จากกรณีที่มีคนบางกลุ่ม บางพวก พยายามหยิบยกประเด็นสถาบันเบื้องสูง มาเป็นข้ออ้างโจมตีกล่าวหานายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และพาดพิงไปถึงรัฐบาล ที่แม้ว่านายจักรภพ จะตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง เพื่อรักษารัฐบาลเอาไว้ แต่ฝ่ายกล่าวหาก็ยังไม่ยอมจบเรื่องราวนั้น
ดร.เมธาพันธ์ โพธิธีรโรจน์ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่าการเล่นงานนายจักรภพ อาจเป็นเพราะตั้งแต่นายจักรภพเข้ามาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดูแลเรื่องสื่อ มีผลงานปฏิรูปสื่อทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 NBT และมีแผนที่จะปฏิรูป อสมท. และสื่อวิทยุของรัฐอีกหลายคลื่นหลายแห่ง คิดว่าตรงนี้เป็นปัจจัยให้พันธมิตรฯ และพรรคประชาธิปัตย์เกิดความกังวลใจว่า ถ้าปล่อยนายจักรภพไว้ ความเป็นประชาธิปัตย์อาจจะล่มสลาย จำนวน ส.ส. อาจจะลด ตรงนี้พอเข้าใจได้ว่าเป็นเกมการเมือง
“สิ่งที่นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์กรณีนายจักรภพ ผมติดใจที่บอกว่า นายจักรภพ ได้รับการอุปถัมภ์จากระบบไพร่อุปถัมภ์ ซึ่งคำว่าไพร่ หมายถึง ไพร่ฟ้าประชาชน หมายถึง ทุกคนที่เป็นพสกนิกรในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ในความหมายของนายอภิสิทธิ์ คือต้องการดูถูกพี่น้องประชาชน คนยากคนจน ชาวไร่ ชาวนา กรรมกรแบกหาม เพราะนายจักภพได้รับการเลือกตั้ง เป็นเสียงส่วนใหญ่จากประชาชนคนรากหญ้า ผู้ใช้แรงงาน คนยากคนจน เกษตรกร หรือประชาชนที่อยู่ในกรุงเทพ”
นอกจากนี้ หากนายอภิสิทธิ์หมายถึงประชาชนทั้งหมดคือ ไพร่ และ ยกตัวเอง เท่ากับกำลังตีตนเหนือเจ้า การที่บอกว่า นายจักรภพ มาจากระบบไพร่อุปถัมภ์ แสดงว่า นายอภิสิทธิ์กำลังยกตัวเองให้เป็นเจ้า เหมือนกับบุคคลบางคน หรือนายอภิสิทธิ์ได้กลายเป็น สมเด็จพระอภิสิทธิ์มหาทรราชเจ้าที่ 2 เช่นนั้นหรือไม่
“ในข้อหาเช่นนี้ ฟังแล้วผมก็ไม่สบายใจว่า ทำไมนายอภิสิทธิ์ ถึงใช้คำว่า ระบบไพร่อุปถัมภ์และยังดูถูกว่าเป็นระบบที่สามานย์ที่สุด เท่ากับนายอภิสิทธิ์ได้ฆ่าตัวเองตายทางการเมือง ถ้าดูถูกพี่น้องประชาชน ชาวไร่ ชาวนา คนยากจน ผู้ใช้แรงงาน เกษตรกร ถูกประณามหยามเหยียดว่าเป็นระบบไพร่อุปถัมภ์ ระบบที่สามานย์ที่สุด เพราะนายอภิสิทธิ์ นายชวน หลีกภัย และแกนนำทั้งหลายมีความเชื่อเสมอว่า ประชาชนที่สนับสนุนพรรคพลังประชาชน คือ คนยากจน ชาวไร่ชาวนา ที่มาลงคะแนนให้ เพราะเห็นแก่เงิน ถูกซื้อมา นี่คือความเชื่อของพรรคประชาธิปัตย์และเป็นวาทกรรมที่ใช้มาตลอด”
เพราะฉะนั้นคำพูดที่บอกว่า ไพร่อุปถัมภ์ ที่นายอภิสิทธิ์พูดจะต้องถูกขยายความว่า 1.ดูถูกประชาชน 2.ยกตนเสมอเจ้า เหมือนคนบางคนที่กระทำการในลักษณะนี้ก่อนการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และประณามว่า ระบบไพร่ คือ ไพร่ฟ้าประชาชนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือคนที่สามานย์ที่สุด
