คอลัมน์ : บทบรรณาธิการ
“เราเอาธรรมนำหน้า” คือข้ออ้างของแกนนำม็อบป่วนเมือง หรือพันธมารประชาธิปไตย ที่ได้พร่ำบอกผู้คนให้หลงเคลิบเคลิ้ม ในการเคลื่อนไหวคราวก่อน โดยนำประเด็นเรื่อง การแต่งตั้งพระสังฆราช 2 พระองค์ มาบิดเบือนให้กับสังคมไทย ซึ่งที่สุดก็หาความจริงไม่ได้แม้แต่น้อย
มาวันนี้ แกนนำคนสำคัญ กลับ ทำตัวเป็นปฏิปักษ์ กับ องค์กรสงฆ์ทั้งมวล โดยหันไปเชิดชูและกราบไหว้ “มารศาสนา” เจ้าของลัทธิเถื่อนนอกรีตของศาสนาพุทธ เพียงเพื่อหวังจะใช้เป็นเครื่องมือในการรวบรวมคนเพื่อให้ดูจำนวนมาก โดยละทิ้งสิ่งที่พร่ำบอกผู้คนเอาไว้ตลอดมาว่า ยึดมั่นในหลักพระธรรมวินัยที่ถูกต้อง ยึดมั่นในพระสังฆราช ยึดมั่นในธรรมอันบริสุทธิ์ของพระสัมมาสัมพุทธะ
เป็นการแสดงให้เห็นชัดเจน อดีตที่ผ่านมาพวกเขาเหล่านั้นมิได้เลื่อมใสในแนวทางของสัมมาสัมพุทธะแต่อย่างใด มีการนำสถาบันพระสงฆ์มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยการหยิบยกขึ้นมากล่าวอ้างเพื่อหวังสร้างภาพให้ดูใกล้ชิด ปกป้อง สถาบันสูงสุดของพระสงฆ์
ภาพที่แกนนำพันธมารประชาธิปไตย ไปก้มกราบ ก้มไหว้ เสมอระดับเท้า ขณะที่ “เจ้าของลัทธิอุบาวท์” นั่งบนเก้าอี้ อมยิ้มแก้มตุ่ย บ่งบอกอะไรได้พอสมควร
ภาพการเปิดให้เจ้าของลัทธิอุบาทว์ นำลูกสมุน บิณฑบาต ในช่วงเช้า บนถนนสายสำคัญของชาติ ที่ใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ปิดถนนสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนคนไทย
ภาพการใส่จีวร นุ่งเหลือง ห่มเหลือง โกนผม แต่ไม่โกนคิ้ว เทศนาสั่งสอนผู้คนอย่างผิดพระธรรมวินัย ยังมีให้เห็นเป็นประจำวัน
เหล่านี้ล้วนแต่เป็นการกระทำที่ ส่อกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.สงฆ์ ฐานเลียนแบบพระสงฆ์ เพราะกลุ่มลัทธิอุบาทว์เหล่านี้ ถูกอัปเปหิจากวงการพระสงฆ์เมืองไทย อันเนื่องจากข้อกล่าวหาสำคัญคือ
1.เจ้าสำนักลัทธิอุบาทว์ ไม่อนุญาตให้กราบไหว้บิดามารดาบังเกิดเกล้า
2.เจ้าสำนักลัทธิอุบาทว์ ไม่อนุญาตให้กราบไหว้พระพุทธรูป อ้างว่าให้นับถือผู้นำลัทธิเพียงคนเดียว
3.เจ้าสำนักลัทธิอุบาทว์ อวดอ้างว่าตัวเองบรรลุธรรมขณะยืนฉี่ ซึ่งเป็นฉี่หยดสุดท้าย
4.เจ้าสำนักลัทธิอุบาทว์ อวดอ้างตัวว่าเป็นพระสารีบุตรกลับชาติมาเกิดใหม่
5.เจ้าสำนักลัทธิอุบาทว์ แปลถ้อยคำในพระพุทธศาสนาผิดเพี้ยน ทำให้หลักธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผิดเพี้ยนไปหมด
