ที่มา thaifreenews
บทอวสาน..ตอนที่ 5 เปาปุ้นจิ้น ตอนแม่แลกลูก ..
รักษาสถานภาพแม่หรือรักษาชีวิตลูก
ตอนที่ 5 อาญาแผ่นดิน คืนสู่ผู้ละเมิด
โดย : คุณก็รู้ว่าใคร
วันเสาร์ที่ 6 เดือน ธันวาคม พ.ศ.2551
บทอวสาน..ตอนที่ 5 เปาปุ้นจิ้น ตอนแลกลูก รักษาสถานภาพแม่หรือรักษาชีวิตลูก ตอนที่ 5 อาญาแผ่นดิน คืนสู่ผู้ละเมิด
ตอนสุดท้ายของเบญจภาคนี้ รู้กันซะทีว่าเรื่องจะจบลงอย่างไร
ติดตามด้วยความบันเทิงเริงใจได้ ณ .บัดนี้ เชิด..ด..ด.ด..ด.
ตอนที่ 5 อาญาแผ่นดิน คืนสู่ผู้ละเมิด
ความเดิม
ภายหลังจาก สนมท้วม ได้ร่วมมือกับแม่ทัพ หม่าพงเผ่า สังหารมหาขันทีเฒ่าได้สำเร็จ ก็คิดว่าแผนการต่างๆจะลุล่วงไปด้วยดี แต่เสนาบดี เปา ปุ้น จิ้น ผู้ดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม ก็ได้เข้ามาแทรกระหว่างแผนการณ์ที่ราบลื่นของนาง นางจะทำเช่นไร ความลับของแผ่นดินจะถูกเปิดเผยหรือไม่ ต้องติดตาม
“เปรี๊ยะ..ๆๆๆ..”
เสียงสายตาของหญิงสาวทั้งสองพลันประสานกันอย่างจัง
สายตาของสนมท้วมเปล่งประกายอำมหิตยิ่งนัก
แต่ทว่า หญิงสาวชาวบ้านก็มิยอมหลบสายตาของสนมท้วมเช่นกัน
“เปรี๊ยะๆๆ..ๆๆ”
เสียงสายตาทั้งสองดังขึ้นอีกครั้ง ฉับพลันในใจของสนมท้วม ฉุกคิดว่า สายตาคู่นี้นาง เคยเห็นที่ใดมาก่อนหรือไม่
“เปรี๊ยะ ..ๆๆๆๆ”
เสียงสายตากระทบกันดังลั่นเหมือนแผ่นดินทั้งโลกจะถล่มทลาย..ลงตรงหน้า
(เวอร์ไปมั๊ง...แต่สายตาผู้หญิงล้วนมีพลังลึกลับซ่อนเร้นอันคมกริบอยู่แล้วนี่...ซ่อนอะไรไว้หาเจอหมดทุกอย่าง..เฮ้อ.....ผู้เขียน..)
“อุแว้..อุแว้..อุแว้..”พลันอีกเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาระหว่างเสียงสายตาทั้งสองนั้น
สนมท้วมก้มลงมองยังต้นเสียง.......ถึงกับตะลึงงัน มองเด็กน้อยในอ้อมกอดด้วยความตกใจ พลางอุทานเบาๆ
“มิน่า.....สายตาที่ข้าว่าคุ้นเคยมาจากไหน....
สายตาของเจ้าเด็กคนนี้ช่างเหมือนกับสายตาของหญิงสาวนางนั้นจริงๆ..หรือว่า....”
“ท่านสนมท้วมเป็นเช่นไรไปหรือ...”
“ไหนบุตรของท่าน ข้าขอชมเป็นบุญตาสักหน่อย ซื้อบัตรเข้าชมได้ที่ไหนหรือท่าน”
ท่านเปาปุ้นจิ้นส่งเสียงขึ้นมาแทรกระหว่างกลางบรรยากาศที่กดดันอย่างยิ่งพร้อมมุขตบท้ายที่กะว่าต้องฮาอุจจาระแตกอุจจาระแตนแน่...แต่ทว่า......
