ที่มา เดลินิวส์
ถามว่า ปี 2551 ควรได้รับฉายาว่าอะไร
คำตอบคือ เห็น ๆ อยู่ น่าจะมีฉายาได้ มากถึง 4 ฉายา
ฉายาแรกคือ ปีม็อบเบ่งบาน หรือ ม็อบเฟื่องฟู ไม่พอใจอะไร จัดตั้งม็อบเป็นดีที่สุด
ฉายาที่สอง คือ ปีใช้นายกฯ เปลือง เพียงปีเดียวมีนายกรัฐมนตรีถึง 4 คน คงไม่มีประเทศไหนเหมือนไทยอีกแล้ว
ฉายาที่สามคือ ปีเคราะห์ซ้ำ กรรมซัด บ้านเมืองอื่นเขามีปัญหาแค่ด้านเศรษฐกิจ แต่บ้านเรามีปัญหาทั้งเศรษฐกิจและการเมือง แล้ว จะมีอะไรเหลือหรือนี่ แค่เศรษฐกิจอย่างเดียว ก็ยังเอาตัวรอดไม่ได้แล้ว นี่ดันมีเรื่องการเมืองเข้ามายุ่งเกี่ยวอีกด้วย จึงเหมาะสมเหลือเกินที่จะมีคนบอกว่า ปี 2552 คือ เผาจริง
และ ฉายาสุดท้ายคือ ปีทีเด็ดผู้ลี้ภัย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ แต่มีฤทธิ์เดชไม่เบาสามารถมีบทบาททางการเมืองของไทยไม่น้อยไปกว่าสมัยที่ตัวเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อ “ทักษิณ” ไม่ยอมนิ่ง การเมืองบ้านเราก็ไม่นิ่งเช่นกัน
ปี 2551 วุ่นวายไม่หยุดหย่อน ก็เพราะเพียง คนไม่กี่คน แต่คนทั่วประเทศต้องรับกรรมโดยที่ไม่รู้เหนือรู้ใต้อะไร และนักการเมืองทั้งหลายก็ไม่ยอมเปลี่ยนพฤติกรรมแบบเดิม ๆ ในเมื่อการเมืองคือตัวนำเศรษฐกิจแล้ว เศรษฐกิจจะไม่พังได้อย่างไร นอกจากนี้ กฎหมายไม่ใช่กฎหมาย มีบุคคลที่สามารถทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ ทุกสิ่งทุกอย่าง จึงเลอะจนยากแก่การแก้ไข
ถ้าถามว่า คนไทยอยากได้อะไรในปี 2552 เชื่อว่า ทุกคนจะตอบเหมือน ๆ กันว่า อยากได้ 9 สิ่ง ดังต่อไปนี้
สิ่งแรก ความสมานฉันท์ เลิกเสียทีสำหรับเสื้อเหลืองเสื้อแดง และหันมาจับมือกันพัฒนาประเทศเหมือนในสมัยก่อน ๆ ณ เวลานี้ เรากำลังประสบปัญหา ความแตกแยก จนแทบหมดความหวัง ใส่เสื้อขาวไปไหนมาไหน ก็ยังมีคนมาบอกว่าใส่เสื้อขาวไม่ได้ ต้องเลือกว่าจะใส่สีเหลืองหรือสีแดง มิฉะนั้นอันตราย
สิ่งที่สอง ความเข้าใจ โดยเฉพาะความเข้าใจระหว่าง นายจ้างกับลูกจ้าง ใครเป็นลูกจ้างและยังมีงานทำอยู่ถือว่าโชคดีและมีบุญ ดังนั้นลูกจ้าง จะต้องเข้าใจ นายจ้างให้มาก ๆ จะเรียกร้องอะไรขอให้อยู่ใน ขอบข่ายของความเป็นไปได้
สิ่งที่สาม ความอดทน คงไม่มีอะไรที่จะอยู่แบบจีรังถาวร เศรษฐกิจไม่ดี สักวันต้องกลับมาดีจนได้ ดังนั้นความอดทนเท่านั้นที่จะทำให้เราทุกคน ฟันฝ่าอุปสรรคไปได้
สิ่งที่สี่ ความประหยัด แม้ความประหยัดจะทำให้เงินในตลาดมีน้อยลง แต่ ณ เวลานี้ แต่ละคนต้อง เอาตัวรอด ให้ได้ก่อน การใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจะทำให้คนไทย ล่มจม ได้ในเร็ววัน
สิ่งที่ห้า ความเผื่อแผ่ เห็นบางบริษัท มีนโยบายลดเวลาทำงานของพนักงานและเกลี่ยให้ทุกคนไม่ถูกไล่ออกจากงานแล้วมีความรู้สึกที่ดี ถ้าพนักงานมีความเผื่อแผ่ ยอมสละสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อส่วนรวม บริษัทนั้นย่อมอยู่รอดได้
สิ่งที่หก ความจริง เท่าที่ผ่านมา เราไม่ค่อยจะยอมรับความเป็นจริงเท่าใดนัก ถ้าจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างดีขึ้นก็ต้องแก้ ไม่ใช่ทำ ดัดจริต เป็นว่า ยังไงยังไงก็ไม่แก้เอาแค่ นายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง ก็ต้องรีบแก้ไขโดยด่วนแล้ว เมื่อไม่มีผู้มาจากการเลือกตั้งเหมาะสม ต้องใช้คนนอกเป็น ก็ควรจะรีบแก้ไขรัฐธรรมนูญเสีย
สิ่งที่เจ็ด ความนิ่ง ตราบใดที่การเมืองไม่นิ่ง เปลี่ยนรัฐบาล เหมือนเปลี่ยนกระดาษเช็ดหน้า แล้วเราจะเห็นเสถียรภาพของรัฐบาลได้อย่างไร โครงการต่าง ๆ นโยบายต่าง ๆ ไม่มีวันเกิดขึ้นได้ นายกรัฐมนตรีบางคนยังจัดโต๊ะทำงานยังไม่เสร็จดีก็มีอันต้องหลุดพ้นจากตำแหน่ง ไปแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้บ้านเมืองจะไม่มีวันพัฒนาได้
สิ่งที่แปด ความเสียสละ อยากเห็นนักการเมืองและผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมือง เห็นประโยชน์ของส่วนรวม มากกว่า ประโยชน์ส่วนตน หรือ ของพรรคพวก ความเสียสละไม่ใช่พูดแค่ปาก การกระทำให้เห็นนั้นสำคัญเป็นที่สุด
และสิ่งสุดท้าย คือ ความฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก เมื่อเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว จะได้มี ดีมานด์จากต่างประเทศ แล้วการส่งออกของไทยย่อมจะดีขึ้นเอง
หวังไว้ว่า ฝันข้างต้นนี้จะเป็นจริง ถ้าเป็นจริงไม่ได้ก็ขอได้ฝัน เพราะความฝันเป็นสิ่งที่งดงาม ได้หรือไม่ได้ย่อมดีกว่า ไม่คิดไม่ฝันอะไรเลย.
อนุภพ