ปลัดยุติธรรมไม่กลัวน้ำร้อน เตือนรัฐบาลอย่าเหลิงอำนาจ มุ่งคิดบัญชีล้างแค้น ให้เลิก ลด ละ ทุจริต ผลประโยชน์ทับซ้อน ชาติจะพ้นวิกฤติ รองอธิการ มธ. ชี้ไม่เร่งแก้ปัญหาภายใน 3 ปี ถึงนองเลือด...!!!
ปลัดยุติธรรมคือ นายจรัญ ภักดีธนากุล...รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือ มธ. คือ นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล...
เป็นการโปรยสรุปของหัวข้อข่าวๆ หนึ่งบนหน้าหนังสือพิมพ์ที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง...???
น่าจับตามองเพราะ หนึ่ง ดูเหมือนฝ่ายเผด็จการอำมาตยาธิปไตย กำลังคิดว่า ประเด็นการโยกย้ายข้าราชการของรัฐบาลขณะนี้ จะเป็นเรื่องที่จุดติด...
จุดติดที่จะพาไปสู่การลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลประชาธิปไตย อันเป็นเป้าหมายของฝ่ายอำมาตยาธิปไตยในขณะนี้ หลังพลพรรคฝ่ายอำมาตยาธิปไตยพ่ายแพ้ต่อการเลือกตั้งทั่วไปที่ผ่านมา
ที่เห็นชัดคือ เป็นการพ่ายแพ้ต่อเสียงของประชาชนที่ต้องการระบอบประชาธิปไตย มากกว่าระบอบอำมาตยาธิปไตย...!!!
เหตุผลที่เชื่อเช่นนั้นเพราะ ประเด็นการโยกย้ายข้าราชการน่าจะเบา น่าจะทุเลาลง หลังรัฐบาลได้ชี้แจงเหตุและผลให้สังคมได้รับรู้ไปชั้นหนึ่งแล้ว
ทั้งน่าจะเบา น่าจะทุเลาลง หลังประชาชนส่งเสียงยืนยันให้รัฐบาลทำหน้าที่ล้างสมุนเผด็จการที่ฝังตัวอยู่ในระบบข้าราชการได้อย่างชอบธรรม โดยเฉพาะต่อเรื่องของการโยกย้าย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส
แต่ไย นายจรัญ ภักดีธนากุล ปลัดกระทรวงยุติธรรม จึงออกมาสุมไฟในเรื่องนี้ขึ้นอีก
สุมไฟขณะที่นายจรัญเองก็ตกเป็นข่าวอาจถูกโยกย้าย เพราะเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนให้เกิดการรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549 แต่ก็ได้รับการปฏิเสธไปแล้วก่อนหน้านี้จากรัฐมนตรียุติธรรม...???
การออกมาแสดงความเป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมือง สอนสั่งรัฐบาล ขณะที่นายจรัญอยู่ในฐานะข้าราชการระดับสูงที่ต้องรับนโยบายจากรัฐบาลไปปฏิบัติ จึงมองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจาก นายจรัญกำลังยั่วยุ...ยั่วยุเพื่อให้เกิดอะไรขึ้นบางอย่าง...ยั่วยุเพื่อให้กลุ่มใดใช้ประโยชน์จากการยั่วยุนี้...???
และยังมองเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากนายจรัญคนนี้แหละ คือภาพสะท้อนรากเหง้าของฝ่ายอำนาจนิยมอำมาตยาธิปไตยที่สังคมกำลังค้นหา กำลังก่นด่ากันอยู่อย่างไม่ต้องสงสัย...
นายจรัญคนนี้แหละ คือฝ่ายอำมาตยาธิปไตยที่ยืนตรงข้ามกับระบอบประชาธิปไตย เพราะคำพูดของนายจรัญบ่งบอกได้ชัดว่า ไม่เคยเคารพต่อความคิดเห็นของประชาชน...ไม่เคยเคารพต่ออำนาจของประชาชน
นายจรัญจะรู้หรือแกล้งไม่รู้ว่าตัวเองมาอย่างไร ก็ไยที่จะต้องไปสนใจ เพราะถึงห้วงเวลานี้ เห็นชัดแล้วว่า นายจรัญหาได้ส่องกระจกดูตัวเองไม่ และยังหาได้สำเหนียกต่อหน้าที่ของข้าราชการในระบอบประชาธิปไตยแต่อย่างใด
ซ้ำร้าย การกล้าออกมาสอนสั่งรัฐบาลเหลิงอำนาจ จึงเสมือนกำลังปลุกปั่นข้าราชการให้แข็งข้อต่อรัฐบาล แข็งข้อต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาล และยังนับเป็นการปลุกปั่นที่เข้าข่ายขัดขวางต่อกระบวนการประชาธิปไตยอีกด้วย...!!!