...ฮากริบ......เงียบงัน
....ไม่มีสัญญานตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียกใดๆทั้งสิ้น
ยามนี้ แม้เพียงเสียงเข็มตกสักเล่มย่อมได้ยินดังประหนึ่งเสียงกัปนาทของสายฟ้าที่พุ่งลงมาฟาดพื้นพสุธาเลยทีเดียว
แต่..เข็มยังมิทันตก...เสียงของสนมท้วมก็ดังขึ้น
“..ซื้อคูปอง..ที่เคาเตอร์ด้านหน้าตำหนัก อยากดูนัก..ได้เลย ซื้อสามใบ แถม หนึ่งใบ ช่วงนี้เท่านั้น ด่วน...”
สนมท้วมพูดแกมประชดประชัน ต่อด้วยเสียงพูดปนสะอื้น
“ลูกของใครใครก็รัก ท่านเปาปุ้นจิ้นคงมิเคยมีบุตรมาก่อน จึงมิทราบว่า ความรักของคนที่เป็นพ่อเป็นแม่ของลูกนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด”
“..ข้าต้องอุ้มท้องเค้า..ถึงเก้าเดือน กว่าจะคลอดออกมาก็เจ็บปวดทรมาน จนแทบจะขาดใจ....แต่เมื่อได้เห็นบุตรชายของข้าอาการครบ 32 สุขภาพแข็งแรง ก็แทบหายเจ็บปวดเป็นปลิดทิ้ง..”
สนมท้วมเปิดคอร์ส อบรมการบรรยายวิธีการตั้งครรภ์แก่ท่านเปาปุ้นจิ้น
“ยามลูกชายของข้าร้องไห้ เสียงของเค้าไปบาดหัวใจข้าแทบทุกครั้ง..ข้าพร้อมยอมทำสิ่งใดก็ได้เพื่อให้ลูกข้ามีความสุข ”
“ข้าสละได้แม้กระทั่ง..ชีวิตของตนเอง เพื่อลูกน้อยของข้า....”
“เช่นเดียวกัน เมื่อข้าได้ขึ้นเป็นฮองเฮา พสกนิกรทุกคนก็เหมือนกับลูกของข้า ข้าย่อมดูแลและพร้อมสละได้ทุกอย่างเพื่อพสกนิกรของข้า...เช่นกัน....”
สนมท้วมพูดพลางร่ำไห้ปานแทบจะขาดใจ ไปพลาง เหมือนแม่พระผู้อารีกระไรเช่นนี้
บรรยากาศในตำหนักยามนี้เต็มไปด้วยความซาบซึ้งและเห็นใจ ในบทประพันธ์ที่สนมท้วมแต่งขึ้นมา.....จริงหรือ..
เสนาบดีเปา ปุ้น จิ้นถึงกับอึ้งกิมกี่เมื่อได้ เห็นภาพและได้ยินเสียงระบบดอลบี้สเตอริโอเซอร์ราวด์รอบทิศทางเช่นนั้น พลันคิดแวบนึงขึ้นมาในใจ
“หรือมันจะเป็นเรื่องจริง สนมท้วมเป็นแม่ที่แท้จริงของเด็กชาย..แล้วหญิงสาวชาวบ้านคนนั้นเล่า......”
พลันคิดอีกแวบนึงขึ้นมาอีก
“แล้วเรื่องที่ องครักษ์-บ้านนา-นครนายก จั่นเจา เล่าให้ฟัง มิใช่เรื่องจริงหรือไร.....”
พลันคิดอีกแวบของอีกแวบขึ้นมาอีกแล้ว
“มีทางเดียวที่จะพิสูจน์ได้.......”
