หลังจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกมาเดินเกมกดดันการทำงานของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้วยการขับไล่ 2 กกต. นางสดศรี สัตยธรรม กับ นายสมชัย จึงประเสริฐ โดยกล่าวหาว่าทำหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับพรรคพลังประชาชน พร้อมทั้งโยนข้อกล่าวหาให้นางสดศรีว่า รับสินบน และมีความสนิทสนมกับนักการเมืองฝั่งพรรคพลังประชาชน นั้น
เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการพรรคการเมือง แถลงข่าวปฏิเสธข้อกล่าวหาของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่กล่าวหาว่าตนเองเดินทางไปพบกับ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่ประเทศจีนเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
โดยนางสดศรียืนยันว่า ตนเองไม่เคยไปพบกับนายจาตุรนต์ หรือสมาชิกมูลนิธิ 111 ไทยรักไทย แต่ยอมรับเคยเดินทางไปจีนจริง ในสมัยที่เป็นผู้พิพากษาเมื่อปี 2548 และปี 2549 ซึ่งขณะนั้นยังไม่ได้เป็น กกต. รวมถึงไม่เคยรับสินบนเครื่องเพชรตามที่กลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวหา และเตรียมฟ้องกลับกลุ่มพันธมิตรฯ ในข้อหาหมิ่นประมาท
“ดิฉันเห็นว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อต้องการดิสเครดิตการทำงานของ กกต. และต้องการแบ่ง กกต. ออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายกลุ่มพันธมิตรฯ กับพรรคประชาธิปัตย์ และฝ่ายรัฐบาลกับพรรคพลังประชาชน”
ทั้งนี้ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ นางสดศรีได้แสดงพาสปอร์ตจำนวน 2 เล่มที่เตรียมมาให้กับผู้สื่อข่าวได้ดูทีละหน้า รวมถึงสายสร้อยไข่มุกที่ใส่มาในราคา 199 บาท โดยระบุว่า ตนเองเป็นคนนิยมของปลอมมากกว่า
นางสดศรี กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา กกต. ทั้ง 5 คน ทำงานโดยไม่มีปัญหา และไม่เคยแบ่งพรรคแบ่งพวก ส่วนเรื่องข้อเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ต้องการให้รื้อฟื้นสำนวนคำร้องคัดค้านทุจริตเลือกตั้งนั้น ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากเป็นมติ กกต. ไปแล้ว ซึ่งหากกลุ่มพันธมิตรฯ มีหลักฐานว่า กกต. ทุจริตก็ให้ฟ้องดำเนินคดีกับ กกต. ได้ทันที
*หนุนฟ้องพวกหน้าตัวเมีย
ด้าน นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) กล่าวว่า ตนเห็นด้วยอย่างยิ่งกับการที่นางสดศรีจะฟ้องร้องนายสนธิ เพื่อเปิดโปงให้ประชาชนได้รับรู้กันทั่วประเทศว่า กกต. มีความสุจริต จึงอยากให้นางสดศรีท้าให้นายสนธิเอาหลักฐานมาเผยแพร่ให้สาธารณชนได้รับทราบ อีกทั้งอยากให้นายสนธิแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ อย่ารังแกผู้หญิง ควรให้เกียรติสุภาพสตรี
“อยากเรียกร้องให้นายสนธิกล้าๆหน่อยอย่ารังแกผู้หญิง ต้องให้เกียรติผู้หญิง นายสนธิเป็นสุภาพบุรุษหรือเปล่า อยากให้เผชิญหน้ากันเลย เพื่อจะได้ฉีกหน้ากากของนายสนธิว่าเป็นคนอย่างไร การที่จะไปเหยียบย่ำสถานที่ราชการ และกล่าวหาโดยไม่เป็นความจริงนั้นมันน่าเกียจขนาดไหน” นพ.เหวงกล่าว
อย่างไรก็ตาม นพ.เหวง กล่าว่า การฟ้องร้องต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควรจึงอยากขอเรียกร้องให้นางสดศรีและนายสนธิออกอากาศว่าจะมีการฟ้องร้องกันจริงทุกช่อง ซึ่งสถานที่ออกอากาศจะเป็นที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือหากทางนายสนธิรังเกียจ กกต.ก็ไปถ่ายทอดที่สนามหลวงก็ได้
* แกนนำ คปพร. หนุนเต็มที่
นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท หนึ่งในแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) กล่าวว่า เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นการท้าทายอำนาจศาล ของ นายสนธิ ลิ้มทองกุล เนื่องจากมีการกล่าวหาพาดพิง โดยไม่มีหลักฐานกับบุคคลที่คัดสรรมาจากที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา หากสังเกตแล้วกลุ่มพันธมิตรจะทำการต่อต้าน ตอบโต้ และก้าวร้าวกับองค์กร หรือบุคคลที่เห็นต่างไปจากตนเอง นี่คือสัญชาติชั่วของกลุ่มพันธมิตร
อย่างไรก็ตามโดยส่วนตัวแล้ว ตนเห็นด้วย และขอแสดงความชื่นชมกับการที่นางสดศรี จะทำการยื่นฟ้องร้องดำเนินคดีต่อ นายสนธิ ลิ้มทองกุล และเป็นเรื่องที่ต้องให้กำลังใจ กับผู้ที่ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง หรือกลับบุคคลที่ถูกกล่าวหา
“การที่นายสนธิ ทำการกล่าวให้ร้ายผู้อื่นที่มีทัศนคติไม่ตรงกับตนเอง ถือเป็นเรื่องที่ต้องแสดงต่อสังคมให้กระจ่างแจ้ง ว่าทุกวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมือง เหตุนี้จะกลายเป็นว่า กลุ่มม็อบใหญ่กว่ากฎหมาย มีอำนาจหรืออย่างไร ดังนั้นการที่คุณสดศรีจะทำการฟ้องสนธินั้นเป็นเรื่องที่ดี และควรให้กำลังใจ เพราะคนพวกนี้ท้าทายอำนาจศาล และกำลังพยายามยกตัวเองให้เป็นคนชี้นำประเทศ “ นายวิภูแถลง กล่าว
กลุ่มต้านฯ เผาหุ่น 3 กกต.
ด้าน นายวรัญชัย โชคชนะ แกนนำกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ พร้อมด้วยประชาชนกว่า 60 คน รวมตัวกันบริเวณด้านหน้าอาคารศรีจุลทรัพย์ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. เพื่อเดินทางมาให้กำลังใจ นางสดศรี สัตยธรรม และ นายสมชัย จึงประเสริฐ กรรมการการเลือกตั้ง พร้อมมอบพวงมาลัยเป็นกำลังใจให้ในการทำงาน ผ่านทาง นายสมชาติ เจศรีชัย รองเลขาธิการด้านกิจการบริหารกลาง เป็นผู้รับมอบแทน
นอกจากนี้ ทางกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ ได้ทำการเผาหุ่นของแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวมถึงเผาหุ่นของ นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. นายประพันธ์ นัยโกวิท และ นายสุเมธ อุปนิสากร กรรมการการเลือกตั้งด้วย เนื่องจากเห็นว่า กกต. ทั้ง 3 คน มีท่าทีสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ต้องการล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและเชื่อว่ามีพฤติกรรมทางการเมืองที่วางตัวไม่เป็นกลาง