* หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ รายวัน ฉบับประจำวันจันทร์ที่ 10 มีนาคม 2551 จงรัก ภักดีราช รายงานตัว เข้าประจำการหน้าสี่ ที่นี่เหมือนเดิม เพื่อเติมเต็มส่วนที่ขาดของข้อมูลข่าวสารอันจำเป็นต่อการพิจารณาวิเคราะห์สถานการณ์ของประชาชน
* ดังเช่นที่ กลุ่มเบญจพิษ หรือ ห้าโจรปล้นประชาธิปไตย “ธิ-ลอง-ใส-ภพ-สมศักดิ์” ว่าไว้ ไม่น่าจะผิด กลียุคใกล้มาถึงแล้ว นับแต่ที่ พวกมันทั้ง 5 โผล่หัวออกมานั่นล่ะ คือสัญญาณแรกของหายนะ และกลียุค ในยุทธจักรร่ำลือกันว่า พวกมันทั้ง 5 ย่ำเท้าไปที่ไหน ที่นั่นจะหาความสงบสุขได้เป็นไม่มี เนื่องเพราะ พวกมันทั้ง 5 ถือเอาความแหลกราญของบ้านเมืองเป็นความสำเร็จสูงสุด เป็นเครื่องดับความใคร่ของตนเอง
* มิใช่ไม่มีหนทางแห่งการดับกลียุคที่พวกมันทั้ง 5 ก่อขึ้นได้ ไฟประลัยกัลป์ที่พวกมันจะนำมาเผาบ้านเผาเมืองซ้ำเป็นครั้งที่ 2 นั้น ดับง่ายนิดเดียว หากพวกเราพากัน ถ่มน้ำลายคนละครั้งลงไปยังหน้าพวกมัน เท่านั้น ก็จะดับกลียุคที่จะเกิดแก่บ้านเมืองของเราอย่างได้ผล เจอหน้าพวกมันทั้ง 5 ที่ไหน ก็ เสียสละน้ำลายกันคนละเล็กคนละน้อย เพื่อความร่มเย็นของปวงชนชาวไทยทั้งชาติ
* ไม่รู้ว่าประเทศชาติและประชาชนไปทำอะไรให้พวกมันขุ่นข้องหมองใจ หรือ มีใครไปถ่ายรดหัวมารดามัน จึงทำให้พวกมันอาฆาตแค้น ไม่ยอมให้ประเทศชาติได้สงบสุข และประชาชนอยู่กันอย่างร่มเย็น
* พวกมันมิใช่มีเพียง 5 ดังที่พบเห็น ยังมีอีกหลายตัว (คน) ที่แอบซ่อนอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งไม่ได้แตกต่างจากแหล่งซ่องสุมกำลังของพวกมัน ทั้ง สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ และอดีตผู้ร่วมก่อการ...กับพวกมัน ทั้งหญิงและชายที่เป็นคนสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ อาทิ กัลยา โสภณพนิช สำราญ รอดเพชร ประพันธ์ คูณมี บุญยอด สุขถิ่นไทย และผู้สนับสนุนกำลังใจคนสำคัญ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
* พรรคประชาธิปัตย์ กับ กลุ่มเบญจพิษ แม้นไม่ใช่หนึ่งเดียวกันในแง่องค์กร แต่ก็เป็น หนึ่งเดียวกันในมุมมองของเป้าหมาย คือล้มรัฐบาล แย่งชิงอำนาจรัฐ พวกมันจึงช่วยเหลือเกื้อกูล แลกเปลี่ยนบุคคล ถ่ายเทพลัง ทำให้ผู้คนสับสนและหลงกล ตามเคล็ดวิชา จริงคือลวง ลวงคือจริง เนื่องเพราะเช่นนี้เองเราจึง มิอาจพิเคราะห์พรรคประชาธิปัตย์ในซีกร่างที่เป็นพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย แต่เพียงด้านเดียว ยังมีอีกซีกร่างหนึ่งที่จะต้องพิจารณา ในฐานะ ผู้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทแน่นกับเหล่าเบญจพิษ ด้วย
* เหตุแห่งการกลับมารวมตัวกันเพื่อฟื้นฟูเครือข่ายเบญจพิษที่อ้างขึ้นมาแต่ละข้อ หาใช่ข้อเท็จจริงที่มีพยานปรากฏหลักฐานประกอบ หากแต่เป็นความคิดและจินตนาการอันชั่วร้ายเท่าที่พวกมันจะนึกขึ้นได้ในเวลานั้น หาใช่ความจริงแม้แต่เรื่องเดียว กลับไปอ่านแถลงการณ์ของพวกเบญจพิษอีกสักรอบ ท่านจะได้พบว่ามีแต่คำว่า “เชื่อว่า” “น่าจะ” “ถ้า” และ “จะ” อยู่เต็มไปหมด เพียงเพราะพวกมันเชื่อว่า การกลับมาของ ทักษิณ ชินวัตร จะทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆ ขึ้นมากมายเท่าที่พวกมันจะนึกได้ และเพื่อจะกำจัดทักษิณ พวกมันจึงคิดเผาประเทศไทย คิดกันดังนี้ถูกต้องแล้วหรือ
* เปรียบเสมือนมีคนที่เราไม่ชอบเดินผ่านหน้าบ้านเรา เราก็คิดไปต่างๆ นานาว่าเขามาดูลาดเลาเพื่อจะมาแอบเผาบ้านเรา หรือหากมากับคนแปลกหน้า ก็เชื่อว่าน่าจะพามือปืนมายิงเรา หรือหากเดินก้มหน้าก้มตาไม่เงยหน้าสบตาเรา ก็น่าจะเพราะมีความคิดชั่วแอบอยู่ในใจ จึงไม่กล้าสบตาเรา เมื่อความคิดชั่วร้ายเข้าครอบงำจิตใจเราโดยสมบูรณ์ เราก็เลยปลุกระดมคนทั้งซอย รุมกระทืบและฆ่ามันให้ตายเสียเลย โดยไม่ต้องสนใจว่าจินตนาการชั่วร้ายของเราจะถูกหรือผิด
* บรรทัดนี้ขอแสดงความเสียใจกับ สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย ที่ฉีกหน้ากากประจานตัวเอง ด้วยการประกาศชื่อ ตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ที่ต้องลาออกจากตำแหน่งบรรณาธิการเพราะถูกศาลสั่งจำคุกฐานเสนอข่าวเท็จ ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย เป็น กรรมการจริยธรรมของสมาคมนักข่าว นอกจากฉีกหน้ากากตัวเองแล้ว ยังเป็น การตบหน้าศาล และตอบโต้คำพิพากษาของศาล อย่างสะใจเหล่าสมาชิกอีกด้วย
* โชคดีเหลือหลายที่นับแต่เป็นนักข่าวมาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ เข้าปีที่ยี่สิบพอดิบพอดี จงรัก ภักดีราช ไม่เคยเป็นสมาชิกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย จึงไม่ต้องรู้สึกตะขิดตะขวงใจที่อาจจะถูกกรรมการจริยธรรมของสมาคมนักข่าวเรียกไปสอบสวน ชี้แจง การเขียนความจริง ที่ทำให้สมาคมฯ และกรรมการสมาคมฯ รู้สึกว่าได้รับความเสียหาย เพราะถึงอย่างไรก็ไม่ไปอยู่แล้ว
* นี่ก็อีกราย เถกิง สมทรัพย์ ลาออกจากการเป็นผู้บริหารคลื่นวิทยุเอฟเอ็ม 105 เดินติดตูด เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ไปอีกราย ตามวิสัยลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ เมื่อนายอยู่ไม่ได้ เถกิงก็ไม่อยู่ แล้วก็ไปแอบซ่องสุมกำลังกันอยู่ที่ไทยพีบีเอส ซึ่งกำลังจะ กลายสภาพจากโทรทัศน์สาธารณะ เป็นโทรทัศน์ปฏิปักษ์รัฐบาล หรือเป็น ASTV สาขาสอง นั่นเอง
* มีประเด็นต้องพิจารณาคือ เถกิง สมทรัพย์ มีตำแหน่งเป็นนายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ฯ เป็นหนึ่งใน 15 กรรมการสรรหาคณะผู้บริหารไทยพีบีเอสชุดถาวร ในเร็วๆ นี้ ดังนั้นการที่ กรรมการสรรหาไปเป็นลูกจ้างของไทยพีบีเอส นั้นมัน เหมาะสมแล้วหรือ เป็นความขัดแย้งแห่งผลประโยชน์ต่อกันหรือไม่ ในฐานะกรรมการสรรหา และลูกจ้าง
* ก่อนจากกันวันนี้ จงรัก ภักดีราช อยากจะเตือนสติบรรดาข้าราชการที่ชอบอ้างความเป็น “ข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” เป็นเกราะป้องกันตัวเอง ต้องไม่ลืมว่า รัฐบาลก็เป็นรัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัฐมนตรีก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งทุกคน ก่อนเข้าทำงานก็เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนถ้วนหน้า
* รัฐบาลนี้มาตาม วิถีแห่งประชาธิปไตย จากพลังของประชาชน ไม่ใช่รัฐบาลที่มาด้วย วิถีโจรที่ได้อำนาจมาจากการปล้น รัฐมนตรีชุดนี้มิได้ กำเนิดมาจากความใคร่ของเผด็จการ ที่ปฏิสนธิกับสันดานชั่วของสื่อมวลชนบางคน และนักวิชาการบางพวก หากแต่มาตามความชอบธรรมของกฎหมาย ด้วยการเลือกสรรของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
* ย้อนคิดไปเมื่อปีก่อน เมื่อวันที่ท่าน สยบยอมต่ออำนาจเผด็จการ คุกเข่า คลานสี่เท้า คลอเคลียเลีย ท็อปบู๊ต เคยคิดบ้างไหมว่าเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ศักดิ์ศรีของท่าน นอกจากใช้แลกกับตำแหน่งที่เผด็จการโยนมาให้แล้ว ยังมีเหลือไว้ให้ลูกหลานชื่นชมอีกบ้างไหม
* บางคนถึงกับ ถอดครุยผู้พิพากษา หันหลังให้กับการปฏิบัติหน้าที่ในพระปรมาภิไธยของในหลวง ไปรับใช้เผด็จการสุดตัวสุดหัวใจ แต่พอถึงวันที่เผด็จการตายจากไป ก็กลับมาอ้างว่าเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คนแบบนี้ยังมีที่ให้ยืนในแผ่นดินไทยก็บุญโขแล้ว
* ประชาธิปไตย กับ เผด็จการ ก็เหมือนน้ำกับน้ำมัน ไม่มีวันเข้ากันได้ เมื่อวันนี้รัฐบาลประชาธิปไตยเข้ามาทำหน้าที่ตามอาณัติที่ประชาชนมอบให้ จึงจำเป็นที่จะต้องกำจัดคราบน้ำมันที่เผด็จการทิ้งไว้ให้หมดเสียก่อน เพราะหากปล่อยไว้ จะทำให้เกิดมลพิษต่อระบอบประชาธิปไตย ได้แต่เตือนสติรัฐบาล อย่าได้อ่อนไหวกับกระแสต่อต้าน หากว่าจะต้องมีการโยกย้ายข้าราชการที่ฝักใฝ่เผด็จการกันต่อไป เพื่อกำจัดคราบไคลของเผด็จการให้หมดสิ้นไป ก็ขอให้รู้ว่า ประชาชนที่เจ็บปวดเพราะเผด็จการยังยืนอยู่ข้างท่านตลอดเวลา
* ดังเช่นที่ กลุ่มเบญจพิษ หรือ ห้าโจรปล้นประชาธิปไตย “ธิ-ลอง-ใส-ภพ-สมศักดิ์” ว่าไว้ ไม่น่าจะผิด กลียุคใกล้มาถึงแล้ว นับแต่ที่ พวกมันทั้ง 5 โผล่หัวออกมานั่นล่ะ คือสัญญาณแรกของหายนะ และกลียุค ในยุทธจักรร่ำลือกันว่า พวกมันทั้ง 5 ย่ำเท้าไปที่ไหน ที่นั่นจะหาความสงบสุขได้เป็นไม่มี เนื่องเพราะ พวกมันทั้ง 5 ถือเอาความแหลกราญของบ้านเมืองเป็นความสำเร็จสูงสุด เป็นเครื่องดับความใคร่ของตนเอง
* มิใช่ไม่มีหนทางแห่งการดับกลียุคที่พวกมันทั้ง 5 ก่อขึ้นได้ ไฟประลัยกัลป์ที่พวกมันจะนำมาเผาบ้านเผาเมืองซ้ำเป็นครั้งที่ 2 นั้น ดับง่ายนิดเดียว หากพวกเราพากัน ถ่มน้ำลายคนละครั้งลงไปยังหน้าพวกมัน เท่านั้น ก็จะดับกลียุคที่จะเกิดแก่บ้านเมืองของเราอย่างได้ผล เจอหน้าพวกมันทั้ง 5 ที่ไหน ก็ เสียสละน้ำลายกันคนละเล็กคนละน้อย เพื่อความร่มเย็นของปวงชนชาวไทยทั้งชาติ
* ไม่รู้ว่าประเทศชาติและประชาชนไปทำอะไรให้พวกมันขุ่นข้องหมองใจ หรือ มีใครไปถ่ายรดหัวมารดามัน จึงทำให้พวกมันอาฆาตแค้น ไม่ยอมให้ประเทศชาติได้สงบสุข และประชาชนอยู่กันอย่างร่มเย็น
* พวกมันมิใช่มีเพียง 5 ดังที่พบเห็น ยังมีอีกหลายตัว (คน) ที่แอบซ่อนอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งไม่ได้แตกต่างจากแหล่งซ่องสุมกำลังของพวกมัน ทั้ง สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ และอดีตผู้ร่วมก่อการ...กับพวกมัน ทั้งหญิงและชายที่เป็นคนสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ อาทิ กัลยา โสภณพนิช สำราญ รอดเพชร ประพันธ์ คูณมี บุญยอด สุขถิ่นไทย และผู้สนับสนุนกำลังใจคนสำคัญ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
* พรรคประชาธิปัตย์ กับ กลุ่มเบญจพิษ แม้นไม่ใช่หนึ่งเดียวกันในแง่องค์กร แต่ก็เป็น หนึ่งเดียวกันในมุมมองของเป้าหมาย คือล้มรัฐบาล แย่งชิงอำนาจรัฐ พวกมันจึงช่วยเหลือเกื้อกูล แลกเปลี่ยนบุคคล ถ่ายเทพลัง ทำให้ผู้คนสับสนและหลงกล ตามเคล็ดวิชา จริงคือลวง ลวงคือจริง เนื่องเพราะเช่นนี้เองเราจึง มิอาจพิเคราะห์พรรคประชาธิปัตย์ในซีกร่างที่เป็นพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย แต่เพียงด้านเดียว ยังมีอีกซีกร่างหนึ่งที่จะต้องพิจารณา ในฐานะ ผู้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทแน่นกับเหล่าเบญจพิษ ด้วย
* เหตุแห่งการกลับมารวมตัวกันเพื่อฟื้นฟูเครือข่ายเบญจพิษที่อ้างขึ้นมาแต่ละข้อ หาใช่ข้อเท็จจริงที่มีพยานปรากฏหลักฐานประกอบ หากแต่เป็นความคิดและจินตนาการอันชั่วร้ายเท่าที่พวกมันจะนึกขึ้นได้ในเวลานั้น หาใช่ความจริงแม้แต่เรื่องเดียว กลับไปอ่านแถลงการณ์ของพวกเบญจพิษอีกสักรอบ ท่านจะได้พบว่ามีแต่คำว่า “เชื่อว่า” “น่าจะ” “ถ้า” และ “จะ” อยู่เต็มไปหมด เพียงเพราะพวกมันเชื่อว่า การกลับมาของ ทักษิณ ชินวัตร จะทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆ ขึ้นมากมายเท่าที่พวกมันจะนึกได้ และเพื่อจะกำจัดทักษิณ พวกมันจึงคิดเผาประเทศไทย คิดกันดังนี้ถูกต้องแล้วหรือ
* เปรียบเสมือนมีคนที่เราไม่ชอบเดินผ่านหน้าบ้านเรา เราก็คิดไปต่างๆ นานาว่าเขามาดูลาดเลาเพื่อจะมาแอบเผาบ้านเรา หรือหากมากับคนแปลกหน้า ก็เชื่อว่าน่าจะพามือปืนมายิงเรา หรือหากเดินก้มหน้าก้มตาไม่เงยหน้าสบตาเรา ก็น่าจะเพราะมีความคิดชั่วแอบอยู่ในใจ จึงไม่กล้าสบตาเรา เมื่อความคิดชั่วร้ายเข้าครอบงำจิตใจเราโดยสมบูรณ์ เราก็เลยปลุกระดมคนทั้งซอย รุมกระทืบและฆ่ามันให้ตายเสียเลย โดยไม่ต้องสนใจว่าจินตนาการชั่วร้ายของเราจะถูกหรือผิด
* บรรทัดนี้ขอแสดงความเสียใจกับ สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย ที่ฉีกหน้ากากประจานตัวเอง ด้วยการประกาศชื่อ ตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ที่ต้องลาออกจากตำแหน่งบรรณาธิการเพราะถูกศาลสั่งจำคุกฐานเสนอข่าวเท็จ ทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย เป็น กรรมการจริยธรรมของสมาคมนักข่าว นอกจากฉีกหน้ากากตัวเองแล้ว ยังเป็น การตบหน้าศาล และตอบโต้คำพิพากษาของศาล อย่างสะใจเหล่าสมาชิกอีกด้วย
* โชคดีเหลือหลายที่นับแต่เป็นนักข่าวมาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ เข้าปีที่ยี่สิบพอดิบพอดี จงรัก ภักดีราช ไม่เคยเป็นสมาชิกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย จึงไม่ต้องรู้สึกตะขิดตะขวงใจที่อาจจะถูกกรรมการจริยธรรมของสมาคมนักข่าวเรียกไปสอบสวน ชี้แจง การเขียนความจริง ที่ทำให้สมาคมฯ และกรรมการสมาคมฯ รู้สึกว่าได้รับความเสียหาย เพราะถึงอย่างไรก็ไม่ไปอยู่แล้ว
* นี่ก็อีกราย เถกิง สมทรัพย์ ลาออกจากการเป็นผู้บริหารคลื่นวิทยุเอฟเอ็ม 105 เดินติดตูด เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ไปอีกราย ตามวิสัยลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ เมื่อนายอยู่ไม่ได้ เถกิงก็ไม่อยู่ แล้วก็ไปแอบซ่องสุมกำลังกันอยู่ที่ไทยพีบีเอส ซึ่งกำลังจะ กลายสภาพจากโทรทัศน์สาธารณะ เป็นโทรทัศน์ปฏิปักษ์รัฐบาล หรือเป็น ASTV สาขาสอง นั่นเอง
* มีประเด็นต้องพิจารณาคือ เถกิง สมทรัพย์ มีตำแหน่งเป็นนายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ฯ เป็นหนึ่งใน 15 กรรมการสรรหาคณะผู้บริหารไทยพีบีเอสชุดถาวร ในเร็วๆ นี้ ดังนั้นการที่ กรรมการสรรหาไปเป็นลูกจ้างของไทยพีบีเอส นั้นมัน เหมาะสมแล้วหรือ เป็นความขัดแย้งแห่งผลประโยชน์ต่อกันหรือไม่ ในฐานะกรรมการสรรหา และลูกจ้าง
* ก่อนจากกันวันนี้ จงรัก ภักดีราช อยากจะเตือนสติบรรดาข้าราชการที่ชอบอ้างความเป็น “ข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” เป็นเกราะป้องกันตัวเอง ต้องไม่ลืมว่า รัฐบาลก็เป็นรัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัฐมนตรีก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งทุกคน ก่อนเข้าทำงานก็เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนถ้วนหน้า
* รัฐบาลนี้มาตาม วิถีแห่งประชาธิปไตย จากพลังของประชาชน ไม่ใช่รัฐบาลที่มาด้วย วิถีโจรที่ได้อำนาจมาจากการปล้น รัฐมนตรีชุดนี้มิได้ กำเนิดมาจากความใคร่ของเผด็จการ ที่ปฏิสนธิกับสันดานชั่วของสื่อมวลชนบางคน และนักวิชาการบางพวก หากแต่มาตามความชอบธรรมของกฎหมาย ด้วยการเลือกสรรของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
* ย้อนคิดไปเมื่อปีก่อน เมื่อวันที่ท่าน สยบยอมต่ออำนาจเผด็จการ คุกเข่า คลานสี่เท้า คลอเคลียเลีย ท็อปบู๊ต เคยคิดบ้างไหมว่าเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ศักดิ์ศรีของท่าน นอกจากใช้แลกกับตำแหน่งที่เผด็จการโยนมาให้แล้ว ยังมีเหลือไว้ให้ลูกหลานชื่นชมอีกบ้างไหม
* บางคนถึงกับ ถอดครุยผู้พิพากษา หันหลังให้กับการปฏิบัติหน้าที่ในพระปรมาภิไธยของในหลวง ไปรับใช้เผด็จการสุดตัวสุดหัวใจ แต่พอถึงวันที่เผด็จการตายจากไป ก็กลับมาอ้างว่าเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คนแบบนี้ยังมีที่ให้ยืนในแผ่นดินไทยก็บุญโขแล้ว
* ประชาธิปไตย กับ เผด็จการ ก็เหมือนน้ำกับน้ำมัน ไม่มีวันเข้ากันได้ เมื่อวันนี้รัฐบาลประชาธิปไตยเข้ามาทำหน้าที่ตามอาณัติที่ประชาชนมอบให้ จึงจำเป็นที่จะต้องกำจัดคราบน้ำมันที่เผด็จการทิ้งไว้ให้หมดเสียก่อน เพราะหากปล่อยไว้ จะทำให้เกิดมลพิษต่อระบอบประชาธิปไตย ได้แต่เตือนสติรัฐบาล อย่าได้อ่อนไหวกับกระแสต่อต้าน หากว่าจะต้องมีการโยกย้ายข้าราชการที่ฝักใฝ่เผด็จการกันต่อไป เพื่อกำจัดคราบไคลของเผด็จการให้หมดสิ้นไป ก็ขอให้รู้ว่า ประชาชนที่เจ็บปวดเพราะเผด็จการยังยืนอยู่ข้างท่านตลอดเวลา