WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Friday, June 20, 2008

เลวทรามต่ำช้าดึงสถาบันเป็นโล่ พันธมิตรผลิตอุปกรณ์บุกทำเนียบ

สุดเลว! ม็อบพันธมิตรฯ เหิมเกริมไม่เลิก บังอาจเอาพระบรมฉายาลักษณ์ “ในหลวง”ทำเกราะกำบัง เตรียมฝ่าด่านตำรวจบุกเข้ายึดทำเนียบวันนี้ “นักวิชาการ-ภาคประชาชน”เรียงหน้าด่ายับดี แต่ว่าคนอื่น แท้ที่จริงตัวเองเป็นพวกไม่จงรักภักดี แอบอ้างเบื้องสูงอย่างชัดเจน จี้หน่วยงานความมั่นคงรีบจัดการก่อนจะบานปลายไปมากกว่านี้ เพราะมีพฤติกรรมชั่วเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง ขณะที่ตำรวจย้ำไม่ปล่อยให้ไปถึงทำเนียบแน่ วางกำลังนับพันสกัดรอบด้านพร้อมงัดมาตรการดาวกระจายตอบโต้

นักเศรษฐศาสตร์ชี้ยึดทำเนียบเมื่อไรเศรษฐกิจยิ่งเสียหายหนักไปกว่าเก่า แค่ทุกวันนี้นักธุรกิจก็ผวาไม่กล้าลงทุนอยู่แล้ว

การเตรียมตัวเคลื่อนกำลังบุกทำเนียบรัฐบาลของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในวันนี้ (20 มิ.ย.) เป็นประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางจากทั้งนักวิชาการ นักธุรกิจ และประชาชนผู้หาเช้ากินค่ำ ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมมาอย่างต่อเนื่อง

*เลวที่สุด!ใช้เบื้องสูงเป็นโล่กำบัง
รวมไปถึงล่าสุดยังปรากฏว่ามีเรื่องเลวทรามต่ำช้าที่กลุ่มคนเหล่านี้ก่อขึ้นอีก โดยในคืนวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา ในจุดที่พักของหน่วยรักษาความปลอดภัย กองทัพธรรมมูลนิธิ ภายใต้การกำกับของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ได้นำแผ่นไม้จำนวนมากมาผลิตเป็นโล่ โดยนำแผ่นไม้มารองด้วยแผ่นเหล็กและทำมือจับ สำหรับกลุ่มคนที่อยู่แถวหน้า เพื่อใช้ในการฝ่าด่านเจ้าหน้าที่ตำรวจไปสู่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นสัญญาณบอกเหตุว่าคนเหล่านี้จงใจให้มีการปะทะกันเกิดขึ้น

ขณะเดียวกันบนโล่ดังกล่าวยังติดพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่บังควรเป็นอย่างยิ่ง โดยกลุ่มผู้ชุมนุมหวังว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ไม่กล้าที่จะสกัดกั้นการเคลื่อนกำลัง

ซึ่งการกระทำดังกล่าวของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง ถึงการจงใจแอบอิงสถาบันเบื้องสูงอย่างไม่บังควรเป็นอย่างยิ่ง

*ติงเอาสถาบันมาโยงการเมือง
พล.ต.อ.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช อดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และอดีตโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่าการนำพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาทำเป็นโล่เพื่อเป็นเกราะกำบังในการที่จะเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล นั้นไม่เหมาะอย่างยิ่ง เนื่องจากเห็นว่าตำรวจไม่กล้าที่จะต่อต้านเนื่องจากกลัวตีโดนรูปในหลวง แล้วก็จะเอามาเป็นข้ออ้างว่าไม่จงรักภักดี ซึ่งการกระทำแบบนี้เป็นการเอาชนะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่างไร้เหตุผล

“การกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ ตอนนี้เห็นได้ว่ามีเสียงสนับสนุนของพรรคประชาธิปัตย์ กับฝ่ายที่เคยทำการปฏิวัติทั้งโดยตรงและโดยอ้อม เพื่อให้มีการขับไล่รัฐบาลนี้ออกไป แต่ก็เชื่อว่าหากมีการยุบสภา แล้วเลือกตั้งใหม่ ประชาชนก็เลือกพรรคพลังประชาชนกลับมาเป็นรัฐบาลอีก”

อย่างไรก็ตามการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯเป็นที่แน่นอนแล้วว่าทำเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั้งสิ้น การที่เอาพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงมาเป็นโล่เพื่อเป็นเกราะกำบังนั้นได้ประจักษ์ให้ประชาชนเห็นแล้วว่าเป็นการดึงเอาเบื้องสูงมาเป็นประเด็นทางการเมือง

*“เหวง”ชี้ชัดม็อบไม่จงรักภักดี
ด้านนพ.เหวง โตจิราการ แกนนำสมาพันธ์ประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรฯ นำโล่ไม้จำนวนหลายร้อยอันมาติดพระบรมฉายาลักษณ์ว่า เป็นสิ่งที่ไม่บังควรอย่างยิ่ง เพราะการกระทำเช่นนี้แสดงว่าไม่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแท้จริง หากใครได้ติดตามการถ่ายทอดของดาวสยามยุคใหม่หรือวิทยุยานเกราะยุคใหม่ จะพบว่าคนพวกนี้โหนฟ้าต่ำ และใช้สถาบันเป็นเครื่องมือมาโดยตลอด จึงอยากจะเรียกร้องให้ยุติการกระทำและนำรูปออกทันที ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะทำให้เกิดความระคายเคืองต่อพระองค์

“ผมเชื่อมั่นว่าพี่น้องประชาชนที่เข้าใจประชาธิปไตยอย่างชัดเจนจะไม่ไปร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ไปปิดทำเนียบรัฐบาล และขอให้ช่วยกันโน้มน้าวจิตใจผู้ที่กำลังจะไปร่วมกับพันธมิตรฯ ว่าอย่าไป เพราะถ้าไปก็เหมือนเป็นการเผาบ้านเผาเมืองให้ปั่นป่วนกว่าเดิม” นพ.เหวง กล่าว

*ซัดดึงฟ้าต่ำมาแล้วหลายครั้ง
นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท หนึ่งในแกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่าไม่เหมาะสมอย่างมาก ซึ่งกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ทำมาหลายครั้ง มีการอ้างว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาคุ้มครอง อีกทั้งมีน้ำศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ดื่ม แต่แท้จริงแล้วน้ำที่เอามานั้นมาจากวัดจันทร์ที่เป็นโครงการที่ดำเนินตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการอนุรักษ์ ฟื้นฟูควบคู่ไปกับการพัฒนาพื้นที่ป่าต้นน้ำลำธารอย่างสมดุล

ซึ่งเห็นได้ว่าเป็นข้ออ้างที่กลุ่มพันธมิตรฯเอามาเป็นอาวุธปกป้องตัวเอง จนถึงวันนี้ยังมีการดึงสถาบันเบื้องสูงลงมาเกลือกกลั้วแล้วนำมาเป็นประเด็นทางการเมืองอีก

นายวิภูแถลง กล่าวว่า การกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ ตนได้เคยฝากบอกไว้หลายครั้งว่าไม่ควรเอาเบื้องสูงมาแปดเปื้อน แต่ในวันนี้ก็ยังเอากลับมาทำอีก อีกทั้งรุนแรงกว่าแต่ก่อน ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวดูเหมือนว่าเคารพและอยากปกป้องบ้านเมือง แต่หากดูในมุมกลับเป็นการทำลายสถาบันอย่างเห็นได้ชัด

