WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Wednesday, June 18, 2008

‘สันติอโศก’ตัวอันตราย ตั้งลัทธิเทียบชั้น‘พุทธ’

นักวิชาการเรียงหน้าถล่มซ้ำ “สันติอโศก” ชี้แนวคิดอันตราย หวังจ้องสถาปนาลัทธิตัวเองเป็นศาสนาใหม่ ยกระดับให้เสมอพระพุทธศาสนา ออกมาร่วมชุมนุมกับม็อบผิดหลักการศาสนาที่สอนไม่ให้เบียดเบียนผู้อื่น ซ้ำเป็นจการสร้างความสับสนให้สังคม เผยหลายก๊วนจับมือหาประโยชน์ร่วมกัน ด้านม็อบพันธมิตรฯ เริ่มหงอย แนวร่วมเริ่มป่วยระนาว “เฉลิม” เชื่อเคเบิลทีวีหยุดออกอากาศเอเอสทีวีช่วยลดความฮึกเหิมของม็อบ

การออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มสันติอโศกที่นำโดย นายรักษ์ รักษ์พงษ์ หรือโพธิรักษ์ ในการชุมนุมร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขับไล่รัฐบาล ยังเป็นประเด็นที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะไม่ควรอย่างต่อเนื่อง ทั้งความพยายามในการแต่งกายและปฏิบัติกิจเลียนแบบพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนา จนสร้างความเข้าใจผิดในสายตานานาชาติว่า มีพระออกมาร่วมการชุมนุม รวมไปถึงความเข้าใจผิดที่จะเกิดกับเยาวชนในเรื่องศาสนานั้น

ผศ.ดร.ศิลป์ ราศี อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยศรีปทุม กล่าวว่า พฤติกรรมของคนกลุ่มนี้ต้องเริ่มต้นจากคำว่า กองทัพธรรม ที่นำมากล่าวอ้าง ซึ่งความหมายที่แท้จริงของกองทัพธรรม ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นแม่ทัพ ก็คือพระพุทธเจ้า และหลักการของพระพุทธศาสนาเป็นหลักอหิงสา ที่สอนให้มนุษย์ไม่ไปเบียดเบียนผู้อื่น สังคมจะได้อยู่อย่างสงบสุข

แต่การที่กลุ่มสันติอโศกไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นเรื่องที่เข้ากันไม่ได้ เป็นการทำลายหลักการของพระพุทธศาสนา หลักการของสันติอโศก เป็นแบบวิหิงสา คือ การสร้างความเบียดเบียนให้กับผู้อื่น สร้างความสับสนให้เกิดขึ้นภายในสังคม เป็นการกระทำที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง และไม่มีจิตสำนึกในความเป็นพุทธศาสนิกชน

เจ้าสำนักสันติอโศก หรือ โพธิรักษ์ เป็นคนที่ชอบอวดอ้างว่าตนเองว่าเป็นพระโพธิสัตว์ บำเพ็ญเพียรบารมีเพื่อที่จะมาช่วยชาวโลก และก็อ้างว่าตนเองเป็นพระอรหันต์ ซึ่งจริงๆ แล้วทั้งสองอย่างเป็นเรื่องที่ขัดแย้งกัน ซึ่งการกระทำเหล่านี้เป็นการกระทำที่ลวงโลก หลอกลวงผู้อื่นว่าตนเองนั้นเป็นคนวิเศษ

*สถาปนาลัทธิเทียบพุทธศาสนา
วัตถุประสงค์ของคนกลุ่มนี้ก็เพื่ต้องการสถาปนาลัทธิของตนเองเป็นศาสนา และให้ตนเองเป็นศาสดาองค์ใหม่ ซึ่งเราไม่ควรไปยกย่องคนกลุ่มนี้ให้เทียบเท่ากับพุทธศาสนา

ซึ่งมาถึงตอนนี้ตนมองว่าเป็นหน้าที่ของชาวพุทธทุกคน และองค์กรของพระพุทธศาสนาที่จะต้องออกมาปกป้อง ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการทางกฎหมาย หรือจะดำเนินการทางสังคมเพื่อออกมาปกป้องพระพุทธศาสนา รวมตัวกันประท้วงให้กลุ่มสันติอโศกยุติบทบาทของตนเอง และอยากเตือนสติทุกคนว่าอย่าได้หลงเชื่อคนกลุ่มนี้ มันเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะคนส่วนใหญ่ที่ไม่เข้าใจ หรือคนต่างชาติต่างก็เข้าใจผิด ทำให้ภาพลักษณ์ที่ดีงามของพระพุทธศาสนาต้องเสื่อมเสีย

“ไม่ว่าจะเป็นการออกมาเดินขบวน หรือการส่งเสริมให้คนในลัทธิของตน ไปประทุษร้ายผู้อื่นนั้น ล้วนแต่เป็นหน้าที่ของคนที่นับถือลัทธินี้ ซึ่งมันขัดกับหลักอหิงสาของพระพุทธศาสนาของเรา”

