสม และยิ่งจะทำให้ประเทศชาติเสียหาย และยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่เห็นว่าถึงเวลาที่รัฐบาลจะต้องเข้าจัดการอย่างจริงจัง ก่อนจะเกิดความเสียหายไปมากกว่านี้
*ระบุรัฐบาลต้องจัดการเด็ดขาด
ผศ.ดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่จะเข้ามาบุกทำเนียบรัฐบาล เพราะทำเนียบเป็นสถานที่ราชการ ซึ่งถ้ามาปิดล้อมจะทำให้เกิดความเสียหาย เพราะข้าราชการจะทำงานกันไม่ได้ แต่ถ้าจุดหมายของพันธมิตรฯ คือการก่อกวนการทำงานของรัฐบาล ตนมองว่าไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ เนื่องจากสามารถย้ายสถานที่ไปทำงานที่อื่นได้
ผศ.ดร.สุธาชัย กล่าวว่า การที่พันธมิตรฯ ประกาศทุบหม้อข้าวนั้น ถือเป็นการประกาศที่ข่มขู่ผู้ต่อสู้ เป็นการเอาชนะกันทางการเมืองมากกว่าเพราะไม่มีประโยชน์อะไรเลยในการจะเข้าไปทำลายทรัพย์สินของทางราชการ เนื่องจากอาจถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย
“ผมมองว่ามันเกินไปแล้ว พันธมิตรฯ จะสู้อย่างไรก็ไม่ชนะหรอก เพราะประชาชนยังไม่เอาด้วย เนื่องจากรัฐบาลบริหารงานมาได้เพียงไม่กี่เดือนเอง จะให้ประชาชนไปปิดล้อมทำเนียบแบบนั้น ผมเชื่อว่าไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน ส่วนผู้ที่ถูกปลุกระดมมาก็คิดว่าคงไม่เท่าไร แต่ถ้าถามว่าพันธมิตรฯ บุกเข้าไปในทำเนียบแล้วทำลายข้าวของ แบบนี้ทางตำรวจต้องจัดการขั้นเด็ดขาด เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่อุกอาจและทำให้ประเทศชาติเสียหาย”
*ปิดล้อมทำเนียบเป็นเรื่องน่าห่วง
รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การเคลื่อนคนจำนวนมากจะทำให้เกิดสถานการณ์ที่ควบคุมได้ยาก การเคลื่อนพลมาที่ทำการของรัฐบาลเป็นเรื่องที่น่ากังวล เพราะจะเกิดปัญหาด้านภาพลักษณ์ ขาดเสถียรภาพ เป็นการส่งสัญญาณให้กับทั้งในและต่างประเทศในทางที่ไม่ดี แต่ถ้ามีการจัดการที่ดี สถานการณ์อาจจะไม่ตึงเครียดมาก เพราะการเคลื่อนขบวนมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลเกิดขึ้นกับทุกรัฐบาล สมัย นายชวน หลีกภัย มีคนมาชุมนุมเกือบทั้งสมัยตลอด 3 ปี ครึ่ง และก็นำไปสู่ปัญหา เพราะเป็นการชุมนุมอย่างไม่สงบ
ผศ.ดร.ปณิธาน กล่าวอีกว่า คราวนี้อาจมีคนมาชุมนุมมากกว่าปกติ แต่ก็เชื่อว่าหากรัฐบาลควบคุมและจัดการอย่างดี สถานการณ์จะไม่บานปลาย ส่วนพันธมิตรฯ เองก็ต้องให้ความร่วมมือให้รัฐบาลทำงานได้บาง เปิดช่องทางจราจรบ้าง ชุมนุมกันอย่างสงบ ไม่บุกรุกสถานที่ราชการ แสดงเจตจำนงที่จะยื่นหนังสือต่อรัฐบาลจริงๆ ก็คงไม่เกิดปัญหามากนัก หากเกิดการปะทะหรือกระทำผิดกฎหมายเมื่อมีการจับกุมรัฐบาลต้องจับเป็นรายบุคคล ไม่จับคนที่ไม่เกี่ยวข้อง ใช้วิธีการที่ละมุนละม่อมในการจับ เพราะประเทศไทยไม่ยอมรับความรุนแรง
ผศ.ดร.ปณิธาน กล่าวด้วยว่า การชุมนุมทางการเมืองจะมีวิธีการและใช้คำพูดเพื่อให้ประชาชนมีความรู้สึกร่วมกัน หากการเคลื่นขบวนของกลุ่มพันธมิตรไม่มีการละเมิดกฎหมาย ชุมนุมอย่างสันติ ไม่มีการทำลายข้าวของ คิดว่าปัญหาจะมีไม่มาก แต่การเคลื่อนที่ของคนจำนวนมาอย่างไรก็มีปัญหาอยู่ดี กองกำลังตำรวรและฝ่ายความมั่นคงต้องดูแลความปลอดภัยให้กี ถ้ามีมือที่สามมาทำให้เกิดปัญหา ก็จะไม่เกิดความวุ่นวายมาก
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะต้องทำงานร่วมกันเพื่อรักษาความปลอดภัยให้กับทุกคน และให้ทุกฝ่ายอยู่ในกฎเกณฑ์ของตนเอง เพราะเราไม่แน่ใจว่าพันธมิตรฯ จะควบคุมผู้มาชุมนุมได้แค่ไหน ถ้าให้กลุ่มผู้ชุมนุมปีนรั้วเข้าไปยึดสถานที่ราชการก็จะเกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อนานาประเทศ เป็นการละเมิดกฎหมายอย่างโจ่งแจ้ง