“ท่านสนมท้วมอย่าน้อยใจไปใยเลย” ท่านเปาปลอบใจ
“ข้ามิเคยมีบุตรแต่อย่างใดจึงมิอาจทราบความรักดั่งท่านกล่าวเช่นนั้นจริง”
“แต่ยังมีหญิงสาวคนหนึ่งก็มีความรู้สึกเช่นท่านเหมือนกัน”
เสนาบดีเปาปุ้นจิ้น ตัดสินใจใช้วิธีนี้เพื่อเปิดเผยความจริง
“องค์รักษ์จั่น ท่านช่วยนำแม่นางที่อยู่ด้านหลังท่านออกมาพบสนมท้วมโดยเร็วเถิด..”
“รับทราบ ขอเชิญแม่นางออกมาด้านหน้า ส่งเด็กน้อยในมือมาให้ข้าอุ้มไว้ก่อนนะแม่นาง”
จั่นเจา รับคำสั่งท่านเปาพร้อมทั้งอาสาดูแลเด็กหญิงเอง
หญิงสาวนิรนามเดินออกมาจากด้านหลังองค์รักษ์จั่น แล้วส่งเด็กหญิงในอ้อมอกให้อุ้ม
สนมท้วมสะดุ้งเล็กน้อย แต่เก็บอาการอยู่ เมื่อเห็นท่านเปาปุ้นจิ้น เรียกสาวชาวบ้านออกมา
แต่ก็โล่งใจ เมื่อเห็นสาวชาวบ้านนั้นเต็มตา พลางคิดในใจ
“ช่างรากหญ้าเสียนี่กระไร ผอมแห้งแรงน้อยแบบนี้ สง่าราศีไม่มีซะเลย เจ้าเปาหน้าดำ คงไม่มีทางเชื่อน้ำคำของมันแน่ เชอะ..”
“หญิงนางนี้คือผู้ใดหรือท่านเปา ท่านจึงยกนางขึ้นมาเทียบความเจ็บปวดของข้า ในฐานะผู้เป็นแม่ของฮ่องเต้ในอนาคตคนนี้ได้”
สนมท้วมพูดยกตนเองพลางหมิ่นหญิงสาวนิรนามด้วยสายตาหยามเหยียดไปด้วย
“เรียนท่านสนมท้วม หญิงสาวนางนี้เดินทางมาจากแดนไกลมาหาข้าที่ศาลไคฟง”
เปาปุ้นจิ้นตอบแล้วหันไปมองหน้าหญิงสาว
“นางผู้นี้อ้างว่า เมื่อเดือนก่อน นางได้คลอดบุตรชายมาคนหนึ่ง แต่ถูกโจรใจหยาบ มาขโมยลูกของนางไป แล้วทิ้งเด็กสาวคนหนึ่งไว้ให้แทน
นางไม่ยอมรับ แต่ เจ้าโจรชั่วบอกให้รับๆไปก่อน แล้วค่อยมาแก้ทีหลัง (..คุ้นไหม...รับๆไปก่อนแล้วค่อยมาแก้ทีหลัง แล้วเป็นไง..ผู้เขียน) นางไม่ยินยอม โจรใจทรามจึงใช้วิชามารพรากลูกออกไปจากอก 32 ของหล่อน”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วยเล่า..หา ท่านเปา .ใครคลอดลูก ใครโดนโจรลักขโมย ท่านก็ต้องพามาหาข้าทุกคนหรือ..ฮึ”สนมท้วมถามทำหน้ามึน
“มิใช่เช่นนั้น...แต่นางผู้นี้อ้างว่าคนที่มาขโมยลูกชายของนางไป นางจำได้แม่น เนื่องจากเห็นภาพในหนังสือพิมพ์ยืนคู่กับผู้นำของโจรก่อการร้ายพันธมิตรอยู่บ่อยๆ และคนนั้นคือ มหาขันทีเฒ่า ที่อยู่ในตำหนักของท่านนั่นเอง..”เปาปุ้นจิ้น ถามรุกไล่
“....ไม่มีทางเป็นไปได้...มหาขันที อยู่กับข้าตลอดเวลา 9เดือน ไม่เคยคลาดสายตา มีบางช่วงที่ออกไปร่วมชุมนุมที่ทำเนียบเป็นครั้งคราว แต่ก็ไม่นาน แล้วอีกอย่าง ท่านมหาขันที จะขโมยบุตรชายของนางมาทำไมกัน”
สนมท้วมปฎิเสธด้วยสีหน้านิ่งเฉย
“อีกอย่าง ท่านเชื่อคำกล่าวอ้างของหญิงสาวรากหญ้าคนนี้ด้วยหรือ ดูลักษณะท่าทางเป็นพวก 18 มงกุฎ ประกวดมาแล้วหลายเวที ชัดๆ”
“แล้วว่าที่ฮองเฮาอย่างข้า ไม่สามารถทำให้ท่านเชื่อคำข้าได้บ้างเลยหรือ ท่านเปา ท่านอย่าดีกว่า...ลืมเสียดีกว่า ลืมซะเรา บอกตัวเองเฝ้าแต่บอกตัวเองว่าอย่าดีกว่า เปาอย่าดีกว่า..”
