WeLoveOurKing
How to insert weloveking to you website

ทรงพระเจริญ

ขัตติยาอัด คอป แต่งนิทานโยนความผิดเสธ แดง 18 9 55

สถาบันกษัตริย์อยู่ได้ด้วยความจริง

ธงชัย วินิจจะกูล: Truth on Trial

สถาบันกษัตริย์ถึงเวลาต้องปรับตัว

ตุลาการผิดเลน !


ฟังกันให้ชัด! "นิติราษฎร์" ไขข้อข้องใจ ทุกคำถามกรณีลบล้างผลพวงรัฐประหาร





วิดีโอสอนการทำน้ำหมักป้าเช็ง SuperCheng TV ฉบับเต็ม 1.58 ชม.

VOICE NEWS

Fish




เพื่อไทย

เพื่อไทย
เพื่อ ประชาธิปไตย ขับไล่ เผด็จการ

Thursday, June 19, 2008

ปัญหาเคเบิลทีวี

คอลัมน์ : สิทธิประชาชน

ทันทีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวกับผู้ว่าราชการจังหวัดว่า ASTV มีรายการโดยเฉพาะถ่ายทอดสดการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มีผู้ปราศรัยเข้าข่ายผิดกฎหมายอาญา เมื่อเคเบิลทีวีในจังหวัดต่างๆ ถ่ายทอดรายการนี้ ก็ถือว่าร่วมกระทำผิดด้วย ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดไปจัดการ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน แล้วผู้ว่าราชการจังหวัดหลายจังหวัดไปขอร้อง หรือสั่งผู้ประกอบการเคเบิลทีวีหยุดถ่ายทอด ASTV บรรดาแกนนำ ผู้ปราศรัยบนเวทีพันธมิตรฯ สมาคมผู้ประกอบการเคเบิลทีวี องค์กรสื่อสารมวลชน และนักวิชาการ เรียงหน้าออกมาคัดค้านและโจมตีว่ารัฐบาลกำลังแทรกแซงเสรีภาพของสื่อมวลชน ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 46 และผิดกฎหมายอาญามาตรา 157 ผมขอแสดงความคิดเห็นต่อปัญหาเคเบิลทีวี

ก่อนที่จะเขียนถึงเคเบิลทีวี ผมขอย้ำอีกว่า ASTV (Asia Satellite Television) เป็นโทรทัศน์ที่มีผู้ชมทั่วประเทศ ผู้ดำเนินและจัดรายการส่วนใหญ่เป็นแกนนำของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเป็น “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ที่กำลังเป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้นั้น เป็นสถานีโทรทัศน์ของสาธารณรัฐประชาชนจีน สนธิรับจ้างจัดทำรายการเกี่ยวกับประเทศไทย ซึ่งผิดถูกพระราชบัญญัติวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์ และองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ อย่างไร เป็นคดีความฟ้องร้องที่ศาลอาญาและศาลปกครอง ระหว่างกรมประชาสัมพันธ์กับบริษัทของสนธิ

โดยศาลปกครองให้ความคุ้มครองชั่วคราวมากว่า 2 ปีแล้ว ปัญหาที่ รมว.มหาดไทย พูดถึงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานั้น ความผิดทางอาญาในข้อหาปลุกปั่นให้ประชาชนกระด้างกระเดื่องต่อรัฐ และทำผิดกฎหมาย เพราะผู้ปราศรัยเกือบทุกคนบอกให้ประชาชนลุกขึ้นขับไล่รัฐบาลทุกวิถีทาง เช่น ไม่เสียภาษี ค่าน้ำ ค่าไฟ ฯลฯ ซึ่งเคเบิลทีวีในหลายจังหวัดถ่ายทอดคำปราศรัยดังกล่าว ก็อาจเข้าข่ายกระทำความผิดทางอาญาข้อหานี้

แน่นอนว่า คำชี้แนะของ รมว.มหาดไทย ต่อผู้ว่าราชการจังหวัด ย่อมกระทบกระเทือนเสรีภาพของเคเบิลทีวี ซึ่งเป็นเสรีภาพของสื่อมวลชนที่รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 46 คือ เสรีภาพในการเสนอข่าวการชุมนุมของพันธมิตรฯ แต่เสรีภาพนี้ก็มีข้อจำกัด ดังกำหนดไว้ในวรรคสามว่า “การกระทำใดๆ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือเจ้าของกิจการ อันเป็นการขัดขวางหรือแทรกแซงการเสนอข่าวหรือแสดงความคิดเห็นในประเด็นสาธารณะของบุคคลตามวรรคหนึ่ง หรือวรรคสอง ให้ถือว่าเป็นการจงใจใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ และไม่มีผลบังคับ เว้นแต่เป็นการกระทำเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย หรือจริยธรรมแห่งการประกอบอาชีพ”

ปัญหาว่าผู้ว่าราชการจังหวัดซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามวรรคสามนี้ ใช้อำนาจใดสั่งหรือข้อร้องเคเบิลทีวีให้หยุดถ่ายทอดรายการของ ASTV ที่ถ่ายทอดสดการชุมนุมของพันธมิตรฯ ตามที่ผมรู้และเข้าใจ ผู้ว่าราชการจังหวัดใช้อำนาจในฐานะประธานคณะกรรมการประชาสัมพันธ์จังหวัด ผู้ที่รับผิดชอบดูแลการกระจายเสียงของวิทยุ โทรทัศน์ รวมทั้งเคเบิลทีวี เมื่อเห็นว่าเคเบิลทีวีบางแห่งในจังหวัดของตนถ่ายทอดสดรายการดังกล่าว 24 ชั่วโมง มีผลก่อให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกในสังคม และมีแนวโน้มให้ประชาชนกลุ่มสนับสนุนพันธมิตรฯ ทำผิดกฎหมายตามคำเรียกร้องของแกนนำพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดก็ต้องไปดูแลเคเบิลทีวีนั้นๆ ก็เหมือนกับช่วงขบวนการสนธิและการชุมนุมเดินขบวนของพันธมิตรฯ เมื่อต้นปี พ.ศ.2549 ก่อนรัฐประหาร 19 กันยายน และช่วงเผด็จการของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ผู้ว่าราชการจังหวัดหลายคนต้องขอร้องหรือสั่งเคเบิลทีวีหยุดถ่ายทอดรายการโจมตีรัฐบาล โจมตี คมช.

แต่ภายใต้สถานการณ์ที่มีการต่อสู้ทางความคิดการเมืองอย่างดุเดือด ระหว่างฝ่ายพันธมิตรฯ กับฝ่ายรัฐบาล ไม่เพียงแต่ ASTV โทรทัศน์ หรือสื่อมวลชนอื่นๆ ส่วนใหญ่เข้าข้างพันธมิตรฯ จึงมิได้เป็นสื่อมวลชนแท้จริง หากองค์กรโฆษณาทางการเมืองของพันธมิตรฯ รวมทั้งเคเบิลทีวีจำนวนหนึ่ง การสั่งการหรือขอร้องของผู้ว่าราชการจังหวัดต่อเคเบิลทีวี ย่อมถูกฝ่ายพันธมิตรฯ โจมตีว่าแทรกแซงเสรีภาพของสื่อมวลชนและผิดกฎหมายอาญา กฎหมายปกครอง หรือประกาศจะแจ้งความอาญา หรือฟ้องร้องต่อศาลปกครองอย่างแน่นอน

คงต้องไปว่ากันในศาลอีกหลายสิบคดี เพราะฝ่ายพันธมิตรฯ นอกจากอ้างเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญแล้ว ยังพยายามใช้ตุลาการภิวัตน์เป็นเครื่องมือต่อสู้ทางการเมืองของตน

จรัล ดิษฐาอภิชัย