WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Saturday, June 21, 2008

“จรัล” อัดพันธมิตรฯ ชุมนุมโดยมีอาวุธ ระบุจะขับไล่

“จรัล” อัดพันธมิตรฯ ชุมนุมโดยมีอาวุธ ระบุจะขับไล่รัฐบาล ต้องถอดถอนหรือเลือกพรรคการเมืองใหม่ ไม่มีสิทธิ์ชุมนุมไล่ อย่างมากได้แค่วิจารณ์ เย้ยยุทธศาสตร์ “สงคราม 9 ทัพ” แสดงว่าพันธมิตรฯเป็นพวกพม่ากลับชาติมาเกิด ไม่ได้รักชาติจริง

ซัด “สนธิ” ขายชาติ ขายข้อมูลข่าวสารให้จีน

นายจรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ขึ้นปราศรัยบนรถหกล้อที่ดัดแปลงเป็นเวทีของ "กลุ่มต่อต้านอำนาจนอกระบบ ปกป้องรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง" ซึ่งเป็นผู้ชุมนุมที่เคลื่อนไหวมาปักหลักที่หน้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อต่อต้านกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยชุมนุมกันในช่วงเช้าประมาณ 400 คน

ทั้งนี้นายจรัล กล่าวว่า วันนี้เป็นวันสำคัญ เพราะกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะบุกทำเนียบรัฐบาลหลังจากที่กลุ่มพันธมิตรฯวางแผนอยู่ทุกวันว่าจะบุกทำเนียบฯ โดยใช้ยุทธวิธี "สงครามเก้าทัพ" ซึ่งเป็นสงครามที่พม่าเคยยกมาตีไทย ดังนั้นการที่พล.ต.จำลอง ศรีเมืองและแกนนำพันธมิตรฯคนอื่นๆ ใช้วิธีนี้เท่ากับเป็นพม่ากลับชาติมาเกิดไม่ได้รักชาติจริง ส่วนนายสนธิ ลิ้มทองกุล ก็ไม่ได้รักชาติจริง เพราะสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี จดทะเบียนในประเทศจีนและมีสำนักงานอยู่ที่ฮ่องกง ขายข้อมูลข่าวสารให้ประเทศจีนทุกวันมา 4-5 ปีแล้ว อย่างนี้นายสนธิเป็นคนรักชาติหรือขายชาติกันแน่ คนที่พูดว่ารักชาติแล้วโจมตีคนอื่น คนนั้นแหละที่ขายชาติและใช้แผนสงคราม 9 ทัพ มาบุกทำเนียบฯ

นายจรัล กล่าวต่อว่า ประชาชนมีสิทธิจะไล่รัฐบาลได้เพียง 2 วิธีคือ 1)ไม่เลือกตั้งพรรคการเมืองที่ไม่ต้องการ 2) ยื่นถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ส่วนการชุมนุมโดยอ้างเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญนั้นมีเสรีภาพในการชุมนุมที่ทำ ได้เพียงการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลแต่ไม่ใช่มาชุมนุมขับไล่รัฐบาลที่มาจากการ เลือกตั้ง และการชุมนุมขับไล่รัฐบาลเป็นการกระทำที่เกินขอบเขตตามรัฐธรรมนูญมาตรา 63 ดัง นั้น เมื่อมีกลุ่มพันธมิตรฯมาไล่รัฐบาลซึ่งมาจากการเลือกตั้ง ประชาชนย่อมเสียหายเราต้องปกป้องรัฐบาลและนี่เป็นเหตุผลที่ง่ายที่สุด การที่เราเลือกปกป้องรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช เท่ากับเป็นการปกป้องระบบรัฐสภาและปกป้องระบอบประชาธิปไตย

"พันธมิตรฯชุมนุมนอกกฎหมาย นอกระบบ เป็นการชุมนุมเถื่อน พี่น้องต้องเข้าใจ มองปัญหาให้ออกอย่าไปเชื่อว่าเขา (กลุ่มพันธมิตรฯ) มีเสรีภาพในการชุมนุม เพราะการชุมนุมต้องทำโดยปราศจากอาวุธ แต่เขากลับมีอาวุธ ดังนั้นเขาหมดเสรีภาพในการชุมนุมานานแล้ว"นายจรัลกล่าว

นายจรัล กล่าวโจมตีรัฐธรรมนูญ 2550 ด้วยว่า เป็นพันธนาการที่มัดแข้งมัดขาทำให้รัฐบาลไม่สามารถทำงานได้ ฉะนั้นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งตนได้ตั้งคณะกรรมการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และพบปะประชาชนทั่วประเทศเพื่อสนับสนุนให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ เวลานี้ร่างรัฐธรรมนูญที่ประชาชนร่วมกันเข้าชื่อได้เสนอต่อสภาแล้ว หลังการตรวจสอบจะส่งกลับมาที่สภา และต้องบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ประชาชนลง 5 หมื่นรายชื่อ เข้าสู่การประชุมพิจารณาอย่างแน่นอน ขอให้พ่อแม่พี่น้องร่วมสนับสนุนแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป

"ที่รัฐธรรมนูญแก้ไขได้ยาก เพราะกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พรรคประชาธิปัตย์ และส.ว.ที่มาจากการสรรหา พยายามคัดค้านการแก้ไข คนพวกนี้คงนิยมรัฐธรรมนูญเผด็จการ จึงปกป้องคุ้มครองหวงแหน กอดรัดรัฐธรรมนูญเผด็จการ แสดงว่าฝักใฝ่เผด็จการไม่เป็นประชาธิปไตย การชุมนุมของพวกเราในวันนี้เป็นเหตุเป็นผลของการปกป้องรัฐบาลประชาธิปไตย กับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 เป็นเรื่องเดียวกัน"นายจรัลกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในบริเวณที่กลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ ปักหลักชุมนุมอยู่นั้น มีประชาชนนั่งฟังปราศรัยใต้เต้นท์ผ้าใบสีขาวที่กางไว้บนถนนราชดำเนินหน้า กระทรวงเกษตรฯ โดยข้างเวทีปราศรัย มีการนำน้ำดื่มบรรจุขวดมาวางกองไว้ รวมทั้งข้าวกล่องจำนวนมากที่บรรจุใส่หลังรถกระบะเพื่อสำหรับแจกจ่ายผู้ชุมนุมและทีมงาน

สำหรับสถานที่ราชการในบริเวณเดียวกัน อาทิ กระทรวงคมนาคม กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ค่อนข้างเงียบเหงามีเจ้าหน้าที่เดินออกมานอกอาคารอย่างบางตา บางคนระบุว่าตนเองไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้ที่ชุมนุมของกลุ่มต้านพันธมิตรฯ เพราะตนใส่เสื้อเหลือง ขณะที่กลุ่มต้านพันธมิตรฯ สวมเสื้อแดง จึงเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย และในช่วงเวลา 12.00 น. เจ้าหน้าที่ของ กระทรวงการท่องเที่ยว แจ้งให้ผู้สื่อข่าวทราบว่า พวกเขาได้รับอนุญาตให้กลับบ้านได้ตั้งแต่เที่ยงวัน โดยเพิ่งรับทราบคำสั่งดังกล่าว