สนมท้วมย้ำถึงตำแหน่งและอำนาจวาสนาของตนในภายภาคหน้าประกอบบทเพลงของไมโคร ชุดแรก
“เป็นดังท่านว่า..จริงๆ..ข้ามิบังอาจไม่ไว้ใจคำพูดของท่านได้... ข้ามิได้เชื่อคำพูดเลื่อนลอยของนางเลย”
เปาปุ้นจิ้นกล่าว
“แต่ด้วยข้านึกถึงบารมีของท่านในภายหน้า จึงอยากจะนำหญิงสาวชาวบ้านนี้ มาเปิดหูเปิดตาได้รับชมบารมีและวาสนาว่าที่ฮองเฮาของท่านสนมท้วม ถึงที่ตำหนักด้วยตนเอง “
“และก็อยากจะพิสูจน์ให้นางได้เห็นกันชัดเจนว่า ที่แท้เด็กชายน้อยซึ่งจะเป็นฮ่องเต้ในภายหน้าไม่มีวันที่จะเป็นลูกชายของนางไปได้เด็ดขาด”
“ในเมื่อมาถึงที่แล้ว จึงอยากรบกวนท่านสนมท้วม ร่วมกับข้า แสดงให้เห็นถึงบุญญาธิการของว่าที่ฮองเฮาด้วยกันเถิด”
เปาปุ้นจิ้น เยินยอสนมท้วมซะ...ตัวลอย
สีหน้าของสนมท้วมแดงกล่ำ แสดงถึงความพึงพอใจและเขินอายที่ถูกเยินยอซึ่งๆหน้าจากเสนาบดีเปาปุ้นจิ้น
“ท่านก็กล่าวยกย่องข้าเกินไป เอาละ..เอาละ..ในเมื่อเป็นประสงค์ของท่านเปา เทพเจ้าแห่งความยุติธรรมที่ต้องการจะสั่งสอนนางที่พูดพล่อยๆ ข้าจะร่วมด้วย ท่านจะให้ข้าทำอย่างไรหรือ”
สนมท้วมเอ่ยถามด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง เนื้อตัวเต้นเร่าๆ ด้วยรู้ว่าอนาคตฮองเฮาอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว
(ช่วงนี้ถ้าท่านใดทนไม่ไหวจะออกไปอ้วก ก่อนก็ได้นะครับ เผื่อจะเอียน..ผมอ้วกเรียบร้อยแล้ว..ผู้เขียน)
“ข้าขออนุญาตรบกวนท่านสนมท้วมนำบุตรชายมาให้ข้าพเจ้าอุ้มสักครู่ ได้ไหม”
เปาปุ้นจิ้นกล่าวกับสนมท้วม ที่ตอนนี้ทำอะไรไม่ถูกได้แต่เขินอาย ม้วนไปมา
จากตัวที่กลมอยู่แล้วพอบิดไปมา ทำให้เห็นเป็นปล้องๆได้ชัดเจน ดูไปคล้ายๆแหนมดอนเมืองยังไงยังงั้นเลย
“ทำไมจะไม่ได้ ผู้ที่มีจิตใจสูงส่งอย่างข้าและลูกชายตัวน้อย ถ้ามีผู้ใดมาขอชมบารมี ข้าก็ย่อมอนุญาต มิรังเกียจ”
