จากกรณีคฤหาสน์หลังงามของ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่มีการประมาณราคาว่าน่าจะมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท จนเป็นประเด็นสงสัยถึงที่มาของเงินในการใช้สร้างบ้านหลังดังกล่าว โดยที่ยังคงไม่มีคำชี้แจงที่ชัดเจนจากปากคุณหญิง มีแต่คำให้สัมภาษณ์ลอย ๆโดยไม่มีหลักฐานประกอบ และเป็นคำชี้แจงที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าไม่น่าจะเป็นความจริงนั้น
ในส่วนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุริจแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่กลุ่มติดตามการปฏิรูปการเมืองและต่อต้านการคอร์รัปชั่น ได้ยื่นหนังสือร้องเรียนเอาไว้ ท่ามกลางความกังวลของหลายฝ่าย เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่มีความใกล้ชิดกับ สตง. นายวิชา มหาคุณ หนึ่งในคณะกรรมการของ ป.ป.ช. ปฏิเสธที่จะออกความเห็น โดยบอกเพียงว่าคณะกรรมการยังไม่มีมติในเรื่องดังกล่าว ให้ไปสอบถามเรื่องกับ นายกล้านรงค์ จันทิก เพราะได้มีการมอบหมายให้นายกล้านรงค์ดูแลในเรื่องดังกล่าวไปแล้ว
ขณะที่ นายกล้านรงค์ กล่าวว่า ยังไม่ได้รับเรื่องดังกล่าว เพราะยังไม่ผ่านขั้นให้ เจ้าหน้าที่ป.ป.ช.ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วสรุปเรื่องส่งต่อมาให้ทางคณะกรรมการป.ป.ช.เพื่อพิจารณาและดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
“ผมไม่เห็นมีการส่งหนังสือสรุปเรื่องให้กับทางคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อรับเรื่องมาพิจารณาและตั้งผู้รับผิดชอบในการตรวจสอบ ดังนั้นในฐานะที่ผมเป็นโฆษกของ ป.ป.ช. จึงยังไม่สามารถให้รายละเอียดในเรื่องดังกล่าวได้” นายกล้านรงค์ กล่าว
ในส่วนของกรณีที่มีผู้ไปขอยื่นตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของคุณหญิงจารุวรรณแต่กลับถูกปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่า ขอตรวจสอบได้เฉพาะบัญชีทรัพย์สินของ ส.ส. ส.ว. และนักการเมืองเท่านั้น เรื่องดังกล่าว นายกล้านรงค์ ให้ความเห็นว่า เรื่องดังกล่าวในแง่ของกฎหมายมีระบุไว้อย่างชัดเจนว่าสามารถขอตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของนักการเมือง รวมไปถึง ส.ส. ส.ว. ได้อย่างแน่นอน แต่ในด้านผู้ที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอิสระนั้น ไม่ได้มีกฎหมายรับรองเอาไว้จึงไม่สามารถตรวจสอบได้
อย่างไรก็ตาม อาจมีช่องทางกฎหมายที่จะสามารถขอตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของคุณหญิงจารุวรรณได้ ซึ่งไม่แน่ใจว่าต้องขออำนาจศาลเพื่อให้มีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินหรือเปล่า ต้องขอให้ไปลองตรวจสอบหารายละเอียดกันให้ดีก่อน
ขณะที่ในส่วนของนักกฎหมายได้แนะแนวทางในการเข้าตรวจสอบเรื่องดังกล่าว โดย นายคณิณ บุญสุวรรณ อดีต สสร. และนักกฎหมาย กล่าวว่า ในกรณีที่ต้องการขอตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของผู้ดำรงตำแหน่งอยู่ในองค์กรอิสระนั้น มีขั้นตอนที่สามารถกระทำได้อยู่ อ้างอิงตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร โดยให้ผู้กล่าวหาไปยื่นขอกับทาง ป.ป.ช. ซึ่งในขั้นตอนดังกล่าวนั้น ทาง ป.ป.ช. จะต้องมีหนังสือชี้แจงกลับมาเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลบัญชีทรัพย์สินขององค์กรอิสระได้ เพราะไม่มีกฎหมายให้สามารถดำเนินการได้
ซึ่งหลังจากได้รับหนังสือชี้แจงกับ ป.ป.ช. มาแล้ว ต้องนำหนังสือดังกล่าวไปยื่นให้คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารเพื่อให้มีการพิจารณา ให้มีการเปิดเผยข้อมูลได้ ซึ่งเรื่องดังกล่าวต้องขึ้นอยู่กับทางคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารว่าจะเห็นด้วยหรือไม่ จึงจะสามารถนำไปสู่ขั้นตอนของการข้อตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของคุณหญิงจารุวรรณได้
นายพิชา วิจิตรศิลป์ ทนายความ กล่าวว่า ในกรณีที่ต้องการขอตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินขององค์กรอิสระนั้น ในแง่ข้อกฎหมายไม่ได้มีรองรับหรือระบุไว้ ดังนั้นในความเป็นไปได้ให้ขอเทียบเคียงกับประมวลกฎหมายแพ่ง มาตรา 4 ว่า หากในทางกฎหมายไม่มีข้อไหนระบุไว้อย่างชัดเจน ให้อ้างถึงกฎประเพณีมาใช้แทน โดยเรียกร้องทางคุณหญิงจารุวรรณแสดงถึงการมีจริยธรรม ออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริงยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อสาธารณชนให้รับทราบโดยทั่วกัน ซึ่งสามารถกระทำได้ แต่เรื่องนี้ก็ต้องขึ้นอยู่ความสมัครใจของคุณหญิงจารุวรรณเองด้วย
ด้าน อ.มานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ อดีตผู้พิพากษา กล่าวว่า เรื่องนี้ขอให้ประชาชนทุกคนที่คิดเห็นว่าควรที่จะให้คุณแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพียงแต่ไปยื่นเรื่องให้กับสำนักงานที่มีการตรวจสอบและยื่นร้องได้ เช่น กรมสรรพากร หรือแม้ ส.ส. ส.ว. ก็ได้ทั้งสิ้น เพื่อให้ทางคุณหญิงออกมาชี้แจง
“คุณหญิงจารุวรรณเองในฐานะที่เป็นบุคคลที่ทำงานตรวจสอบบุคคลอื่น ควรจะยอมให้มีการตรวจสอบตัวเองบ้าง ถึงจะถูกต้อง” อ.มานิตย์ กล่าว
ขณะเดียวกันในวันที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา นายวันชัย จงจรูญหิรัญ หัวหน้ากลุ่มติดตามการปฏิรูปการเมืองและต่อต้านการคอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นผู้ยื่นเรื่องตรวจสอบคุณหญิงจารุวรรณหลายกรณี ได้เดินทางไปยัง สตง. เพื่อทวงถามความคืบหน้าและขอคำชี้แจงเรื่องราวต่างๆ ที่สังคมมีความสงสัย โดยคุณหญิงจารุวรรณไม่ยอมลงมาพบ และได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงมารับเอกสารไว้แทน
โดยเนื้อหาในเอกสารดังกล่าวระบุว่า ได้พยายามให้คุณหญิงจารุวรรณชี้แจงข้อสงสัยของสังคม แต่ก็มีการตอบในเพียงบางประเด็น และเป็นการตอบที่ไม่ตรงคำถาม ทางกลุ่มจึงอยากจะชี้แจงต่อประชาชนและสาธารณชนดังนี้
1.ในเรื่องบ้านและที่ดินที่คุณหญิงอ้างว่า คุณหญิงใช้เงินค่าก่อสร้างไปประมาณ 4 ล้านบาท โดยกล่าวว่าบ้านหลังดังกล่าวมีราคาไม่ถึง 50 ล้านบาท ตามที่วิศวกรที่เรารู้จักประเมินให้นั้น
โดยกล่าวท้าทายว่าจะขายให้กับทางกลุ่มในราคา 40 ล้านบาท นั้น ทางกลุ่มขอเรียนให้ทราวว่า กลุ่มของเราเป็นประชาชนที่ทำมาหากิน ในภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นนี้ คงไม่มีเงินจำนวนขนาดนั้นไปซื้อคฤหาสน์หลังดังกล่าวจากคุณหญิงได้ แต่หากคุณหญิงยืนยันว่าคุณหญิงใช้เงินสร้างบ้านหลังดังกล่าวในราคา 4 ล้านบาทจริง เราใคร่ขอซื้อในราคา 7 ล้านบาท ซึ่งเราพอจะเรี่ยไรจากสมาชิกของกลุ่มได้
โดยให้กำไรคุณหญิงถึงร้อยละ 75 ซึ่งจัดว่าเป็นกำไรเกินสมควรด้วยซ้ำ แต่ราคา 40 ล้านบาทที่คุณหญิงเสนอนั้น จะเป็นกำไรถึง 10 เท่า หรือ 100% ซึ่งเราเห็นว่ามากเกินสมควร ไปจนอยู่ในระดับที่ยอมรับไม่ได้ เข้าขั้น “หน้าเลือด” ซึ่งจะเป็นผลลบต่อชื่อเสียงและเกียรติยศของคุณหญิงได้ ทางกลุ่มเราจะไม่ยอมทำลายชื่อเสียงของคุณหญิงด้วยวิธีนี้อย่างเด็ดขาด
2.ในเรื่องที่ดินบริเวณใกล้เคียงกันซึ่งบุตรชายคุณหญิงซื้อมา ซึ่งไม่มีทางที่บุตรชายของคุณหญิงจะมีเงินมาซื้อที่ดินผืนดังกล่าวด้วยน้ำพักน้ำแรงของตนเองได้ คุณหญิงไม่ตอบคำถามนี้เลย เราสงสัยว่านี่คือการซุกที่ดิน เป็นตัวแทนถือทรัพย์สินแทนคุณหญิงและสามี เพื่อเหตุผลในการปกปิดทรัพย์สินที่จะต้องแสดงต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กราบเรียนคุณหญิงได้กรุณาตอบคำถามนี้ต่อสังคมด้วย
