คอลัมน์ : รายงานพิเศษ
“ทุบหม้อข้าวหม้อแกง” คือยุทธวิธีการต่อสู้แบบปิดทางแพ้ แพ้ไม่ได้ เพราะเสบียงถูกทุบทำลายสิ้นแล้ว ความหวังเดียวที่จะรอดตายก็คือ เสบียงของศัตรูที่จะไปเอากันดาบหน้า จึงหมายความว่า เราต้องเป็นผู้ชนะเท่านั้น การประกาศทุบหม้อข้าวหม้อแกงจึงมีความหมายในด้านจิตวิทยาอย่างมาก เพื่อบ่งบอกผู้ร่วมเรียงเคียงบ่าว่า “จะไม่มีวันยอมแพ้”
กับการต่อสู้ที่มวลชนเริ่มอ่อนแรงด้วยเหตุผลต่างๆ นานา การ “ขีดเส้นตาย” ตรงหน้าก็ทำให้กลับมาคึกคัก ตื่นตัวกันได้อีกเฮือก หลังจากที่เคยเกือบฝ่อไปแล้ว
คำประกาศประเภท “ปิดบัญชี” “แตกหักวันนี้” หรือ “ทุบหม้อข้าวหม้อแกง” จึงถูกนำมาใช้เสมอโดยแกนนำ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อแสดงถึงความกล้าหาญเกรียงไกร และที่สำคัญคือเอาจริง ไม่ใช่แค่ปาหี่อย่างที่ใครหลายคนกล่าวหา
เพียงแต่ว่า เมื่อประกาศ “ปิดบัญชี” กันบ่อยๆ แต่รุ่งขึ้นก็กลับทำรายการฝาก-ถอนกันเหมือนเดิม ครั้งแล้วครั้งเล่า คำพูดที่น่าจะสร้างความคึกคักห้าวหาญเลยกลายเป็นแค่วาจาจืดๆ
จืดจนเมื่อได้ยินคำ “ทุบหม้อข้าวหม้อแกง” ของการที่พันธมิตรฯ จะเดินไปชุมนุมปิดทำเนียบในวันศุกร์นี้ ใครหลายคนจึงเฉยๆ เพราะเคยตื่นเต้นมาแล้วแทบทุกศุกร์ แต่ก็ปิ๋ว...
เพียงแต่คราวนี้เป็นการประกาศที่ไม่ควรมองข้าม...
เป็นการประกาศทุบหม้อข้าวหม้อแกง ที่แว่วเสียงมาว่า “เอาจริง!”
อย่า ลืมว่าพันธมิตรฯ มี พล.ต.จำลอง ศรีเมือง
ที่มีความหมายแตกต่างจากคนอย่าง พิภพ ธงไชย สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หรือ สมศักดิ์ โกศัยสุข
เพราะ 3 คนหลังนี้ มีที่มาจากการเมืองภาคประชาชน
แต่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง มีที่มาจากความเป็น จปร.7
เป็นนายทหารที่ชำนาญและเชี่ยวชาญ “การรบ” เป็นอย่างดี มากกว่าแค่ทฤษฎีจากตำรา
ความเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ คราวนี้ ที่บทบาท พล.ต.จำลอง สูงมาก จึงไม่ควรที่จะมองข้ามยุทธวิธีของพันธมิตรฯ ไม่ว่าในกรณีใดๆ
การเคลื่อนไหวไปยังทำเนียบรัฐบาลครั้งนี้ จึงไปเพื่อที่ “เหยียบจมูก” รัฐบาลกันเห็นๆ
ไปถึงกล่องดวงใจ เพื่อให้เกิด “ปฏิกิริยา” จากฝ่ายรัฐ และฝ่ายสนับสนุนรัฐ ที่ต่อต้านพันธมิตรฯ
พลันที่เกิดปฏิกิริยาตอบสนอง ซึ่งอาจหมายถึงการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าสลายการชุมนุม ก็เข้าทางพันธมิตรฯ ที่ต้องการให้เกิด “ความโกลาหล” โดยมีมวลชนกลุ่มหลักที่ทำเนียบรัฐบาลเป็นตัวล่อ
และมีกองโจร “ดาวกระจาย” ออกเพิ่มความวุ่นวายในมุมเมืองต่างๆ
เมื่อนั้น ภาพความรุนแรงชุลมุนก็จะเกิดขึ้นไปทั่ว จนยากที่รัฐจะจัดการควบคุม เว้นแต่จะใช้กำลัง
เมื่อนั้น ก็ชอบธรรมอย่างยิ่งแล้วที่ “มือที่สาม” จะเข้ามาในฐานะ “อัศวินม้าขาว” เพื่อช่วยสงบสถานการณ์โกลาหลที่รัฐจัดการไม่ได้ ไม่ให้บานปลายกลายเป็นความสูญเสียนองเลือด
และเมื่อนั้น ทั้งแนวคิด “รัฐบาลแห่งชาติ” “รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์” หรืออะไรต่อมิอะไรที่เคยได้รับการเสนอไว้จากบุคคลผู้มากต้นทุนทางสังคมหลายท่าน ก็คงได้รับการหยิบมาพิจารณากันจริงจัง
และในเมื่อเกิดการซ้ำรอยติดต่อกันของประวัติศาสตร์การเมืองเช่นนี้ พวกเสียงดังทั้งหลายก็คงไม่มีใครยอมให้ “พรรคพลังประชาชน” หรือเงาของพรรคพลังประชาชน ได้เป็นรัฐบาลอีกแล้ว ชนิดที่การเลือกตั้งก็ช่วยอะไรไม่ได้
ปิดประตูตายให้พรรคนี้ สมความตั้งใจที่พันธมิตรฯ สู้อุตส่าห์ตากแดดตากฝนมานาน
วันนี้ ถ้าเกิดก็เกิด ถ้าไม่เกิดก็ไม่เกิด
แต่ถ้าเกิด ตัวละครที่จะได้รับการจารึกในฐานะผู้ร้ายร่วมกัน ก็จะมีเพียงรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช กับ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ของ 5 แกนนำเท่านั้น
ขออนุญาตพูดภาษาชาวบ้าน ก็คือ เป็นไปได้ว่าจะ “หมาทั้งคู่”
กลุ่มใดที่คิดจะไปสอด จึงควรคิดให้หนัก โดยเฉพาะกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ ที่ไม่เป็นกลุ่มเป็นก้อน แต่ถูกเรียกเหมารวมกันเสมอว่าเป็นกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.)
หากมีการโผล่ไป “แจม” คราวนี้ ก็มีโอกาสเต็มที่ที่จะกลายเป็นตัวละครที่สาม
เป็นตัวละครที่อาจถูกทั้ง 2 กลุ่มแรก ป้ายขี้ว่าเป็นตัวต้นเหตุความรุนแรงเอาได้ดื้อๆ
ใครที่คิดจะประกาศศักดาต่อหน้ากลุ่มพันธมิตรฯ ในวันศุกร์นี้ จึงสมควรตรองอีกที เพราะศุกร์นี้อาจไม่หน่อมแน้มเหมือนศุกร์อื่นๆ
จะปล่อยให้คนที่จะพลาด ก้าวพลาดเอาเอง หรือจะโผล่ไปช่วยแบกรับความผิด ก็คิดเอา
ถ้ามันโชคดีเหมือนศุกร์ 13 ที่ดันไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วไป
ถ้าเชื่อ...ว่าโชคดีมันมีหลายครั้ง