สนมท้วมตอบ พลางสั่งแม่นมให้อุ้มเด็กชายไปให้ท่านเปาได้ชมเป็นขวัญตา ถึงแม้จะยังไม่ได้ซื้อคูปองก็ตามเถอะ
เมื่อเสนาบดีเปาปุ้นจิ้น ได้รับเด็กจากแม่นมมาอยู่ในมือ ก็เพ่งพินิจพิจารณาเด็กชายอย่างใกล้ชิด
เด็กชายเมื่อมาอยู่ในอ้อมแขนของท่านเปา
ก็นิ่งเงียบ และเพ่งพินิจพิจารณาท่านเปาอย่างใกล้ชิด เช่นกัน..(เพ่งทำไม..เป็นเด็กเป็นเล็กจะเพ่งไปทำไม..ผู้เขียน)
ท่านเปาพลันเอ่ยปาก
“ดี..ดีมาก...จั่นเจา ....ท่านช่วยหานำหญิงนิรนามมาใกล้ๆข้าหน่อย แล้วรบกวนท่านสนมท้วมเดินมาใกล้ๆข้าเช่นกัน”
จั่นเจานำหญิงสาวนิรนามเดินมาใกล้ท่านเปาปุ้นจิ้น
แต่แทบทุกก้าวของหญิงสาวนิรนามแทบจะเป็นก้าวที่หนักอึ้ง และยาวนาน ด้วยความปิติ ที่จะได้เห็นใบหน้าบุตรชายของตนเองอีกครั้ง จนความเป็นแม่แทบจะพาร่างนางทะยานเข้าไปกอดลูกน้อยโดยมิช้าเลย
“เด็กคนนี้ใช่ไหม ที่เจ้าอ้างว่าเป็นลูกของเจ้า.....เจ้าถือดีอย่างไรจึงกล่าวร้ายสนมท้วมเช่นนี้”
เปาปุ้นจิ้น ตะคอกใส่หญิงนิรนาม หญิงสาวตกตะลึงปากคอสั่น มิคาดคิดเหตการณ์จะเป็นเช่นนี้
“เราจะมาพิสูจน์กันว่า เจ้าจะเป็นแม่ของเด็กคนนี้หรือไม่ ไม่รู้ว่าเจ้ามีความเป็นแม่เพียงใดแสดงให้ข้าเห็นบ้าง”
เปาปุ้นจิ้นพูดพลางจ้องหน้าของหญิงนิรนามเขม็ง
“ก่อนอื่น...ขอเชิญสนมท้วมมาใกล้ๆข้าด้วยอีกคนเพื่อแสดงถึงความเป็นแม่ ความรักของแม่ ที่มีต่อลูก และพลังของแม่ ให้หญิงสาวที่น่าไม่อายนางนี้ได้ประจักษ์ด้วยเถิด”
สนมท้วมได้ยินดังนั้นจึงเดินเข้าไปหาเปาปุ้นจิ้นด้วยความมั่นใจว่า ตนเองจะต้องพิสูจน์ซัก ขาว สะอาด ให้ทุกคนเห็นได้แน่
“เมื่อทั้งสองคนพร้อมแล้ว ข้าขอประกาศดังนี้ ผู้ใดที่สามารถแย่งเด็กชายปักเทกไท คนนี้ไปจากข้าได้ก่อน ถือว่าผู้นั้นเป็นมารดาที่แท้จริงของเด็กชายอย่าง มิต้องสงสัย......เชิญทั้งสองคนประจำที่ เตรียม ระวัง....เริ่ม...”