*ชั่วมากหวังให้ตำรวจเป็นเหยื่อ
“ทำเป็นคนดีที่อยู่ในสถาบันที่รักบ้านเมือง อยากเห็นบ้านเมืองสงบ แต่แท้จริงแล้วเป็นสถาบันที่โหดร้ายที่สุด ถึงจะเป็นยุทธวิธีที่กลุ่มพันธมิตรฯ เอามาเป็นข้ออ้างหลายครั้ง แต่ก็ไม่เหมาะโดยสิ้นเชิง” นายวิภูแถลง กล่าว

นายวิภูแถลง กล่าวอีกว่า ถ้าหากมีการเคลื่อนไหว แล้วเอาโล่ที่มีพระบรมฉายาลักษณ์ติดอยู่มาเป็นเกราะกำบัง หากตำรวจเอากระบองมาทุบตีลงตรงโล่ที่มีรูปติดอยู่ หากมีการปะทะแล้วตำรวจตีโดนรูปของในหลวง ซึ่งหากโล่ห์หล่นลงไปกองที่พื้นและมีการเหยียบย่ำ กลุ่มพันธมิตรฯก็จะเกิดความรู้สึกว่าตำรวจไม่จงรักภักดี แล้วก็จะเอามาเป็นข้ออ้าง ซึ่งเป็นความชั่วร้ายของกลุ่มพันธมิตรฯ ดังนั้นหน่วยรักษาความมั่นคงต้องรีบดำเนินการโดยเร็วก่อนที่จะสายเกินแก้

อย่างไรก็ตาม การกระทำอันชั่วร้ายของกลุ่มพันธมิตรฯ นี้ สื่อทุกแขนงโดยเฉพาะทีวี ควรเผยแพร่ภาพที่ทางกลุ่มพันธมิตรฯ เอาพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงมาติดโล่เพื่อเป็นเกราะกำบัง ควรเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับรู้ว่าการกระทำแบบนี้เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมและชั่วร้ายที่สุด

*หวังให้เข้าใจว่าเบื้องบนหนุน
ด้าน นายสุรชัย แซ่ด่าน แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.)กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า การกระทำแบบนี้ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และสิ่งที่ตนเป็นห่วงในตอนนี้คือการกระทำที่ไม่เหมาะสมของกลุ่มพันธมิตรฯ จนกลายเป็นว่ารัฐบาลทำอะไรไม่ได้

นายสุรชัย กล่าวอีกว่า การอ้างเบื้องสูงแล้วนำมาเป็นประเด็นทางการเมือง ทำให้ให้ประชาชนเข้าใจว่าเป็นเรื่องจริง ว่าเบื้องบนสนับสนุนให้ทหารออกมาเคลื่อนไหว การที่เอาพระบรมฉายาลักษณ์มาติดบนไม้อัดเพื่อทำเป็นโล่นั้น กลุ่มพันธมิตรฯ ก็จะคิดว่าหากตำรวจมาตีแล้วโดนพระบรมฉายาลักษณ์ก็จะกลายเป็นว่าไม่จงรักภักดี อีกทั้งเป็นการพยายามเอาพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงมาเป็นข้ออ้าง ซึ่งการกระทำแบบนั้นน่าจะทำความกระจ่างว่าไม่เหมาะสม

นายกฯ จะอดทนจนถึงที่สุด
ขณะที่ในด้านการดูแลความเรียบร้อย นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เชื่อว่า ตำรวจจะสามารถควบคุมสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ปักหลักชุมนุมบริเวณเชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ได้ โดยยังไม่จำเป็นถึงขั้นต้องใช้กำลังทหารเข้ามาช่วยดูแลเรื่องนี้

"ความเกลียดชังยังมีอยู่ ความเกลียดชังยังไม่หมด ผมจะไม่ใช้ กอ.รมน. ดูแลเรื่องนี้ มันยังไม่ยากเย็นขนาดนั้น สถานการณ์ยังไม่ดุเดือดเลือดพล่าน ตำรวจอาจจะงานหนักหน่อย" นายสมัคร ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.) กล่าวระหว่างเป็นประธานประชุมชี้แจงการปฏิบัติงานและมอบนโยบายตามกรอบแนวทางการดำเนินงานของ กอ.รมน. พร้อมระบุด้วยว่าจะอดทนกับม็อบจนถึงที่สุด