การยึดถนน โดยมี กองทัพมาร มา เป็นกำลังหลัก เพื่อให้คนดูเยอะๆ นั้น จึงเป็นเรื่องที่ อันตรายต่อความมั่นคงของชาติ เป็นอย่างมาก เพราะเป็นการฉกฉวยโอกาสในการเผยแผ่หลักธรรม คำสั่งสอน ที่บิดเบือน ในบวรพุทธศาสนา เช่น การถ่ายภาพลงหนังสือพิมพ์ การเผยแผ่ผ่านสื่อทีวี สร้างภาพเพื่อให้คนนิยมชมชอบ ลัทธิอุบาทว์ นี้ โดยลืมที่จะสืบค้นประวัติเลวทรามของพวกมัน
ดูก่อน พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ที่อุ้มลูกจูงหลานไปร่วมม็อบพันธมารธิปไตย ท่านจะส่งเสริมให้ลัทธิอุบาทว์เสี้ยมสอนผู้คน ลูกหลานของท่าน ด้วยการจงใจ บิดเบือน หลักธรรมคำสอนของ องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ทำตัวเป็นฮีโร่ ในม็อบพันธมารฯ ท่านไม่ห่วงหรือว่าวันหนึ่งที่เขาสั่งสอนกันว่า ไม่ให้ยกมือกราบไหว้พ่อแม่ ต่อไปนี้ลูกเต้าจะไม่รู้จัก กตัญญูรู้คุณ ต่อ บุพการี ซึ่งถือเป็น ทิศเบื้องหน้า ตามหลักคำสอนเรื่อง ทิศหก ต่อไปนี้ ชาติไทยจะฉิบหายกันแค่ไหน? อย่างไร?
ตื่นเสียเถิด!
อย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัว! อีกต่อไปเลย...สาธุชน...สาธุ สาธุ
“เราเอาธรรมนำหน้า” คือข้ออ้างของแกนนำม็อบป่วนเมือง หรือพันธมารประชาธิปไตย ที่ได้พร่ำบอกผู้คนให้หลงเคลิบเคลิ้ม ในการเคลื่อนไหวคราวก่อน โดยนำประเด็นเรื่อง การแต่งตั้งพระสังฆราช 2 พระองค์ มาบิดเบือนให้กับสังคมไทย ซึ่งที่สุดก็หาความจริงไม่ได้แม้แต่น้อย
มาวันนี้ แกนนำคนสำคัญ กลับ ทำตัวเป็นปฏิปักษ์ กับ องค์กรสงฆ์ทั้งมวล โดยหันไปเชิดชูและกราบไหว้ “มารศาสนา” เจ้าของลัทธิเถื่อนนอกรีตของศาสนาพุทธ เพียงเพื่อหวังจะใช้เป็นเครื่องมือในการรวบรวมคนเพื่อให้ดูจำนวนมาก โดยละทิ้งสิ่งที่พร่ำบอกผู้คนเอาไว้ตลอดมาว่า ยึดมั่นในหลักพระธรรมวินัยที่ถูกต้อง ยึดมั่นในพระสังฆราช ยึดมั่นในธรรมอันบริสุทธิ์ของพระสัมมาสัมพุทธะ
เป็นการแสดงให้เห็นชัดเจน อดีตที่ผ่านมาพวกเขาเหล่านั้นมิได้เลื่อมใสในแนวทางของสัมมาสัมพุทธะแต่อย่างใด มีการนำสถาบันพระสงฆ์มาเป็นเครื่องมือทางการเมือง โดยการหยิบยกขึ้นมากล่าวอ้างเพื่อหวังสร้างภาพให้ดูใกล้ชิด ปกป้อง สถาบันสูงสุดของพระสงฆ์
ภาพที่แกนนำพันธมารประชาธิปไตย ไปก้มกราบ ก้มไหว้ เสมอระดับเท้า ขณะที่ “เจ้าของลัทธิอุบาวท์” นั่งบนเก้าอี้ อมยิ้มแก้มตุ่ย บ่งบอกอะไรได้พอสมควร