ตั้งแต่ที่สนมท้วมได้ยินการพิสูจน์ของเปาปุ้นจิ้น ก็นึกขันในใจ ว่า เจ้าเปาหน้าดำคิดอะไรตื้นๆ ด้วยรูปร่างท้วมๆของข้า ดีดนางนั่นเบาๆก็กระเด็นแล้ว อย่าว่าแต่แย่งเลย คิดได้ดังนั้นก็กระหยิ่มในใจ งานนี้ พวกเราชนะแน่
พลันนึกวางแผนในการช่วงชิงเด็กมาให้ได้
ก่อนอื่น เราต้องหาหมากมาเดินแทน หนุนหลังมันให้ป่วนแผ่นดินให้ล่มจม บังคับเรียกร้องและกดดันให้ทุกคนยอมเป็นพวกมัน ใครไม่ยอม ด่ามันว่าไม่รักชาติ
ให้มันลืมเรื่องของเราเพราะมัวแต่ฟื้นฟูเศรษฐกิจของตนเอง จนลืมเรื่องรอบตัว แล้วเราก็จะ....ก็จะ ค่อยๆ...เดินตามแผนของเราต่อไป
เราต้องแย่งเด็กคนนี้มาให้ได้ ไม่ว่าวิธีใด ไม่อย่างนั้น......
สถานภาพฮองเฮาของเราจะต้องกลายเป็นความฝันแน่ๆ
อีกด้านหนึ่ง หญิงสาวนิรนาม จิตใจไม่ได้ครุ่นคิดอะไรเพราะสายตามัวแต่จับจ้องอยู่กับใบหน้าของลูกน้อย
ลูกเอ๋ย...ลูกของข้า...ดูเจ้าสิ ช่างมีความสุขซะเหลือเกิน ดูรอยยิ้มของเจ้าสิ ช่างสดใส สมแล้วที่เป็นสยามเมืองยิ้ม
เจ้าต้องเติบโตมาเป็นคนดีแน่นอน เจ้าจะต้องได้รับการยอมรับจากคนทั่วโลก ความน่าเชื่อถือในตัวเจ้าจะมากกว่าใครไหนๆในแถบถูมิภาคเดียวกันและใกล้เคียง เจ้าจะทำให้ครอบครัวของเรายืดหน้าภาคภูมิใจได้ไปอีกนานแสนนาน ปักเทกไท ลูกแม่ แม่ภูมิใจในตัวลูกเหลือเกิน
“เริ่มได้”เสียงดังข้างๆหูทำให้หญิงนิรนามกลับมาสู่ความจริงอีกครั้ง
กำลังจะเอื้อมมือเข้าไปยังเด็กน้อยในมือเสนาบดีเปาปุ้นจิ้น
แต่..ช้าเพียงเสี้ยว มืออันอวบอ้วนได้พุ่งผ่านมือของนางไปโดยเร็ว มืออวบอ้วนนั้นได้ถึงก่อนมือของนางแล้วหรือ..
หญิงนิรนามมิยอมท้อ ใช่กำลังทั้งหมดส่งไปที่ปลายมือ ทำให้พุ่งทะยานไปถึงทันพร้อมกับมืออันอวบอ้วนนั้นเช่นกัน
มือทั้งสองข้างของนางทั้งสองคน .....ต่างถึงที่หมายพร้อมๆกัน
สนมร่างท้วมพลันใช้วิชากรงเล็บมังกร จกลงไปตรงแขนซ้ายของเด็กน้อยนามปักเทกไท
เด็กน้อยร้องจ้าดังลั่น น้ำหูน้ำตาไหลรินออกมาเป็นเต่าเผา ด้วยความเจ็บปวด
สนมท้วมยังมิยั้งมือใช้มือขวาท่านางพญาเหยี่ยว สอดไปจกตรงหน้าอกของเด็กน้อยหวังว่าจะตระครุบไว้ให้แน่นขึ้น
