บรรดาสื่อสารมวลชน ที่มักอวดอ้างเป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม และจรรยาบรรณ กลับมิได้ทำหน้าที่ตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด แฝงไว้ด้วย อคติ ในการรายงานข้อมูลข่าวสาร 2 มาตรฐาน ถามข่าวด้วยอารมณ์เข้าข้าง กลุ่มผลประโยชน์ บางกลุ่ม บางฝ่าย บางพวก โดยไม่สนใจตรวจสอบการเคลื่อนไหวที่น่าสงสัยนี้แม้แต่น้อย ทั้งที่คนทั่วบ้านทั่วเมืองเขารู้กันหมดว่ามีจุดประสงค์ เพื่อรัฐประหาร หรือ เพื่อประชาธิปไตย กันแน่!
ซ้ำร้ายกว่านั้น มีการบิดเบือนข้อมูลข่าวสารอย่างหน้าด้านๆ ไร้ยางอาย ไม่สมควรที่จะเป็นสื่อสารมวลชนอีกต่อไป
ยกตัวอย่างกรณีที่มีนักข่าวกลุ่มหนึ่ง อ้างตัวว่าเป็นผู้แทนสมาคมวิชาชีพ มาสัมภาษณ์บรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ แต่เรื่องราวการสัมภาษณ์กลับไปโผล่ในหนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก เป็นการหลอกลวงอย่างชัดแจ้ง เท่านั้นยังไม่พอ ยังได้มีการลงเนื้อหาการให้สัมภาษณ์ที่บิดเบือนอย่างชัดเจน โดยจงใจที่จะรายงานข่าวว่ามีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับการลงทุนอยู่ด้วย
เหลือบไปเห็นรายชื่อคนทำเรื่องราวเลวทรามต่ำช้าแบบนี้ เลยถึงบางอ้อ
“เสถียร วิริยะพรรณพงศา”
ผู้รายงานข่าวแกนนำม็อบพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พูดจาจาบจ้วง ส่อว่าจะหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ใน ครั้งก่อนโน้น นั่นเอง ซึ่งส่งผลให้มี ประชาชนผู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ไม่พอใจ ต้องไปปิดล้อมอาคารสำนักงานของสื่อในเครือเดอะ เนชั่น เพื่อสอบถามความจริง และขอให้ดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง เพื่อไม่ให้กระทบต่อสถาบันสูงสุด
เรื่องนี้คงเป็น คดีความค้างคาอยู่ในโรงในศาล ที่ศาลท่านจะเมตตาตัดสินกันอย่างไร
แต่หากจะใช้บรรทัดฐานของคดีความก่อนหน้า
การที่ทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษในกรณีที่ลงข่าวนี้ พร้อมกับประกาศปิดหนังสือพิมพ์ 3 วัน เท่ากับยอมรับผิดอยู่แล้ว
แต่เหตุการณ์ยังไม่ผ่านพ้นไป ได้พอหายใจหายคอ คนคนเดียวกันนี้ กลับนำบทสัมภาษณ์ที่บิดเบือนมานำเสนออีกครั้งหนึ่ง โดยครั้งนี้เกิดขึ้นกับบรรณาธิการประชาทรรศน์ คนในแวดวงสื่อด้วยกันเอง
มันแสดงให้เห็นถึง เจตนา อย่างชัดแจ้ง ของผู้มาสัมภาษณ์
หลอกลวงว่าจะสัมภาษณ์ไปลงในสารของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ใน วารสารชื่อ “ราชดำเนิน” โดยอ้างตัวว่าเป็น ฟรีแลนซ์ ของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
แต่ดันเอาเรื่องไปลงในหนังสือพิมพ์คม ชัด ลึก ซึ่งเป็นการผิดมารยาทอย่างร้ายกาจ เพราะไม่ได้ขออนุญาตเจ้าตัวผู้ให้สัมภาษณ์ก่อน
เท่านั้นยังไม่พอ!!!
พยายามบิดเบือนข้อความในการสัมภาษณ์ว่า มีนักการเมืองเกี่ยวข้องเป็นนายทุนให้กับหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ หวังจะโยงไปถึงว่า เป็นการกระทำที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ ทั้งที่เขาพูดอย่างหนึ่ง เอาไปเขียนอีกอย่างหนึ่ง
เลวทรามต่ำช้าไหม นี่หรือจริยธรรมนักข่าว ผู้สื่อข่าว
โทรศัพท์มาขอโทษสักคำ หรือจะเดินทางมาขอขมา ยังไม่มีเลย
“เสถียร วิริยะพรรณพงศา” ถูกชักนำเข้ามาสู่วงการโดย “นายสุริยะใส กตะศิลา” พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ใช่หรือไม่ โดยไปอยู่กับ นสพ.แนวหน้า เป็นเล่มแรกใช่ไหม จากนั้นจึงย้ายไปอยู่สื่อในเครือ “เดอะ เนชั่น”
มีสื่ออีกมากมายที่สนิทสนมกับ นายสุริยะใส กตะศิลา เป็นรีไรเตอร์ในหนังสือพิมพ์หัวการเมืองเอียงกระเท่เร่เล่มหนึ่งก็มี
เป็นนักข่าวในสนามข่าวที่นายสุริยะใสฝากฝังชีวิตเอาไว้ จำนวนมากมาย
จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไม สื่อสารมวลชน ในประเทศไทย จึงกลายเป็นเสนอข่าวเลือกข้าง หรือเข้าข้างฝ่ายสนับสนุนการปฏิวัติรัฐประหาร กันนักหนา