คอลัมน์ : ฮอตสกู๊ป
เรื่องหนึ่ง : ราวๆ เดือนมีนาคม 2550 มีสิ่งที่น่าตื่นเต้นมากสำหรับพวกเรา...คือ
“สุริยะใส กตะศิลา” ได้เขียนอัตชีวประวัติของเขาเองเล่มหนึ่ง...ที่น่าตื่นเต้นนอกเหนือจากการจงใจทำปกหนังสือสี
“เหลือง” แล้วก็คือ ใน “คำนำ” ที่เขียนโดยเขาเอง กลับจงใจลงวันที่ “19 กันยายน 2549” (หนังสือออกเดือนมีนาคม 2550) เหมือนกับเขามีญาณอันวิเศษ ที่สามารถล่วงรู้ล่วงหน้าว่าวันนั้นจะเกิดการยึดอำนาจ “รัฐประหาร” ของเหล่าขุนศึกถ่อยทรามทั้งหลาย...
ที่น่าตกใจเป็นอันมาก...เมื่อเปิดอ่านไปถึงหน้าที่ 231 ในย่อหน้าสุดท้าย “สุริยะใส” ได้บอกเล่าไว้ว่า
“อีกทางด้านหนึ่ง พี่เปี๊ยก บำรุง บุญปัญญา และเอ็นจีโออาวุโส ของพวกเรา...พี่บำรุงโทร.มาหาผม และคุยด้วยความซีเรียสมากว่า
เฮ้ย! รอไม่ได้แล้ว คุณต้องประกาศมาตรา 7 นี่พูดก่อนที่คุณสนธิจะเสนออีก ผมตกใจมากว่าทำไมพี่บำรุงถึงพูดอย่างนั้น...”
บัดนี้...เวลาผ่านมาจะครบ 2 ปีแล้ว “พี่เปี๊ยก” ยังอยู่ดีกินดี นอนอุ่นอยู่หรือเปล่า! หรือจะยังตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จหลอก NGOs เด็กๆ ไปเรื่อยๆ อยู่อีก...หากเป็นพวกเรา คงต้องหลีกลี้จากยุทธภพ ออกบวช หรือวางดาบกันแล้ว...พฤติกรรมเยี่ยงนี้ พวกเราและพวกเขาล้วนเรียกกันว่า “อีแอบ”...อยากให้ “พี่เปี๊ยก” ที่เคารพของน้องๆ ออกมาประกาศตัวว่า อยู่เคียงข้าง “พันธมิตรฯ” ตรงๆ จะสง่างามสมกับสมญานาม “ราชสีห์อีสาน” ไม่ใช่ “แมวน้อย” ที่แอบหลบๆ ซ่อนๆ อยู่ข้างเสาบ้าน...
เรื่องหนึ่ง : มีการเคลื่อนไหวปลุกระดมมวลชนในภูมิภาค ทั้งเหนือ กลาง อีสาน ใต้ เพื่อให้สนับสนุน “พันธมิตรฯ” อย่างออกนอกหน้าและลับหลัง ยิ่งช่วงหลังการเลือกตั้ง ส.ส. ส.ว. และมีการจัดตั้งรัฐบาล สมัคร สุนทรเวช แล้ว ยิ่งมีการโหมโรงอย่างหนัก
และเมื่อพวกเราหันไปตรวจสอบข้อมูล พบว่าในช่วงการเลือกตั้ง ส.ส. และ ส.ว. พวกเราได้พบกับข้อมูลที่น่าตื่นเต้นอีกครั้ง เมื่อบรรดา NGOs ที่ปากก็ว่า กูนี่แหละ “ภาคประชาชน” กูนี่แหละ “รักประชาธิปไตย” ฉิบหาย! พวกเขาได้กระทำการ “ฆ่าตัวตายแบบรวมหมู่” โดยแห่แหนกันไปลง ส.ว. สรรหา ซึ่งพวกเขานึกว่าฝ่ายทหาร คมช. อำมาตยาธิปไตย จะตบท้ายรางวัลให้กับความจงรักภักดีของพวกเขาเหล่านั้น...แต่ก็ต้องผิดหวังก็ไปหลายคน
เมื่อตรวจดูรายชื่อแล้ว...พวกเรายิ่งตกใจใหญ่ “บ๋า!...มีชื่อ สมภพ บุนนาค NGOs ขาใหญ่ในอีสาน ที่รักชาติรักประชาธิปไตย เข้าป่าเป็นสหายของ พคท. มาแล้วด้วยโว้ย!!!...”
