คอลัมน์ : โต๊ะข่าวประชาทรรศน์ เอกฉัตร
ในที่สุด กลุ่มพันธมารล้างผลาญประชาธิปไตย ซึ่งรวมตัวกันยึดพื้นที่ถนนราชดำเนิน เชิงสะพานมัฆวานฯ ตั้งเป็นอาณาจักรขึ้นมาใหม่ซ้อนกับราชอาณาจักรไทย ตั้งแต่คืนวันที่ 25 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยตั้งเงื่อนไขในการชุมนุมประท้วงในลักษณะได้คืบจะเอาศอก ได้ศอกจะเอาวา
เริ่มจากห้ามแก้รัฐธรรมนูญ ฉบับหน้าแหลมฟันดำ กากเดนของเผด็จการ พอรัฐบาลยอมถอย ก็ตั้งประเด็นใหม่ ต้องการขับไล่รัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวหาว่าเป็นนอมินีของระบอบทักษิณ
การตั้งประเด็นใหม่ ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นประเด็นเป้าหมายของการชุมนุมประท้วงครั้งนี้ การคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเพียงข้ออ้างให้ดูดีเท่านั้น เพราะขืนทะเล่อทะล่าชุมนุมประท้วงรัฐบาลที่เพิ่งทำงานแค่ 4 เดือน กลุ่มพันธมารเกรงว่าประชาชนจะมองว่าแพ้ไม่รู้จักแพ้ และยังเป็นการรักษาหน้าให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ที่ถูกสังคมจับตามองว่าอยู่เบื้องหลัง ซึ่งแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลัง
ผมก็ยังชมเชยว่า นานๆ จะได้ฟังนักการเมืองให้สัมภาษณ์เรื่องจริง เพราะการชุมนุมประท้วงของกลุ่มพันธมาร พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้อยู่เบื้องหลังจริงๆ แต่อยู่บนหน้าเวทีกันเลยทีเดียว
การยึดพื้นที่บนถนนราชดำเนิน จนกลายเป็นถนนจำลองเดินอยู่เกือบเดือนนั้น ประชาชนเริ่มชินชากับความเดือดร้อนของสภาพจราจรติดขัด
ทำให้กลุ่มพันธมารเปิดยุทธการดาวกระจาย โดยมีเป้าหมายกระจายความเดือดร้อนให้กับคนกรุงเทพได้รับทั่วกัน ในเรื่องของการจราจรติดขัด
การเปิดยุทธการดาวกระจาย รวมตัวกันไปสร้างความเดือดร้อนที่โน่นที่นี่ มีกำลังตำรวจคอยรักษาความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยให้อย่างดี ทั้งๆ ที่พวกกลุ่มพันธมารประกาศตัวอารยะขัดขืน ไม่ขึ้นกับรัฐบาลไทย แต่กับคนไทยซึ่งยอมทำตามกฎหมายไทยทุกประการ กลับถูกผลักไสให้เป็นพลเมืองชั้นสอง ต้องขวนขวายกันตัวใครตัวมันในการหาเส้นทางใหม่เพื่อส่งลูกส่งหลานไปโรงเรียน
เมื่อขับรถไปถึงหน้าโรงเรียนลูกหลานแล้ว ใครขืนจอดรถไว้ริมถนน ก็มีสิทธิ์จะถูกตำรวจจราจรมาล็อกล้อในทันทีที่ท่านลงจากรถไปส่งลูกส่งหลานในโรงเรียน
ในขณะที่พลเมืองจากอาณาจักรใหม่ที่มายึดพื้นที่ประเทศไทย กลับได้รับการดูแลอย่างดี ไม่ให้ใครดอดเข้าไปในบริเวณพื้นที่ของอาณาจักร
ผมเองเข้าใจตำรวจดีกับภารกิจที่สุดอึดอัด แต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อมันเป็นหน้าที่
แค่กลุ่มพันธมิตรฯ ถูกตีหัวแตก ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นพวกเดียวกันหรือไม่ เพื่อสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวาย ตำรวจถูกด่าหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ตำรวจต้องยืนรักษาความปลอดภัยให้กับคนที่ขึ้นเวทีพ่นน้ำลายด่าตำรวจ และสบประมาทว่าการทำงานของตำรวจหย่อนยาน กลุ่มพันธมารจะฮือบุกเข้าไปยึดทำเนียบวันไหนก็ได้
ซึ่งการใช้พื้นที่ถนนราชดำเนินตั้งเป็นอาณาจักรใหม่ซ้อนอาณาจักรไทย แกนนำของกลุ่มพันธมารได้ประกาศหลายต่อหลายครั้ง ไม่ชนะไม่เลิก และจะชุมนุมกันอย่างอหิงสา เมื่อยึดพื้นที่ถนนราชดำเนิน เชิงสะพานมัฆวานฯ เป็นอาณาจักรใหม่ได้เบ็ดเสร็จ และกำหนดให้เวทีปราศรัยเป็นมหาวิทยาลัยราชดำเนิน สอนวิชาด่านายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และคนที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่มพันธมาร ด้วยถ้อยคำหยาบๆ คายๆ ถ่ายทอดสดทางเคเบิลทีวี ตลอด 24 ชั่วโมง
แต่ในที่สุดก็ไม่สามารถทำตามที่พูดไว้ ซึ่งมีอยู่หลายสาเหตุ เช่น เสบียงเริ่มร่อยหรอ ประชาชนที่หลงเชื่อคำยุยงปลุกระดม เริ่มรู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงคืออะไร ส่วนคนที่ยังนั่งๆ นอนๆ ตากแดดตากฝนอยู่ล้วนเป็นคนหน้าเดิมๆ อาจจะเป็นเพราะมีคนรับมาแต่ไม่มีใครส่งกลับ และเงินยังรับไม่ครบกระมัง
ยิ่งหน้าฝนปีนี้มา มีฝนตกลงมาทุกวัน เหมือนกับฟ้าไม่เต็มใจ จึงเลือกตกในตอนกลางคืน คนฟังหน้าเวทียิ่งน้อยลงทุกวันๆ เสียงนกหวีดที่คุยกันว่าสามารถระดมคนได้เป็นล้านคน ก็ดังขึ้น ประกาศทุบหม้อข้าว บุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล ในวันศุกร์ที่ 20 มิถุนายนนี้ ไม่ชนะไม่เลิก
คนที่เหนื่อยที่สุดกับเสียงนกหวีดอันเหิมเกริมคงจะไม่พ้นตำรวจไทย ซึ่งจะเป็นด่านหน้าในการป้องกันไม่ให้กลุ่มคนที่ยึดพื้นที่ประเทศไทยตั้งเป็นอาณาจักรใหม่ และยังประกาศยึดทำเนียบรัฐบาลไทย
ส่วนแนวหลัง ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี จะเหนื่อยน้อยลง หากไม่ให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ทำหน้าที่เป็นคนเชียร์แขก เพราะให้สัมภาษณ์แต่ละครั้งแต่ละที เหมือนกับกวักมือให้คนมาร่วมชุมนุมเยอะๆ รัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช จะได้พ้นไปเสียที เพื่อฝันที่เป็นจริง อย่างไรอย่างนั้น