*สันติอโศกอยากยกระดับตัวเอง
ด้าน ดร.เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) กล่าวในประเด็นเดียวกันว่า กฎหมายได้ตัดสินออกมาครั้งหนึ่งแล้วว่าสันติอโศกไม่ใช่สงฆ์ เพราะไม่ยอมรับในเงื่อนไขของมหาเถรสมาคม คนที่สันติอโศกบวชให้นั้นก็ไม่ถือว่าเป็นพระด้วยเหมือนกัน ไม่มีความเป็นพระ หรือเป็นสมณะทั้งนั้น เพราะว่าไม่มีความสงบทั้งกาย วาจา และใจ

และการออกมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ถือว่าไม่มีความถูกต้อง เพราะคนที่ประกาศว่าตนเองเป็นธรรมแล้ว ย่อมต้องณุ้ดีว่าอะไรเป็นธรรม อะไรเป็นอธรรม คนกลุ่มนี้ไม่ควรที่จะออกมาสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

การที่ออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มสันติอโศก เพียงเพื่อต้องการยกระดับของตนเองให้เทียบเท่ากับมหาเถรสมาคมเท่านั้น ถึงแม้ว่าจะมีกฎหมายออกมาคุ้มครองพวกลัทธิ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถทำอะไรได้ตามอำเภอใจ

* ชำแหละก๊วนสันติอโศก
ในตอนนี้กลุ่มสันติอโศก และพันธมิตรฯ ต่างก็มีผลประโยชน์ร่วมกัน เพราะพันธมิตรฯ ต้องการล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ส่วนทางสันติอโศกก็ไม่ต้องการให้พระพุทธศาสนาได้บัญญัติเป็นศาสนาประจำชาติ และกลุ่มสันติอโศกเป็นเสมือนกำลังสำคัญในการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ เพราะว่ากลุ่มคนที่ทำแผนดาวกระจายก็เป็นคนที่อยู่ในกลุ่มสันติอโศก เป้าหมายของพวกเขาคือต้องการให้จำลองกับโพธิรักษ์ชนะเท่านั้น พระพุทธศาสนาถือว่าคนกลุ่มนี้ทำความเสียหาย และทำให้สังคมเสื่อมเสีย

“อยากเรียกร้องให้ทางคณะสงฆ์ กระทำการใดๆ เพื่อประกาศว่าคนกลุ่มนี้ไม่ใช่พระ เพราะพันธมิตรฯ ใช้คนกลุ่มนี้เป็นอำนาจต่อรองในเกมการเมือง เพราะคนกลุ่มสันติอโศก แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มแรกเป็นผู้นับถือศาสนามุสลิมบางส่วน โดยมีอดีต ประธาน คมช. เป็นแกนนำ อีกกลุ่มเป็นผู้นับถือศาสนาคริสต์บางส่วน ที่มีคุณหญิงจารุวรรณเป็นแกนนำ และกลุ่มสุดท้ายคือของมหาจำลอง และก็เป็นสิ่งที่ทุกคนทราบว่าคนทั้งหมดต่างก็มีผลประโยชน์ร่วมกัน”

* ม็อบข้างถนนเริ่มหมดแรง
ขณะที่การเคลื่อนไหวของม็อบพันธมิตรฯ ถึงวันนี้เป็นวันที่ 24 แล้ว โดยช่วงบ่ายของวันที่ 17 มิถุนายน บรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ไม่มีความคึกคัก โดยไม่มีการปราศรัยบนเวทีแต่อย่างใด มีเพียงการเปิดวิทยุกระจายเสียงตามสาย บอกเล่าข่าวสารและเหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ให้ประชาชนที่ปักหลักอยู่ในพื้นที่ชุมนุมได้รับฟัง ขณะที่ประชาชนใช้เวลาในช่วงบ่ายด้วยการพักผ่อนตามอัธยาศัย และจับกลุ่มสนทนาปราศรัยกัน

นอกจากนี้ ยังมีประชาชนจำนวนไม่น้อยขอรับยารักษาโรคพื้นฐาน อาทิ ยาแก้ไข้ ยาแก้ปวด ยาแก้ไอ จากหน่วยพยาบาลที่อยู่ในบริเวณพื้นที่ชุมนุม เนื่องจากสภาพอากาศที่มีความไม่แน่นอนในแต่ละวัน อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จากหน่วยพยาบาลในพื้นที่ชุมนุม ระบุว่า ยังต้องการขอรับบริจาคยารักษาโรคพื้นฐานอีกเป็นจำนวนมาก เพื่อรองรับการให้บริการอย่างเพียงพอกับประชาชนที่มาร่วมชุมนุมในแต่ละวัน

* ปิดเอเอสทีวีลดความฮึกเหิม
ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ครม. ถึงการแก้ปัญหาการชุมนุมปิดถนนของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า ตนได้พบกับตัวแทนผู้ประกอบธุรกิจเคเบิลทีวีไปแล้วเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา ซึ่งก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าการเผยแพร่ภาพข่าวจากเอเอสทีวีเป็นเรื่องผิดกฎหมาย เขาก็จะใช้วิธีการระมัดระวังในการนำเสนอข่าว ซึ่งหากเคเบิลทีวีให้ความร่วมมือในส่วนนี้ ความฮึกเหิมของม็อบก็จะลดน้อยลง