พวกเราจึงไม่แปลกใจเมื่อ “พันธมิตรฯ” ประกาศรายชื่อคณะทำงาน 6 ชุด เมื่อปลายเดือนมีนาคม 2551 จึงพบชื่อ สมภพ บุนนาค อยู่ใน “คณะกรรมการตรวจสอบการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและความยากจน” เคียงข้างกับบรรดา “ซ้ายเก่า” เช่น เทิดภูมิ ใจดี “นักเคลื่อนไหวภาคอีสาน” บำรุง คะโยธา อวยชัย วะทา NGOs ใหญ่ภาคใต้ บรรจง นะแส NGOs ที่กำลังเติบใหญ่ภาคเหนือ สุริยันต์ ทองหนูเอียด...
พวกเราจึงไม่แปลกใจที่ผู้มีชื่อข้างต้นดังกล่าว บางคนก็ออกแถลงการณ์สนับสนุน “พันธมิตรฯ” อย่างออกนอกหน้า บางคนก็เข้าร่วมเวทีไฮปาร์กที่สะพานมัฆวานฯ...ซึ่งคนกลุ่มนี้พวกเราและพวกเขาก็ยังเห็นว่ามีความเป็นลูกผู้ชายดี ที่ประกาศชัดเจนว่าตนเองเชื่อ หรือเลือกที่จะเชื่ออะไร? ในประเด็นนี้คนในยุทธจักรขอนับถือและพร้อมที่จะต่อสู้กันทางความคิดต่อไป (ซึ่งไม่เกี่ยวกับประเด็นที่ว่าสิ่งที่พวกเขาเชื่อจะเป็นสัจธรรมหรือไม่!)
เรื่องหนึ่ง : ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว เมื่อมิตรสหายอาวุโสหลายคนที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกับ กสส. มายาวนาน กลับกลายเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่เชี่ยวชาญวิชาเคมี ชอบเล่นแร่แปรธาตุ พวกเราจะเรียกเขาว่า “นักเคมี” เพราะอะไร? น่ะหรือ...
ก็เพราะต่อหน้าพวกเราก็ป่าวประกาศ “...ไม่เอาแล้วกับพันธมิตรฯ บทเรียนที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่า รัฐประหารไม่ช่วยอะไรประชาชนเลย...สถานการณ์อย่างนี้ต้องเล่นบทอยู่บนภู ดูเสือกัดกันดีที่สุด...” พวกเรา กสส. ก็หลงดีใจ ในท่าทีกลางๆ ในครั้งนี้ ซึ่งก็ยังดีกว่าแต่ก่อนที่เลือกแทงหวย “พันธมิตรฯ” (ทำให้ไม่ร่วมสังฆกรรมกันกว่า 2 ปี)
แต่ไอ้หยา อาตือ!!! ไม่ว่าจะเป็น วิพัฒนาชัย พิมพ์หิน (กป.อพช.อีสาน) พิทยพันธ์ แวะศรีภา (สอท.) สน รูปสูง (ช.สสอ.) ไม่เพียงแต่ประสานงาน...สั่งการตามสายจัดตั้ง ให้ระดมคนเข้าไปช่วยเหลือ “พันธมิตรฯ” เพราะกลัวรัฐบาลสมัครสลายม็อบ!! (แต่ไม่ยักกะมีคนไป...สงกะสัยไม่มีค่ารถ...ฮา ฮา ฮา)
เท่านั้นยังไม่พอ ที่มันน่าเจ็บกระดองใจยิ่ง กล่าวคือ เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2551 ที่ จ.ขอนแก่น มีการสัมมนาวิเคราะห์สถานการณ์ และแถลงข่าวขององค์กรภาคีเข้าร่วม (นัยว่ามี ภุชงค์ กนิษฐชาต อดีตหอกข้างแคร่พวกเราเอง) ได้ร่วมกันแถลงข่าวสนับสนุนการชุมนุมของ “พันธมิตรฯ” แบบสุดจิตสุดใจ
เอาล่ะพวกเขาเหล่านี้อาจจะได้รับข้อมูลเพียงด้านเดียวจาก ASTV พวกเราต้องช่วยกันเติมข้อมูลอีกด้านให้พวกเขาได้เอาไปพิจารณา...และให้พวกเขาใช้ “วิภาษวิธี” ที่ต่างก็ร่ำเรียนมาในอดีต วิเคราะห์ สังเคราะห์ แล้วนำไปกำหนดบทบาทของตนเองใหม่...
