เปิดฉากด้วยการประกาศทุบหม้อข้าวหม้อแกง ไม่ชนะไม่กลับ รบแบบพระเจ้าตากฯตีเมืองจันท์ ตามด้วยยุทธศาสตร์สงคราม 9 ทัพเผด็จศึกพม่าที่ด่านเจดีย์ 3 องค์ เร้าด้วยการระดมขนเรือยางจากสันติอโศกมาลอยลำในคลองผดุงกรุงเกษมเพื่อบุกทั้งทางน้ำและทางบก ฮึกเหิมกันยกใหญ่แต่ก็ว่าไม่ได้ ในเมื่อเขาปั่นกระแสกันไว้แล้วว่าเป็น “สงครามกู้ชาติ” ก็ต้องเล่นกันให้สมบทสมบาท เร้าสถานการณ์ให้สมจริง ปลุกแนวร่วมให้ “อิน” ไปกับบททวงคืนแผ่นดิน เดิมพันสุดสายป่าน ทิ้งทวนครั้งสุดท้ายก่อนหมดปัจจัย มีอะไรก็ต้องใส่หมดหน้าตัก และก็ไม่น่าแปลกใจกับฉากการจัดทัพสู้รบของม็อบพันธมิตรฯที่ออกมา เพราะล่าสุด พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี แกนนำทหาร จปร.7 ยอมรับเองว่า มีนายทหาร จปร.7 บางส่วนเข้าร่วมการชุมนุมของม็อบพันธมิตรฯ แต่ทั้งหมดเป็นพวกที่ยึดหลักสันติอหิงสา สรุปว่า มีทีมช่วย “มหาจำลอง” พล.ต.จำลอง ศรีเมือง วางเกม ฝากผลงานประจักษ์มาแล้ว และก็เป็นตัวละครหน้าเดิมๆที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ม็อบพลิกบ้านพลิกเมือง ได้จังหวะโผล่มาตอนเข้าด้ายเข้าเข็ม “บิ๊กจิ๋ว” พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาเล่นบทถือหางม็อบพันธมิตรฯ วิเคราะห์การชุมนุมมีแนวโน้มที่จะถึงขั้นแตกหัก หากรัฐบาลยังคงไม่ออกมาแสดงความชัดเจนและพูดคุยกัน ฟันธงแบบไม่กั๊ก “บิ๊กจิ๋ว” บอกว่า เหลือเพียงการปฏิวัติเท่านั้น จึงจะสามารถยุติปัญหาความรุนแรง และความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทั้งหมดได้ แต่ก็มีติดติ่งห้อยท้าย “บิ๊กจิ๋ว” เสนอทางออกให้รัฐบาลในการยุติปัญหาทั้งหมด 3 ข้อ คือ การยุบสภา นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ลาออก เพื่อให้พรรคฝ่ายค้านจัดตั้งรัฐบาลใหม่ หรือพรรคฝ่ายค้านรวมกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมจัดตั้งรัฐบาล ชงแผนพลิกขั้วกันเลย โดยกระบวนท่าที่ต้องจับทางกันให้ดี “พ่อใหญ่” รับมุกใครมา แต่โดยท่าทางยังนิ่งอยู่ “ลุงหมัก” นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ยังคงปฏิบัติภารกิจปกติ โดยในช่วงเช้าของวันที่ 20 มิถุนายน ได้เดินทางไปประชุมเตรียมการประชุมสุดยอด อาเซียนที่กระทรวงการต่างประเทศ ทักทายรัฐมนตรีด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส สะกดร่องรอยของความกังวล แต่ที่ไม่สามารถกลบได้ ผลเสียหายที่เกิดขึ้นเต็มๆกับภาพลักษณ์ ของทำเนียบรัฐบาล ตกอยู่ในสภาพร้างชั่วคราว บรรยากาศในช่วงเช้าเป็นไปด้วยความเงียบเหงา ข้าราชการมาทำงานกันอย่างบางตาโดยมีข้าราชการขอลาหยุดงานเป็นจำนวนมาก ขณะที่บางส่วนก็เดินทางมาเซ็นชื่อเข้าทำงาน แล้วเดินทางกลับบ้านทันที โดยเฉพาะยิ่งใกล้เวลา 12.00 น. แทบจะไม่มีข้าราชการเหลืออยู่ในทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากไม่มั่นใจในสถานการณ์ความปลอดภัยในทำเนียบฯ และไม่ต้องพูดถึงนายกฯและรัฐมนตรี ไม่มีใครเดินทางเข้าทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลแม้แต่คนเดียว ม็อบเคลื่อนขบวนรุกถึงที่หมาย ยึดสัญลักษณ์ศูนย์กลางบริหาร แสดงพลังอำนาจเหนือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ก็เหลือแค่ “วัดใจ” ใครจะอึดกว่ากัน เพราะโดยอาการนิ่งสยบความเคลื่อนไหวของ “ลุงหมัก” ก็ต่อสายกับทหาร ซุ่มเกาะติดสถานการณ์อยู่ที่กองบัญชาการกองทัพไทยในฐานะ รมว.กลาโหม พร้อมออกคำสั่งได้ตลอดเวลา แต่ที่ไม่ชัวร์ว่า ตั้งใจจะปล่อยออกมากู้สถานการณ์หรือแค่เกม กับเงื่อนไขล่าสุดที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ อ้างข้อเสนอของวอร์รูมพรรคพลังประชาชน เสนอทางออกโดยให้พรรคประชาธิปัตย์ไปประสานกับม็อบพันธมิตรฯให้หยุดเคลื่อนไหว และพรรคพลังประชาชนจะเข้าชื่อให้เปิดสภาสมัยวิสามัญเพื่ออภิปรายทั่วไป โดยจะไปคุยกับนายกรัฐมนตรีให้ เนื่องจากรัฐบาลสามารถชี้แจงได้ อยู่แล้ว และต้องการให้เกิดความสงบเกิดขึ้นโดยใช้เวทีสภา แต่ข้อแม้ก็คือ กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต้องหยุดเคลื่อนไหว ผลักประชาธิปัตย์ไปอยู่กับม็อบเนียนเลย. ทีมข่าวการเมือง รายงาน