มือบางๆไร้เรี่ยวแรงของหญิงนิรนามก็ถึงตัวเด็กน้อยเช่นกันแต่ ได้แต่แตะเพียงเบาๆที่ต้นขาของเด็กน้อยแล้วก็พยายามใช้อีกมือดันปัดกรงเล็บมังกรออกไปจากตัวเด็ก
สนมท้วมมิลังเล สะบัดฝ่ามือตบฉาดเข้าที่ใบหน้าของหญิงสาวนิรนาม แล้วพลิกกลับมาใช้ท่อนแขนล็อคคอของเด็กน้อยเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบ
เด็กน้อยแทบหายใจไม่ออก หยุดร้องโดยทันที
สนมท้วมดูท่าทีเป็นต่อแล้วกระชากเด็กน้อยออกมาจากเปาปุ้นจิ้น โดยเร็ว
มือบางๆของหญิงนิรนามมิได้หันกลับมาปกป้องใบหน้าตนเองจึงโดนตบเสียงดังสนั่นไปถึงดอนเมือง
แต่นางกลับใช้อีกมือนึงพยายามแกะท่อนแขนของสนมท้วมออกจากคอเด็กชายปักเทกไทที่ดูเหมือนจะขาดอากาศหายใจ .....โธ่....ลูกแม่....นางตัดสินใจปล่อยทุกอย่างไปตามเกม
พริบตาเดียว สนมท้วมก็ได้ตัวเด็กชายปักเทกไท มาไว้ในอ้อมแขนตนเองแล้วยืนประกาศเสียงดังด้วยความดีใจ
“พวกเราชนะแล้ว.....พวกเราชนะแล้ว......”
หญิงนิรนามพลางสะอึกสะอื้น นางเจ็บปวดอะไรรึ ..มิใช่ นางมิได้เจ็บปวดจากฝ่ามือที่ฟาดมายังใบหน้าของนาง
นางเสียใจเรื่องอันใดรึ..ปล่าวเลย..มิใช่อีก นางเสียใจที่เห็นลูกชายของนางต้องเจ็บปวด จากกรงเล็บที่จิกลงบนเนื้อเด็กน้อยที่เพิ่งเกิดลืมตาดูโลกได้ไม่นาน
ความเจ็บปวดของลูกชาย..ทำนางแทบขาดใจ
“พวกเราชนะแล้ว พวกเราชนะแล้ว “เสียงของสนมท้วมยังดังก้องไปทั่วตำหนักสุวรรณภูมิ
“เห็นไหมท่านเปาปุ้นจิ้น ข้าเป็นผู้ชนะ ข้าแย่งชิงเด็กคนนี้มาได้แล้ว เห็นไหม “
สนมท้วมพูดด้วยความปิติยินดีปรีดา
“ข้าคือแม่ที่แท้จริงของเด็กคนนี้..ท่านเปาต้องนำมันไปประหารเดี๋ยวนี้เลยนะ ก่อนประหารควรตัดสินยุบพรรคพร้อมตัดสิทธิ์ทางการเมืองมันไปเลยอีก 5 ปีก็ได้ ข้าไม่ว่าอะไร ฮ่าๆๆ ข้าชนะแล้ว”
“องครักษ์-บ้านนา-นครนายก จั่นเจา......เตรียมเครื่องประหารหัวสุนัขได้....ตัดสิน ประหาร...ร..ร.ร.ร.ร.ร.”
เสนาบดีเปาปุ้นจิ้น ตัดสินใจจากผลการพิสูจน์ ท่านเห็นด้วยตาตนเองมาตลอดเกม
“จากผลการพิสูจน์ของข้าเมื่อสักครู่ สนมท้วมได้เด็กน้อยไปครอบครองด้วยกำลังที่เหนือกว่า จะเรียกว่ากฎหมู่เหนือกว่ากฎหมายก็ได้ แต่เด็กชายปักเทกไท ก็บอบช้ำซะเหลือเกิน....”