ทั้งนี้ตนยังเชื่อว่าฟ้าดินมีจริง หากใครคิดทำไม่ดีกับบ้านเมืองสุดท้ายไปไม่รอด ส่วนที่กลุ่มผู้ชุมนุมอ้างว่าเป็นการแสดงออกตามกติกาของระบอบประชาธิปไตยภายในกรอบรัฐธรรมนูญนั้นก็ไม่เป็นความจริง แต่เป็นเวทีกล่าวหา กล่าวร้าย นั่งดูทีไรก็หมิ่นประมาทแทบทุกคน

*ฉะพวกไม่รู้จักเคารพกติกา
ที่สำคัญที่สุด ไม่ได้เป็นการแสดงออกของพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ แต่เป็นกลุ่มบุคคลกลุ่มหนึ่งที่เคยขับไล่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาแล้ว และถ้าความคิดของกลุ่มบุคคลนี้เป็นความคิดที่ดี เป็นที่ชื่นชอบของประชาชน การเลือกตั้งครั้งที่แล้วพวกตนก็ต้องแพ้

“ กลุ่มคนพวกนี้ด่ามาตลอดโดยไม่คำนึงกฎเกณฑ์ กติกา ไม่เคยให้เกียรติผู้นำประเทศ ด่าไอ้ อี มึง กู โคตรพ่อโคตรแม่ มีที่ไหนในโลกเขาทำกันบ้าง ผมไม่เห็นมีสาระประโยชน์อะไรเลย ปากก็บอกว่ากลัวคนไปกดดันองค์กรอิสระแต่ปฏิบัติเอง สิ่งที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ทำวันนี้ก็เหมือนกับก่อนปฏิวัติปี 2549 และสิ่งที่นายสนธิพูดจาวันนี้ ก็เป็นสิ่งที่ศาลจำคุกนายสนธิไปแล้ว 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา ข้อกล่าวหาเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์ก็ถูกจำคุก 2 ปี และที่ไปด่าว่าป่าไม้ที่ จ.เชียงราย ก็ถูกจำคุก 1 ปี รวมแล้ว 3 คดีก็ 5 ปี 9 เดือน ” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

* ฉะม็อบทำนักลงทุนเผ่น
เมื่อถามว่าจะมีจุดลงตัวในการเจรจาเพื่อยุติปัญหาหรือไม่ รมว.มหาดไทย กล่าวยอมรับว่า มันลำบาก ยาก อย่างวันนี้ตนก็ได้ไปเยี่ยมม็อบตำรวจมา วันนี้ตำรวจเบื่อที่สุด เพราะม็อบทำให้เกิดความเสียหาย 3 เรื่อง คือ เศรษฐกิจ คนไม่กล้ามาลงทุน เพราะคิดว่าบ้านเมืองเรากำลังเกิดกลียุค ปัญหาสังคม ตำรวจไม่ได้ทำหน้าที่ที่ควรจะทำ และการเมือง เป็นการสร้างธรรมเนียมประเพณีที่เลวร้ายในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของกลุ่มพันธมิตรฯนายสนธิกับคณะถ้าแน่จริงอย่ากีดขวางการจราจร ถ้าแน่จริงก็ขอให้ประชุมริเวณอื่น ชาวบ้านจะได้ไม่เดือดร้อน

ต่อข้อถามว่า พันธมิตรฯ ประกาศว่าอีก 7 วันจะจัดการกับรัฐบาลได้แน่นอนหลังจากที่ไปให้กำลังใจ กกต. มา ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ฝันไปเถอะ และการประชุม ครม. วันนี้คงไม่มีการหารือเกี่ยวกับเรื่องการชุมนุม รัฐบาลยืนยันอีกครั้งว่าจะไม่มีการสลายการชุมนุมหรือใช้กำลังอย่างเด็ดขาด แม้จะมีการด่าตนทุกวันก็สาธุ แต่วันนี้ก็มีม็อบตำรวจเกิดขึ้นมาแล้ว ตำรวจเหนื่อย ทำงานทั้งในท้องที่ จากนั้นก็ต้องถูกระดมมาดูม็อบ

“ผมจะบอกให้ว่ามันกำลังจะมีคนสร้างสถานการณ์แล้วโยนความผิดมาให้รัฐบาล ก็ขอบอกผู้สื่อข่าวและประชาชนว่า รัฐบาลชุดนี้จะไม่มีการใช้กำลังรุนแรงโดยเด็ดขาด คืนวานซืนมีคนซน จะเอาระเบิดไปโยนข้างกระทรวงมหาดไทย แหล่งข่าวบอก จึงได้ขอร้องตำรวจให้มาดู อย่านึกว่าผมไม่รู้ แต่ผมขอสาปแช่ง ใครคิดดีกับบ้านเมืองก็ขอให้เจริญ ใครคิดร้ายก็ขอให้วิบัติ”