ภาพการเปิดให้เจ้าของลัทธิอุบาทว์ นำลูกสมุน บิณฑบาต ในช่วงเช้า บนถนนสายสำคัญของชาติ ที่ใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย ปิดถนนสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนคนไทย
ภาพการใส่จีวร นุ่งเหลือง ห่มเหลือง โกนผม แต่ไม่โกนคิ้ว เทศนาสั่งสอนผู้คนอย่างผิดพระธรรมวินัย ยังมีให้เห็นเป็นประจำวัน
เหล่านี้ล้วนแต่เป็นการกระทำที่ ส่อกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.สงฆ์ ฐานเลียนแบบพระสงฆ์ เพราะกลุ่มลัทธิอุบาทว์เหล่านี้ ถูกอัปเปหิจากวงการพระสงฆ์เมืองไทย อันเนื่องจากข้อกล่าวหาสำคัญคือ
1.เจ้าสำนักลัทธิอุบาทว์ ไม่อนุญาตให้กราบไหว้บิดามารดาบังเกิดเกล้า
2.เจ้าสำนักลัทธิอุบาทว์ ไม่อนุญาตให้กราบไหว้พระพุทธรูป อ้างว่าให้นับถือผู้นำลัทธิเพียงคนเดียว
3.เจ้าสำนักลัทธิอุบาทว์ อวดอ้างว่าตัวเองบรรลุธรรมขณะยืนฉี่ ซึ่งเป็นฉี่หยดสุดท้าย
4.เจ้าสำนักลัทธิอุบาทว์ อวดอ้างตัวว่าเป็นพระสารีบุตรกลับชาติมาเกิดใหม่
5.เจ้าสำนักลัทธิอุบาทว์ แปลถ้อยคำในพระพุทธศาสนาผิดเพี้ยน ทำให้หลักธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผิดเพี้ยนไปหมด
การยึดถนน โดยมี กองทัพมาร มา เป็นกำลังหลัก เพื่อให้คนดูเยอะๆ นั้น จึงเป็นเรื่องที่ อันตรายต่อความมั่นคงของชาติ เป็นอย่างมาก เพราะเป็นการฉกฉวยโอกาสในการเผยแผ่หลักธรรม คำสั่งสอน ที่บิดเบือน ในบวรพุทธศาสนา เช่น การถ่ายภาพลงหนังสือพิมพ์ การเผยแผ่ผ่านสื่อทีวี สร้างภาพเพื่อให้คนนิยมชมชอบ ลัทธิอุบาทว์ นี้ โดยลืมที่จะสืบค้นประวัติเลวทรามของพวกมัน
ดูก่อน พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ที่อุ้มลูกจูงหลานไปร่วมม็อบพันธมารธิปไตย ท่านจะส่งเสริมให้ลัทธิอุบาทว์เสี้ยมสอนผู้คน ลูกหลานของท่าน ด้วยการจงใจ บิดเบือน หลักธรรมคำสอนของ องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ทำตัวเป็นฮีโร่ ในม็อบพันธมารฯ ท่านไม่ห่วงหรือว่าวันหนึ่งที่เขาสั่งสอนกันว่า ไม่ให้ยกมือกราบไหว้พ่อแม่ ต่อไปนี้ลูกเต้าจะไม่รู้จัก กตัญญูรู้คุณ ต่อ บุพการี ซึ่งถือเป็น ทิศเบื้องหน้า ตามหลักคำสอนเรื่อง ทิศหก ต่อไปนี้ ชาติไทยจะฉิบหายกันแค่ไหน? อย่างไร?
ตื่นเสียเถิด!
อย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัว! อีกต่อไปเลย...สาธุชน...สาธุ สาธุ