ดร.เมธาพันธ์ กล่าวต่อว่า หากถามว่านายอภิสิทธิ์เป็นใคร อภิสิทธิ์คือคนที่สถานะทางการเงินที่แสดงบัญชีออกมาร้อยกว่าล้าน คุณพ่อเป็นแพทย์ เป็นอำมาตยาธิปไตย เป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัย กินเงินเดือนของประชาชน นายอภิสิทธิ์ไปเรียนเมืองนอก 10 ปี ไม่เคยทำมาหากินอะไร เกิดมาบนกองเงินกองทอง เข้ามาเล่นการเมือง ยังไม่รู้เลยว่าการสู้ชีวิตของคนยากคนจนที่ปากกัดตีนถีบกว่าจะได้เงินมาเป็นอย่างไร ดังนั้น การที่ประชาชนที่ศรัทธาต่อนายจักรภพไม่ได้เกิดขึ้นด้วยความไพร่ ไม่ได้เกิดมาจากความไม่รู้ ไม่มีปัญญา
“สำหรับประชาชนพี่น้องทั้งหลาย ผมอยากจะฝากไปว่า ประชาชน ชาวไร่ ชาวนา เกษตรกร คนใช้แรงงาน คนขับแท็กซี่ คนยากจนในกรุงเทพฯ รวมทั้งคนชนชั้นกลางที่ออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย วันนี้ท่านได้ถูกนายอภิสิทธิ์ดูถูกอย่างรุนแรงว่า ท่านเป็นไพร่ที่สามานย์ที่สุด
ความศรัทธาที่พี่น้องประชาชนมีต่อ นายจักรภพ เพ็ญแข ไม่ใช่เกิดจากความไพร่ ไม่ใช่เกิดมาจากความไม่รู้ ไม่มีปัญญา จึงฝากถึงประชาชนชาวไร่ ชาวนา เกษตรกร คนใช้แรงงาน คนขับแท็กซี่ คนยากจนในกรุงเทพฯ รวมทั้งประชาชนคนชั้นกลาง ที่ออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย วันนี้ท่านได้ถูกนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดูถูกเหยียดหยามอย่างรุนแรง ว่าพวกท่านเป็นไพร่ที่สามานย์ที่สุด”
ดร.เมธาพันธ์ กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ได้ยกตนเหนือคนอื่น คือการตีตนเสมอเจ้าเรียบร้อยแล้ว ฉะนั้น เราทุกคนต้องออกมาเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์มารับผิดชอบในเรื่องนี้ว่าคำว่า ไพร่อุปถัมภ์ ไพร่ที่สามานย์ที่สุด หมายถึงอะไร หมายถึงประชาชนทั่วไป แล้วมีการยกตัวเองเป็นเจ้าตั้งแต่เมื่อไร ฉะนั้นจึงอยากเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์รับผิดชอบ
ส่วนกรณีของนายจักรภพ ดร.เมธาพันธ์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าเป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย วันนี้เข้ามาสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไม่ได้มีฐานะอะไรทั้งนั้น ไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆ การออกไปในวันนี้ตนคิดว่าไม่มีผลกระทบต่อความรู้สึกของนายจักรภพและกลุ่มแนวร่วม นปก. เพราะสิ่งที่เจอมาช่วงเรียกร้องให้ได้ประชาธิปไตยคืนมาหนักหนากว่านี้มาก ฉะนั้น วันนี้เห็นใจนายจักรภพ และขอสดุดีในการตัดสินที่จะต่อสู้เรื่องนี้ให้ถึงที่สุด และพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นไพร่ฟ้าของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ได้เป็นไพร่สามานย์อย่างที่นายอภิสิทธิ์พูด
“ผมขอให้พี่น้องประชาชนที่ได้ยินเสียงนี้ขอให้สบายใจว่า จักรภพ เพ็ญแข ลาออกจากตำแหน่งวันนี้ก็ยังคงมีอนาคตที่รุ่งเรือง วันนี้นายจักรภพมีอายุเพียง 40 ปี และอนาคตต้องไปอีกไกลและบุคคลคนนี้ผมสามารถที่จะทำนายได้ว่าน่าจะเป็นทายาททางการเมืองที่สำคัญ ที่เราจะสามารถฝากผีฝากไข้ ในฐานะจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนหนึ่งได้ อีกทั้งจะเป็นคู่แข่งที่สำคัญของนายอภิสิทธิ์ ฉะนั้น นายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ต้องหาวิถีทางที่จะกำจัดคู่แข่งทุกวิถีทาง”