“ส่วนหญิงนิรนาม ซึ่งเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในเกม แต่การกระทำของนางทำให้ข้ารู้สึกถึงคำว่า แม่ อย่างแท้จริง
มิมีแม้แต้น้อยที่นางคิดจะลงมือรุนแรงกับเด็กน้อย ทั้งยังคอยเฝ้าระวังไม่อยากให้เด็กน้อยได้รับความเจ็บปวด
สองมือของนางมีแต่คอยปัดเป่า และปกป้องเด็กน้อยอยู่ตลอดเวลา แม้ตัวของนางเองจะมีอันตรายใดๆนางก็พร้อมที่จะยอมแลกชีวิตเพื่อเด็กคนนี้อย่างเต็มที่”
เปาปุ้นจิ้นอธิบายคำตัดสิน
“ถึงแม้ยามคับขันที่เด็กน้อย ปักเทกไทนี้อาจจะถึงแก่อันตรายถึงชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ นานาชาติก็เริ่มจะลดอันดับความน่าเชื่อถือลงไปทุกที เศรษฐกิจก็มีแต่จะล่มจมลงไปทุกวัน...ทุกวัน..มองไม่เห็นทางสว่างใดๆ”
“นางตัดสินใจสละทุกอย่าง ปล่อยทุกอย่างด้วยมิอาจทนเห็นเด็กน้อยคนนี้เจ็บปวดไปมากกว่านี้ อีกแล้ว”
“ช่างแตกต่างกับท่าทีของสนมท้วมเป็นยิ่งนัก”
“ห่วงรักษาสถานภาพของตนเองเป็นหลัก มิได้ห่วงรักษาชีวิตเด็กน้อยคนนี้เลย”
“ทำไมเป็นเช่นนั้นน่ะหรือ.......”
ท่านเปาปุ้นจิ้นหยุดหันไปสบตาของหญิงนิรนาม
“ก็เพราะเจ้าคือ.......แม่ที่แท้จริงของเด็กชายปักเทกไท คนนี้นั่นเอง ..ง..ง.ง.”
“ข้าขอตัดสิน.....ประหาร..ร..ร.ร.ร..ร..ร..ร.ร.ร..ร.ร.ร.ร.ร.. .สนมท้วม บัดเดี๋ยวนี้...........”
“ปิดศาล...ล...ล.ล.ล.ล.ล.ล.ล.ล.ล.ล.ล.ล.ล......................”
“แด.....วู...วู.................วู......วู........วู.........วู........(โฆษณาแฝงสปอนเซอร์เล็กน้อย....ผู้เขียน)
“แด.......วู.......วู......วู......วู....
ยามย่ำสนธยา แสงแดดอ่อนๆเริ่มลับหายไปที่ปลายสุดของฟากฟ้า
หญิงนิรนามนางหนึ่งเดินอุ้มลูกน้อยทั้งสองคนหญิงชาย
นาม ปักเทกไท (ประเทศไทย)และ เซียวเล่งนุงสี่สุง(รัฐธรรมนูญ 40 )
เดินลับหายตามแสงสุดท้ายอย่างช้าๆ พร้อมรำพึงกับเด็กน้อยทั้งสองอย่างแผ่วเบา
“พวกเราชนะแล้ว..........”
โกวเล้ง เคยกล่าวไว้ว่า
ในชั่วชีวิตของคนเรา ความจริงมีเรื่องราวที่ มิว่าผู้ใดก็ต้องอับจนปัญญา นับเป็นโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชั่วชีวิต...
เป็นความเจ็บปวดสุดซึ้งที่สุด ของชั่วชีวิต พบพานกับเรื่องเช่นนี้...
ท่านไม่มีปัญญากระเสือกกระสนดิ้นรน ไม่มีปัญญาต่อสู้ขัดขืนไม่มีปัญญาปฏิเสธตัดรอนเลย
แม้นับว่าท่านยินยอมให้ร่างกาย เป็นผุยผงตกอเวจีไปชั่วกัปกัลป์ยังคงไม่อาจเหนี่ยวรั้งที่ท่านสูญเสียให้กลับมาได้
อาจบางทีท่าน...
ความจริงมิเคยได้มันมาเลย.................ตลอดกาลนาน
จบบริบูรณ์
อุทิศให้กับชาติและประชาธิปไตย ที่อาจบางทียังมิเคยได้มันมาเลย.....ตลอดกาลนาน