3.เรื่องของการนำรถยนต์ประจำตำแหน่งที่ให้ไว้เพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ทางราชการเท่านั้น ไปใช้ในเรื่องส่วนตัว คุณหญิงก็เลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถามนี้เลย เราขอกราบเรียนให้คุณหญิงได้โปรดกรุณาตอบคำถามในประเด็นนี้ให้กระจ่างด้วย
4.ในเรื่องที่คุณหญิงกล่าวอ้างก็คือ คุณหญิงเล่าว่ามีบุคคลที่คุณหญิงไม่เปิดเผยชื่อ ได้นำเงินจำนวน 100 ล้านบาท มาให้ เพื่อพยายามติดสินบนคุณหญิง ซึ่งคุณหญิงปกปิดไม่แจ้งความหรือดำเนินการใดๆกับบุคคลดังกล่าว ซึ่งเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 165 ซึ่งคุณหญิงก็มิได้ตอบคำถาม หรือเปิดเผย หรือดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิด หากคุณหญิงยังเพิกเฉยไม่ดำเนินการใดๆ เราต้องแจ้งความดำเนินคดีกับคุณหญิง เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีของเจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้มีหน้าที่ปกป้องและปราบปรามการทุจริตต่อไป
5.ในเรื่องอื่นๆที่คุณหญิงให้สัมภาษณ์ต่อสาธารณชนว่าจะดำเนินการทางกฎหมายเพื่อนำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษในทันที โดยปล่อยให้เวลาเนิ่นนานมาเกือบ 2 ปี ตั้งแต่คุณหญิงได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการของ คตส. โดยเฉพาะเรื่องคดีเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด CTX นั้น การณ์กลับปรากฏว่า ไม่มีการส่งฟ้องใดๆ มาจนกระทั่งบัดนี้ ตามสำนวนชาวบ้านคงจะต้องบอกว่า “ท่าดีทีเหลว” ทำให้เราเข้าใจว่าคุณหญิงได้หลอกลวงโป้ปดมดเท็จต่อสาธารณชนเพื่อสร้างภาพให้คุณหญิงดูดีตลอดที่ คมช. แต่งตั้งคุณหญิงให้ดำรงตำแหน่งใน คตส. เท่านั้น
ซึ่งบุคคลที่ดำรงตำแหน่งหน้าที่ราชการในระดับสูงซึ่งต้องดำรงตนให้สาธารณชนเชื่อถือ ในความซื่อสัตย์สุจริตและเที่ยงธรรมเช่นคุณหญิง ไม่ควรกระทำ เพราะเป็นการทำลายเกียรติยศของตำแหน่งหน้าที่ราชการที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เราจึงขอเรียกร้องให้คุณหญิงได้แสดงความรับผิดชอบในการกระทำครั้งนี้ของคุณหญิงด้วย
นายวันชัย กล่าวภายหลังจากมีการขอเข้าพบคุณหญิงจารุวรรณว่า ในการยื่นหนังสื่อครั้งนี้ หากว่าคุณหญิงยังมีท่าทีที่เพิกเฉยอยู่ และไม่ออกมาชี้แจงให้ทางกลุ่มและประชาชนเข้าใจ ทางกลุ่มจะเร่งดำเนินการรวบรวมรายชื่อให้ครบแล้วดำเนินการขอปลดคุณหญิงออกจากตำแหน่งผู้ว่าการ สตง. โดยเร็ว ซึ่งขณะนี้มีผู้ให้ความสนใจหลังจากทราบข่าวว่าทางกลุ่มกำลังรวบรวมรายชื่ออยู่ส่งมาให้บ้างแล้ว
ในส่วนของการไปขอยื่นเรื่องตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของคุณหญิงจารุวรรณที่สำนักงาน ป.ป.ช.นั้น
“ในตอนนี้ยังอยู่ในขั้นปรึกษากับสมาชิกในกลุ่มว่าจะมีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง และกำลังศึกษาดูว่าต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง คงต้องรอดูกันสักระยะ เผื่อคุณหญิงจารุวรรณจะออกมาชี้แจงเอง” ประธานกลุ่มติดตามฯ กล่าว
เพื่อไทย
Thursday, June 19, 2008
ป.ป.ช.สุดอืดทำคดี‘จารุวรรณ’ทนายชี้ช่องเปิดบัญชีทรัพย์สิน
“กล้านรงค์” ย้ำประชาชนไม่มีสิทธิรับรู้ข้อมูลทรัพย์สิน “จารุวรรณ” แถมการพิจารณาเรื่องคฤหาสน์หรู 50 ล้านบาท ที่มีการร้องเรียนไปแล้วหลายวัน สุดแสนจะล่าช้า ยังไม่มีความคืบหน้า กรรมการ ป.ป.ช. อ้างยังไม่เห็นเรื่องร้องเรียน ด้านทนายความ-นักกฎหมาย เรียงหน้าชี้ช่องทางหาข้อเท็จจริง แนะพึ่ง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร เพื่อขอให้มีการคายข้อมูลได้ ระบุที่จริงเป็นเรื่องของจริยธรรมที่ “หญิงเป็ด” ควรชี้แจงสังคม และยอมรับกติกาการถูกตรวจสอบ