*พร้อมขนม็อบชนพันธมิตร
นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน ในฐานะแกนนำกลุ่มมหาประชาชนร่วมพิทักษ์ประชาธิปไตย กล่าวว่า ขณะนี้ทางกลุ่มมหาประชาชนฯ พร้อมจะเคลื่อนขบวน หากทางกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะเคลื่อนการชุมนุมไปปิดล้อมหน้าทำเนียบรัฐบาล ในวันศุกร์ที่ 20 มิถุนายนนี้ แต่ขณะนี้คงต้องรอดูสถานการณ์ก่อน เช่น ปัญหาเรื่องฝนตก และเชื่อว่ารัฐบาลคงไม่ปล่อยให้มีการสร้างปัญหาเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะอาจจะมีมือที่ 3 ฉวยโอกาสสร้างความวุ่นวายได้

สำหรับกลุ่มประชาชนที่จะมาร่วมกับกลุ่มมหาประชาชนฯ มาจากหลากหลายสาขา เพราะประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯ ทั้งนี้เบื้องต้นทางกลุ่มมหาประชาชนฯ ได้ใช้มาตรการทางกฎหมายร้องทุกข์กล่าวโทษ และสอบถามความคืบหน้าการสอบสวนกรณีมีผู้มาร้องทุกข์กล่าวโทษ แจ้งความดำเนินคดีด้วย อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า การออกมาเคลื่อนขบวนของกลุ่มมหาประชาชนฯ เพื่อให้กำลังใจประชาชนที่เดือดร้อน รวมทั้งรัฐบาล ทหาร ตำรวจที่ออกมาปฏิบัติหน้าที่ พร้อมเรียกร้องให้กลุ่มพันธมิตรฯ เปลี่ยนใจกลับบ้าน

นักลงทุนผวา-หุ้นตกกราวรูด
นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะเคลื่อนขบวนไปที่หน้าทำเนียบรัฐบาลว่า มั่นใจเจ้าหน้าที่สามารถคุ้มครองทำเนียบรัฐบาลได้ แต่ห่วงการสัญจรของประชาชนและภาพลักษณ์ของประเทศไทยที่ดูเหมือนว่าการใช้กฎหมู่จะมีมากขึ้นซึ่งจะทำให้นักลงทุนต่างชาติไม่มั่นใจ ซึ่งตนเองในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศพยายามกอบกู้ภาพลักษณ์ แต่การชุมนุมที่เกิดขึ้นส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติทำให้เสียเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ รวมถึงการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ปัญหาน้ำมันแพง จะทำได้ยากขึ้น

ด้าน นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงการนัดชุมนุมดังกล่าวว่า ถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสูงสุดต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศขณะนี้ เพราะไม่มีจุดที่จะสามารถคลี่คลายได้ ทำให้ นักลงทุนชะลอและถอนการลงทุนในประเทศไทย เพื่อรอดูสถานการณ์ โดยจะเห็นได้จากดัชนีในตลาดหลักทรัพย์ ปรับตัวลดลงวานนี้กว่า 10 จุด

*สนามหลวงชุมนุมต้านม็อบถ่อย
ขณะเดียวกันทางด้านกลุ่มสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช ก็ได้มีการชุมนุมกันที่ท้องสนามหลวงอย่างคึกคัก โดยมีการทยอยเดินทางมาจากที่ต่างๆ ตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 19 มิถุนายน และมีการตั้งเวทีปราศรัยท่ามกลางผู้ฟังอย่างคึกคัก