*พันธมิตรอย่าคิดตั้งศาลเตี้ยมัฆวาน
ดร.วิบูลย์พงศ์ พูนประสิทธิ์ อาจารย์ภาควิชารัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การที่กลุ่มพันธมิตรฯ ประกาศยุทธการทุบหม้อข้าวและอ้างวว่าจะรวบรวมแนวร่วมกว่า 100,000 คน ปิดล้อมทำเนียบนั้น เรื่องดังกล่าวคงต้องมองแล้วตัดสินกันว่า เจตนาของพันธมิตรฯ เป็นอย่างไร จากที่มีการสร้างข้อเรียกร้องขึ้นมาหลายอย่างแล้ว
สรุปสุดท้ายความเป็นจริงคือ ต้องการขับไล่รัฐบาลนั้น ในความเห็นส่วนตัวนั้นตนคิดว่าการกระทำของพันธมิตรฯ ไม่เคยมีความถูกต้องเลยมาตั้งแต่ต้น จริงอยู่การออกมาชุมนุมเรียกร้องในทางกฎหมายระบุไว้ว่าสามารถทำได้ แต่ขณะเดียวกันก็เท่ากับเป็นการนำเอาการเมืองออกมาไว้ข้างถนนเช่นกัน
เท่ากับว่ารัฐบาลไหนที่ได้รับเลือกเข้ามาบริหารประเทศถ้าไม่ได้รับความเห็นชอบจาก ผู้คนที่ตั้งตนเป็นศาลฎีกา ตรงสะพานมัฆวานฯ ตัดสินว่าเหมาะสมหรือไม่ แล้วเล็งว่าใครไม่เหมาะสม จึงออกขับไล่ ซึ่งเรื่องเช่นนี้ไม่มีความถูกต้องตามหลักการใดๆ เลยทั้งสิ้น
ตนอยากถามว่า ถ้าเกิดพรรคประชาธิปัตย์ได้รับเลือกให้เป็นรัฐบาลแล้วพวกพันธมิตรฯ ที่อยู่ตรงมัฆวานฯ ออกมาขับไล่ บอกว่าไม่เห็นด้วย พรรคประชาธิปัตย์จะเชื่อฟังแล้วยุบสภาหรือเปล่า?
ดร.วิบูลย์พงศ์ กล่าวต่ออีกว่า ในแง่ของผลกระทบคงไม่ต้องกล่าวอะไรกันมากมายนัก เพราะมันเสียหายมามากพอแล้ว
*จะเกิดอะไรทหารต้องไม่ออกมา
ดร.สุรชาติ บำรุงสุข อาจารย์ประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ในวันที่ 20 มิถุนายน จะเป็นบททดสอบของคนในสังคมว่าพร้อมจะอยู่ร่วมกันหรือไม่ในสังคมที่มีความเห็นแตกต่างกัน ซึ่งนี่คือระบอบประชาธิปไตย ถ้าเป็นเผด็จการทุกคนจะต้องเห็นตรงกันเท่านั้น แล้วจะเลือกอย่างไรที่จะให้คนอยู่ในสังคมเดียวกันโดยสามารถมีความคิดเห็นแตกต่างกันได้ และถ้าหากทำอะไรและเกิดอะไรขึ้นมา สังคมจะต้องยอมรับผลพวงและรับผิดชอบร่วมกัน ไม่อยากไปโทษทหารอย่างเดียว เพราะสังคมเป็นส่วนหนึ่งที่เลือกอย่างนี้
”อยากจะบอกว่าในวันที่ 20 มิ.ย หากม็อบจะปีนเข้าทำเนียบก็ให้ตำรวจมาจับแต่ถ้าจะเผาทำเนียบก็ให้เตรียมรถดับเพลิงไว้ แต่ไม่ควรให้ทหารออกมา ตอนนี้เราอย่าตระหนกจนเกินเหตุ จนทหารต้องออกมา อย่าคิดว่าเราท่อตันและทหารจะต้องเป็นเทศบาลมาล้างท่อ บ้านมีปัญหาต้องซ่อม ไม่ใช่ไปเอาทหารมารื้อบ้าน
*แนะรัฐบาลอย่าให้ชุมนุมยืดเยื้อ
ทางด้าน อ.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ถือได้ว่าทุกคนมีสิทธิที่จะกระทำได้ แต่ทั้งหมดนั้นต้องเกิดอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายและความสงบ ซึ่งการที่กลุ่มพันธมิตรฯ ออกมากล่าวว่าจะมีการขนประชาชนมานับมากมาย ต้องดูว่าจะมีการดำเนินการให้เป็นไปในลักษณะใด
หากว่ามีการชุมนุมยืดเยื้อหรือส่อเค้าว่าจะรุนแรงนั้น ต้องมาดูว่าการทำงานของรัฐบาลจะมีการจัดการและควบคุมสถานการณ์ได้เช่นไร ซึ่งหากว่ามีการปล่อยให้มีการชุมนุมยืดเยื้อจะเป็นเรื่องไม่ดีต่อสภาวะบ้านเมืองในอนาคตเป็นแน่
“ในด้านความคิดผมเชื่อว่าเรื่องที่จะเกิดการประจันหน้า หรือมีเหตุการณ์รุนแรงคงไม่น่าเกิดขึ้นได้เป็นแน่ และรัฐบาลต้องมีทางออกที่ดีต่อสถานการณ์ ผมเชื่ออย่างนั้น” อ.สมชาย กล่าว
*วอร์รูมจี้รัฐบาลต้องจัดการ