มิไยที่นายจรัญต้องออกมาสอนสั่งรัฐบาลไม่ให้แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เพราะนายจรัญคนนี้แหละที่เคยยืนอยู่บนซีกกระบวนการยุติธรรม แต่ดันกระโจนโหนเชือก คมช. เข้ามาเกลือกกลั้วกับการเมือง จนทำให้สถาบันผู้พิพากษาถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
นายจรัญคนนี้แหละ คือคนที่เหลิงอำนาจ หลงยึดติด...ยึดติดอยู่กับรัฐบาลเผด็จการที่ใช้กำลังทางทหารเข้าล้มล้างระบอบประชาธิปไตย จนลืมความชอบธรรมที่แท้จริงว่าต้องได้มาจากประชาชน...
ลืมไปแม้กระทั่งว่า นี่คือรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง...เป็นรัฐบาลที่มาจากอำนาจของประชาชน ที่จะต้องมากำกับข้าราชการให้ขับเคลื่อนไปตามนโยบาย
นายจรัญคนนี้แหละ เป็นนักกฎหมายที่ละทิ้งความเป็นนิติรัฐ...ละทิ้งนัยของการใช้กฎหมาย หันมาใช้กำลังแทน...
ยอมถอดทิ้งแม้กระทั่งศักดิ์ศรีของผู้ซึ่งต้องดำรงอยู่ในความยุติธรรม ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด เปลือยเปล่าเหลือที่แต่ตัวล่อนจ้อนในคราบไคลเผด็จการ ออกมาทั้งสนับสนุน ทั้งสยบยอมต่อการใช้อำนาจมืด แทนการใช้กฎหมาย
และก็ไม่ผิดที่ นายกรัฐมนตรี สมัคร สุนทรเวช กล่าวในรายการ "สนทนาประสาสมัคร" เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาตอนหนึ่งว่า “ผมไม่บังอาจแทรกแซงศาล เพราะจบกฎหมายมา รู้จักความเข้มแข็งของสถาบันนี้ดี พร้อมย้อนถามว่า พวกคุณเตือนผิดคนหรือเปล่า และเตือนช้าไป 16 เดือนหรือไม่”
นายจรัญไม่เคยรู้เลยหรือว่า ใครทำผิดกฎหมาย เมื่อ 19 กันยายน 2549...นายจรัญไม่รู้เลยหรือว่า การยุบทิ้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แล้วแต่งตั้งขึ้นใหม่ด้วยคำสั่งของนายทหารที่ยึดอำนาจ คือการเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของสถาบันศาลสถิตยุติธรรม
นายจรัญไม่รู้เลยหรือว่า...การข้ามฟากเข้ามารับตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรมของตัวเองนั้น คือกระบวนการยุติธรรมนั่นแหละเข้ามาแทรกแซงฝ่ายบริหาร
หรือรู้ทั้งรู้ แต่คิดว่าที่ตัวเองเคยอยู่ในกระบวนการศาลสถิตยุติธรรมมาก่อน จึงใหญ่โตราวกับเทวดาที่จะออกมาสอนสั่งใครๆ ก็ได้ ใหญ่โตที่จะยัดเอาความคิดไดโนเสาร์เต่าล้านปีใส่สมองคนไทยได้อย่างง่ายๆ
แล้วหากความคิดอย่างนี้ เยี่ยงนี้ ยังอยู่ในมันสมองของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่แล้ว ก็คงไม่ผิดไปจากที่ นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวในงานเสวนาเดียวกันว่า ประเทศไทยอยู่ในภาวะเดินหน้าต่อไปก็ไปไม่ถูก ถอยหลังก็ไม่ได้ ดังนั้น อนาคตของประเทศไทยอยู่ตรงไหน และหากไม่สามารถหาทางแก้ไขได้ เชื่อว่าไม่เกิน 3 ปี จะมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นจนถึงขั้นเสียเลือดเนื้อ
ก็อยากจะบอกว่าผมก็เชื่อเช่นนั้น และอาจไม่ถึง 3 ปีก็ได้ เพราะหากฝ่ายอำนาจนิยมเผด็จการอำมาตยาธิปไตย ยังไม่สำเหนียก ยังไม่เรียนรู้ว่าการอยู่ร่วมกันในระบอบประชาธิปไตยเขาทำกันอย่างไร...???
ยังฝืนโลก...ฝืนความจริง...ยังนึกว่าประชาชนคือทาส...มันก็คงไม่ผิด ถ้าประชาชนคนไทยฝ่ายประชาธิปไตยจะลุกขึ้นมากำจัดเหล่าอำมาตย์ชั่วให้สิ้นซากไปโดยเร็ว...!!!