ทั้งนี้แนวทางของการชุมนุมดังกล่าวมีรายงานว่า มีเป้าหมายเพื่อร่วมกันต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ ที่มีเจตนาจะออกมาทำลายระบบรัฐสภา โดยในการออกมาร่วมกันขัดขวางพันธมิตรฯ ในครั้งนี้ ตั้งใจจะรวมพลังประชาชนให้ได้ 5,000 คน แล้วจึงเคลื่อนขบวนไปยังหน้ากระทรวงเกษตรฯ เพื่อร่วมมือกันปกป้องระบบการเมืองแบบรัฐสภา โดยใช้ชื่อยุทธศาสตร์และกลุ่มว่า “แนวร่วมประชาธิปไตยพิทักษ์ระบบรัฐสภา”

นายวิภูแถลง กล่าวว่า เหตุที่มีการตั้งยุทธศาสตร์เช่นนี้ เพราะเล็งเห็นถึงความต้องการของพันธมิตรฯทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มออกมาเรียกร้องโดยมีเงื่อนไขหลายประการ จนท้ายที่สุดจึงมีข้อสรุปเข้าประเด็นว่าต้องการที่จะขับไล่รัฐบาล และทำลายระบบรัฐสภาไม่ให้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองได้อย่างเสรี

ซึ่งในการไปร่วมกันปกป้องระบบรัฐสภาในครั้งนี้ จะมีการปักหลักเพื่อแสดงให้พวกพันธมิตรฯเห็นว่ามียังมีกลุ่มประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของพันธมิตรฯ

*ตร.กระจายกำลังรักษาทำเนียบ
ส่วนทางด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในวันเดียวกันนี้มีการประชุมประเมินสถานการณ์การชุมนุม โดยมี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน โดยมีการวางกำลังเข้มทั้งในและนอกทำเนียบรัฐบาล

โดยในส่วนความรับผิดชอบของตำรวจนครบาลจะดูแลรอบทำเนียบรัฐบาลด้านนอก ใช้กำลังประมาณ 100 นาย และยังดูแลไปถึงพื้นที่เฝ้าระวังชั้นนอก ประกอบด้วยแยกนางเลิ้ง แยกเสาวนีย์ แยกวัดเบญจมบพิตร แยกอู่ทองใน แยกพล 1 และแยกวังแดง

รวมไปถึงพื้นที่เฝ้าระวังชั้นใน ประกอบด้วย แยกพณิชยการ บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ หัวถนนนครปฐมฝั่งทำเนียบ แยกสวนมิสกวัน สะพานมัฆวานรังสรรค์ แยกเทวกรรม และสะพานอรทัย โดยจะเน้นการปิดถนนพิษณุโลก ถนนราชดำเนิน ช่วงแยกมิสกวัน เพื่อปิดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุม ไม่ให้เคลื่อนเข้ามาใกล้รั้วทำเนียบ

ส่วนบริเวณด้านในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นพื้นที่หวงห้าม มีการเตรียมรับมือตามระเบียบว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ โดยจะมีตำรวจสันติบาล 180 ประจำการอยู่แล้ว

*พร้อมใช้ดาวกระจายตอบโต้ม็อบ
นอกจากนี้ หน่วยรักษาความปลอดภัย ให้ความสำคัญไปที่ประตูเข้าออกทำเนียบ 4 แห่ง คือ ประตู 1เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ถนนพิษณุโลก ประตู 4 ตรงข้ามสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ถนนพิษณุโลก ประตู 5 ตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการ ถนนราชดำเนิน และ ประตูทางออกเชิงสะพานอรทัย ซึ่งเชื่อมต่อไปยังตลาดนางเลิ้ง ทุกประตูจะต้องถูกปิดสนิทและมีตำรวจอารักขาเข้ม เพื่อไม่ให้กลุ่มพันธมิตรฯ เล็ดลอดเข้ามายังทำเนียบได้

ทั้งนี้ในเบื้องต้นได้เตรียมกำลังตำรวจไว้ประมาณ 3,000 นาย ยังไม่รวมที่เตรียมพร้อมในที่ตั้ง โดย พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่า ตำรวจจะไม่ใช้ความรุนแรง และพร้อมใช้ยุทธวิธีดาวกระจายตอบโต้ เพื่อสกัดการเคลื่อนขบวนของกลุ่มผู้ชุมนุม และขอความร่วมมือกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยว่าอย่าใช้ความรุนแรง
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังประเมินด้วยว่าผู้ชุมนุมน่าจะมีราว 1.4 หมื่นคน