ขณะที่ในวันที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา นายสุทิน คลังแสง พร้อมด้วย นายสุนัย จุลพงศธร และ นายจตุพร พรหมพันธุ์ คณะกรรมการติดตามและวิเคราะห์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ของพรรคพลังประชาชน แถลงถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรฯ ประกาศบุกทำเนียบรัฐบาล โดยนายจตุพร กล่าวว่า คงไม่เรียกร้องไปที่กลุ่มพันธมิตรฯ แต่ขอเรียกร้องไปที่รัฐบาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า หากปล่อยให้ปิดทำเนียบได้ นั่นคือจุดจบของรัฐบาลทันที จึงต้องใช้ทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้ง ที่ผ่านมาถอยสุดซอยแล้ว แต่การยึดทำเนียบรัฐบาลจะยอมไม่ได้ เพราะเท่ากับเป็นจุดจบของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งทันที
ด้าน นายสุทิน กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ใช้ชาวบ้านเป็นเหยื่อของสถานการณ์ โดยยอมให้มีเลือดตกยางออกสัก 2-3 คนแล้วก็ใช้เป็นเงื่อนไขในการขยายผลต่อ คำพูดที่เคยพูดกันว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ พาคนไปตายนั้น วันนี้ก็อาจจะมีการนำวิธีการดังกล่าวกลับมาใช้อีก
นายภิรมย์ พลวิเศษ ส.ส.ร้อยเอ็ด พปช. กล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะเคลื่อนพลบุกทำเนียบรัฐบาลในวันศุกร์ที่ 20 มิถุนายนนี้ว่า ทำเกินงาม เป็นตัวบ่อนทำลายบ้านเมืองและพยายามที่จะยึดครองประเทศ และกำหนดทิศทางให้เป็นไปตามความต้องการของตนเอง อีกทั้งยังเป็นการสร้างเงื่อนไขเพื่อให้เกิดความรุนแรง
“พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ถ้าไม่มีใครตายเขาก็ไม่เลิก พวกพันธมิตรฯ คงต้องการแต่งตั้งนายกฯ และ มท.1 ด้วยตนเอง หรือว่าที่สุดแล้วเราจะต้องยกทุกสิ่งทุกอย่างให้พวกพันธมิตรฯ เป็นคนตัดสิน และใช้กฎม็อบเหนือกฎหมาย” นายภิรมย์ กล่าว
* ตร.ต้องอดกลั้นให้มากที่สุด
ด้าน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผบ.ตร.) กล่าวว่า ตำรวจจะไม่ยอมให้กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ เคลื่อนขบวนไปยังบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลในวันศุกร์ที่ 20 มิถุนายนนี้ อย่างแน่นอน และหากกลุ่มผู้ชุมนุมใช้แผนดาวกระจายในการเคลื่อนขบวน เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะใช้แผนดาวกระจายในการรับมือเช่นกัน
พร้อมกันนี้ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ไว้รับมือแล้วในการสกัดกั้นอย่างเต็มที่ โดยใช้กำลังที่มีทั้งหมดจาก บช.น. ตชด. ตำรวจภูธรภาค 1, 2, 7 รวม 3,000 นาย และกำลังเสริม ณ ที่ตั้งอีกจำนวนหนึ่ง แต่เน้นย้ำให้หลีกเลี่ยงการปะทะการใช้ความรุนแรง ขอยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีนโยบายการสลายการชุมนุม แต่มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ดีที่สุด ส่วน นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ นั้นตอนนี้ไม่ได้สั่งกำชับอะไรเป็นพิเศษในการเคลื่อนขบวนของผู้ชุมนุม ได้แต่ย้ำให้ตำรวจใช้ความอดทนอดกลั้นให้มากที่สุดเท่านั้น
ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวว่า กลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ จะมีการนัดรวมตัวกันที่ท้องสนามหลวงในเวลา 16.00 น. วันที่ 19 มิถุนายน ไม่น้อยกว่า 5 พันคน เพื่อสมทบกับกลุ่มเกษตรกรที่จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช