บทความ โดย Bugbunny
มีข่าวมาว่าในที่ประชุมสภานายทหารใหญ่ของกระทรวงกลาโหมเมื่อไม่นานมานี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจากทั้งทหารและพลเรือนได้ทำการประเมินกำลังของฝ่ายที่ขัดแย้งกันอยู่ในขณะนี้ว่าฝ่ายใดจะเกิดการต่อต้าน “แรง” กว่า ถ้าหากมีปฏิบัติการใด ๆ รวมทั้งการยึดอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเกิดขึ้น คำว่า“แรง”ในที่นี้ไม่ได้หมายความถึงแนวความคิด การเคลื่อนไหวต่อต้าน หรือแม้แต่กำลังไฟของแต่ละฝ่าย ในระหว่างการปะทะต่อสู้ ฯลฯ แต่หมายรวมไปถึงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นภายหลังการยึดอำนาจและผ่านการต่อสู้ขั้นต้น อันจะมีโอกาสให้เกิดสภาพอนาธิปไตยสัมบูรณ์ และการไร้ขื่อแปหรือที่เรียกกันว่า Chaos ของบ้านเมืองด้วย
คนที่ออกมาพูดเองและยืนยันว่า “เสื้อแดง” แรงกว่านั้นคือนายทหารใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในกองทัพที่กังวลกับการต้านจากฝ่ายนี้ว่าจะมีทั้งประสิทธิภาพ ความยืดเยื้อ การพลิกแพลงทางยุทธวิธี รวมทั้งการกระจายออกไปทั่วทุกเขตจังหวัดอย่างกว้างขวางจนเอาไม่อยู่ หรือกว่าจะอยู่ก็จะต้องใช้เวลานานมาก ที่สำคัญก็คือ พวกเสื้อแดงส่วนใหญ่ไม่ใช่กลุ่มจัดตั้งที่มีหัวหน้าสายดูแล ยกเว้นบางกลุ่ม แต่มันเป็นมวลชนที่ต่อสู้ด้วยอุดมคติความคิดความแค้นที่สั่งสมกันมาในช่วงสองสามปีนี้ การปฏิบัติการต่าง ๆ จึงไม่มีแผนที่เป็น Master Plan และการฝึกฝนแบบหน่วยทหาร ไม่ได้ไร้วินัย แต่น่าจะดำเนินการตอบโต้กับสัญลักษณ์ทุกชนิด ทุกองค์กร ที่ประกาศจุดยืนอยู่ข้างฝ่ายเสื้อเหลือง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออกแบบใดเช่นงานศพที่ไปร่วม รวมทั้งหน่วยทหารที่ตอนนี้ถือว่าเป็นพวกเสื้อเหลืองชัดเจนจากการออกมาขู่นายกให้ลาออก การต่อต้านจะเป็นแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน อย่างแน่นอน
พึงเข้าใจว่า กระบวนการปฏิบัติการของทหารนั้น เน้นที่
วิเคราะห์ได้ชัดเจนว่า นี่คือสาเหตุสำคัญสาเหตุหนึ่งที่ยุทธการยึดเมืองครั้งนี้ยังต้องรี ๆ รอ ๆ แม้จะมี “คำสั่งยุทธการ” ที่เด็ดขาดชัดเจนมาแล้วหลายครั้ง รวมทั้งยังมีการเร่งรัดอยู่ตลอดเวลาจากคุณน้าผู้เอาแต่ใจตัวเองและไม่มีใครกล้าขัดใจ การรั้งรอนี้ไม่ใช่จะไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง เพียงแต่กังวลว่าเมื่อยุทธการยึดเมืองสำเร็จได้แล้ว จะต้องผจญกับอะไร ยาวนานแค่ไหน เพราะตอนนี้ฝ่ายเสื้อแดง “ชัดเจน” แล้วว่าจะตอบโต้ศัตรูกลุ่มไหนบ้าง จำนวนก็มากพอที่เล่นเกมยาว ไม่ใช่จะต้องจบกันในไม่กี่วัน มีสิทธิเกิดสงครามกลางเมืองสูง ตามมาด้วยการจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น จนถึงขั้นสหประชาชาติมาแทรกแซงด้วยกองกำลังรักษาสันติภาพ หรืออาจมีการแยกประเทศเกิดขึ้น ฯลฯ หน่วยทหารจึงต้องคิดมากไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามจนทำให้คนเอาแต่ใจตัวเองหงุดหงิดอย่างมาก แต่มันก็ชี้ชัดได้อย่างหนึ่งว่า สายการบัญชาที่เคยเข้มแข็งนั้นมันอ่อนล้าลง เพราะมีผู้กล้าขัดใจเกิดขึ้นแล้ว จากที่เคยต้องยอม ๆ กันเมื่อสมัย 19 กันยา
จาก thaifreenews