*ตั้งด่านสกัดส่งอาวุธให้ม็อบ
นอกจากนี้มีรายงานด้วยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยัน ตำรวจจะไม่อนุญาตให้กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดินทางไปชุมนุมบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ยังสั่งให้มีการบันทึกภาพนิ่งและภาพวิดีโอ ขณะกลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวน

อย่างไรก็ตามจะมีการตั้งจุดสกัด 5 แนวรอบทำเนียบรัฐบาล และขอให้ผู้ที่ใช้รถใช้ถนนหลีกเลี่ยงการใช้เส้นทาง ถ.พิษณุโลก ถ.ราชสีมา ถ.พระราม 5 ถ.ศรีอยุธยา และ ถ.ราชดำเนิน ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 19 มิถุนายน เป็นต้นไป เนื่องจากมีรายงานข่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯ จะเคลื่อนขบวน

ขณะที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล มีหนังสือสั่งการด่วน ให้ตั้งจุดตรวจค้นพิเศษในพื้นที่ หวั่นมีการขนอาวุธเข้าจุดชุมนุม โดยระบุว่าให้ทุก สน. จัดสนธิกำลังฝ่ายจราจร สืบสวน และ ฝอ. ตั้งจุดตรวจค้นพิเศษ ในพื้นที่รับผิดชอบ โดยให้สถานีในพื้นที่ของกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 , 3 , 4 , 7 และ 8 ตั้งจุดตรวจค้นปฏิบัติบริเวณถนนที่เป็นเส้นทางหลักเข้าสู่ที่ชุมนุม เน้นเป้าหมายการตรวจค้นอาวุธ หรือ อุปกรณ์อื่นใดที่ใช้แทนอาวุธ รวมถึงรถยนต์ขนาดใหญ่ รวมทั้ง รถจักรยานยนต์ที่ขับขี่มาเป็นกลุ่มด้วย

*ผบ.ทบ.เชื่อ ตร.คุมม็อบได้
พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวถึงการดูแลการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งพรุ่งนี้ (20 มิ.ย.51) จะเคลื่อนขบวนมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล ว่า นายกรัฐมนตรี ได้ยืนยันชัดเจนว่า กรณีดังกล่าวเป็นวาระปกติที่ตำรวจจะเป็นฝ่ายดูแลความสงบเรียบร้อย

โดยจะยังไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะมั่นใจตำรวจมีมาตรการที่เหมาะสมในการดูแลสถานการณ์ได้ และส่วนตัวเชื่อว่า จะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ส่วนการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรี และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ทำเนียบรัฐบาลวานนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ทำการประเมินสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น แต่ไม่ได้มีการหารือถึงการนำ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกมาบังคับใช้หากเกิดสถานการณ์รุนแรง แต่เน้นให้ตำรวจสร้างความเข้าใจกับกลุ่มผู้ชุมนุม หลีกเลี่ยงการใช้มาตรการควบคุมสถานการณ์ที่นำไปสู่ความรุนแรง

ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวอีกว่า ในส่วนของกองทัพบกนั้น ตนเองไม่ได้สั่งการอะไรเป็นพิเศษ แต่ได้ให้นโยบายการปฏิบัติไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยให้คำนึงถึง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชนเป็นหลัก โดยทหารจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางการเมืองในทุกกรณี โดยปล่อยให้เป็นเรื่องของการเมืองที่จะแก้ไขปัญหากันเอง

ขณะเดียวกันมีรายงานว่าส่วนราชการที่อยู่โดยรอบหลายแห่งได้มีการเตือนข้าราชการ และบางแห่งก็ให้หยุดงานเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย โดยเฉพาะโรงเรียนต่างๆ บนถนนราชดำเนิน