กระนั้นก็ดี มิตรสหายหลายคนถามว่า...ทำไมพวกเขาเหล่านี้จึงเป็นไปได้ถึงเพียงนี้ มีเหตุผลอะไร? และใช้อะไรคิด?...มันถึงได้ผิดเพี้ยนได้ขนาดนี้หนอ!
ซึ่งในที่นี้มิบังอาจให้คำตอบ หรือมิบังอาจจะมีคำตอบได้...จะมีเพียงข้อสังเกตที่ว่า ที่ผ่านมาคงมีปัญหาเรื่องวิธีคิด หรือพวกเขาไม่เคยได้รับการฝึกฝนกระบวนการคิดอย่างถูกต้อง และเป็นวิทยาศาสตร์จริงๆ จังๆ หรือที่ผ่านมาพวกเขาเหล่านี้เป็นเพียง “ซ้ายท่องจำ” ที่หนักหนาสาหัสพอๆ กับ “ซ้ายทารก”!!!
ควรต้องกล่าวด้วยว่า การเคลื่อนไหวใดๆ ก็แล้วแต่ในช่วงนี้ ไม่ว่าจะหยิบประเด็น “น้ำมัน” “ข้าวยากหมากแพง” ซึ่งเป็นประเด็นปัญหาปากท้อง หรือประเด็นปัญหาพื้นฐาน ที่พวกเราก็เคารพและเห็นด้วยมาตลอดว่า ไม่ว่ารัฐบาลใดก็ตาม พวกเราต้องสนับสนุนให้พี่น้องประชาชนนำปัญหาพื้นฐานของตนเองระดมเข้าไปให้รัฐบาลในช่วงต้นๆ 2-3 เดือนแรก (ตีไก่ง่วง) ซึ่งจะเป็นช่วงชุลมุนที่พี่น้องประชาชนมีโอกาส “ฟลุก” ได้รับการแก้ไขจริงๆ ได้
แต่การเคลื่อนไหวของพี่น้องภาคอีสานช่วงวันที่ 3 และ 9 มิถุนายน 2551 นั้นกลับมีปัญหาตรงที่พวกเขาได้แสดงเจตจำนงตั้งแต่แรกเริ่มว่า อยู่ข้าง “พันธมิตรฯ” ทำให้มิตรสหายหลายคน “มิอาจเข้าร่วมได้” ...เพราะการเคลื่อนไหวดังกล่าวนอกเหนือจากไม่สอดคล้องกับ “ภาววิสัย” แล้ว มันก็คือ “แนวร่วมด้านบวก” ของ “พันธมิตรฯ” นั่นเอง เพราะพวกเขาพุ่งเป้าไปที่ให้ “รัฐบาลแก้ไขปัญหา หากแก้ไขไม่ได้ให้ลาออกไป” มันก็คือ “ธง” ใบเดียวกันกับพันธมิตรฯ แต่จะ “สี” เดียวกันหรือไม่? อันนี้ยังน่าสงสัยอยู่...
การเคลื่อนไหวแบบนี้นอกจากจะสุ่มเสี่ยง และฉวยโอกาสเอียงขวาแล้ว ยังทำให้พี่น้องสับสน และจะไม่ไว้วางใจพวกเขาอีกต่อไปแล้ว
กลับตัวกลับใจเถิดนะฮะ ยังทันเวลา...ประชาชนพร้อมให้อภัย
...แต่พวกเขาทั้งหลายได้กระทำผิดอย่างมหันต์ พวกเขาได้ “ทรยศ” ต่อประชาชน ซึ่งมันคือ “ตราบาป” ไปชั่วชีวิต!!!
...มีทางเดียวคือ พวกเขาต้องน้อมกายลงกราบแทบเท้าประชาชนเท่านั้น พวกเขาจึงจะให้อภัยจริงๆ!!!
แด่ “พันธมิตรฯ” และขบวนแห่พร้อมหางเครื่องที่กำลังขุดหลุมฝังศพตนเอง
กลุ่มสร้างสรรค์ชีวิตและสังคมอีสาน (กสส.)
เครือข่ายขบวนคนรุ่นใหม่ภาคอีสาน (คคส.)
สหพันธ์เยาวชนอีสาน (สยส.)