คอลัมน์ : สวัสดีวันจันทร์
“...ข่าวบอกว่า พรรคพลังประชาชนได้ทาบทามให้ พล.อ.ชวลิต เข้าร่วมรัฐบาลในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศ บอกด้วยว่าท่านตอบรับแล้วถ้าข่าวนี้เป็นความจริง ข้าพเจ้าก็ขอแสดงความยินดีและต้องบอกว่านายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และรัฐบาลของเขาโชคดีที่ได้คนคนนี้ไปช่วยงาน...”
บทความนี้เขียนตามข้อมูลข่าวสารที่หนังสือพิมพ์รายวันในวันอาทิตย์ลงข่าว ผิด-ถูก อยู่ที่หนังสือพิมพ์ ข้าพเจ้าเป็นแต่เพียงผู้มาต่อยอด เติมความคิดเห็น
เรื่องของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ครับ
ข่าวบอกว่า พรรคพลังประชาชนได้ทาบทามให้ท่านเข้าร่วมรัฐบาลในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศ บอกด้วยว่าท่านตอบรับแล้ว
ถ้าข่าวนี้เป็นความจริง ข้าพเจ้าก็ขอแสดงความยินดีและต้องบอกว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และรัฐบาลของเขาโชคดีที่ได้คนคนนี้ไปช่วยงาน
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ แม้จะอายุ 76 ปี แต่ยังมีสุขภาพที่ดี ปฏิบัติสมาธิภาวนาตามวิธีของพุทธศาสนาเถรวาทที่คนไทยนับถือและปฏิบัติมาตั้งแต่ปู่ ย่า ตา ยาย จึงทำให้เป็นคนสุขภาพจิตดี สามารถสู้วิกฤติต่างๆได้ด้วยความสงบ เยือกเย็น
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายทหารที่มีมันสมองปราดเปรื่อง ศึกษาลัทธิการเมืองเจนจบ เป็นนักยุทธศาสตร์ตัวฉกาจที่หาคนในกองทัพเทียบไม่ได้ตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่านมา
ท่านเป็นผู้บัญชาการทหารบกคนแรกที่ลาออกจากราชการในขณะที่มีอำนาจสูงสุด เพื่อออกมาตั้งพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ลงแข่งขันกับพรรคการเมืองอื่นๆ ทั้งหลายอย่างเสมอภาค เพื่อเข้าครองอำนาจรัฐจัดการบริหารประเทศ
พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นผู้บัญญัติศัพท์คำว่า ‘การเมืองวงจรอุบาทว์’ ซึ่งความหมายก็คือ การเลือกตั้งที่มีนักการเมืองไร้อุดมการณ์ ใช้วิธีซื้อเสียง หรือโกงการเลือกตั้งเข้าสู่สภา แล้วไปตั้งรัฐบาลแสวงหาผลประโยชน์กันโดยไม่คำนึงถึงผู้ลงคะแนนเสียงให้ รวมทั้งไม่พัฒนาประชาธิปไตยไปสู่ความสมบูรณ์
การเมืองเช่นนี้นำไปสู่การทำรัฐประหารของคณะทหารซึ่งเมื่อทำรัฐประหารแล้ว ก็แก้ปัญหาให้ประเทศชาติและประชาชนไม่ได้อยู่นั่นเอง อีกทั้งการแสวงหาผลประโยชน์ที่เรียกว่าการทุจริต คอร์รัปชั่นก็กลับมาทวีมากขึ้นจนประชาชนทนไม่ได้ต้องออกมาชุมนุมประท้วงกันบาดเจ็บ ล้มตายเพื่อจะได้ผู้บริหารชุดใหม่ มาจัดทำรัฐธรรมนูญกันอีก
นายกรัฐมนตรีของประเทศนี้เสียคนมามากแล้ว
หัวหน้าทหารที่ทำรัฐประหารก็เสียคนเหมือนกัน
การวนเวียนระหว่าง เลือกตั้ง - ทุจริต - ทำรัฐประหาร - ทำรัฐธรรมนูญด้วยทุจริตด้วย - แล้วเลือกตั้งทุจริตกันอีก เป็นวัฏจักร หมุนวนอยู่อย่างนี้ เรียกว่า วงจรอุบาทว์
แต่เจ้าของศัพท์และทฤษฎีวงจรอุบาทว์ เมื่อตั้งพรรคการเมืองชื่อ ความหวังใหม่ ก็สามารถดูดข้าพเจ้าให้เข้าไปเป็นลูกพรรคด้วยคนหนึ่ง สามารถดูด น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติและอดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์) เข้าไปด้วยอีกคนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีนักการเมืองผู้มีความสามารถอื่นๆ อีกหลายคน
ข้าพเจ้ากับ น.ต.ประสงค์ มุ่งที่จะเสนอให้ทำพรรคการเมืองใหม่ให้สะอาดตามอุดมคติหรือมิฉะนั้นก็ให้เข้าไปใกล้อุดมคติให้มากที่สุด โดยเฉพาะ น.ต.ประสงค์ ด้วยแล้วการเข้าสู่การเมืองครั้งแรก หลังเกษียณอายุราชการย่อมต้องมีความเข้มข้น
แต่เมื่อหัวหน้าพรรคคือ พล.อ.ชวลิต เจ้าของทฤษฎีวงจรอุบาทว์ตัดสินใจเลือกทำงานการเมืองโดยตั้งเป้ายึดอำนาจรัฐรวดเร็ว โดยลดความสำคัญของปัญหาคุณภาพและความบริสุทธิ์โปร่งใสตามข้อเสนอของนักการเมืองบางพวก (เช่นเดียวกับการตัดสินใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตอนตั้งพรรคไทยรักไทย) จึงทำให้ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ต้องแยกทางไป
ข้าพเจ้ามีจุดยืนเดียวกับ น.ต.ประสงค์ แต่เนื่องจากเป็นนักการเมืองมานาน เคยย้ายพรรคมาแล้ว 3 หนจึงไม่อยากตกเป็นขี้ปากคนว่า ‘กระหรี่หลายซ่อง หมาหลายราง’ จึงไม่ยอมออกตามไปด้วย กัดฟันยืนหยัดอยู่อย่างนั้น ตายเป็นตาย
ผลก็อย่างที่ท่านผู้อ่านทราบแหละครับ
คือ พล.อ.ชวลิต นำพรรคความหวังใหม่ได้อำนาจรัฐมาบริหารเพียงปีเดียวก็ต้องปล่อยมือไป เพราะปัญหาเศรษฐกิจและสัจจะที่ท่านมีโดยคนนอกไม่เข้าใจ
พล.อ.ชวลิต ดูเหมือนจะเสียหายจากการทำงานการเมืองและยึดครองการนำประเทศได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่ข้าพเจ้าสามารถยืนยันได้ว่า พล.อ.ชวลิต ไม่เสียหายหรือด่างพร้อยใดๆ เพียงเพราะว่าความสับสนของข้อมูล การโจมตีอย่างไร้จรรยาของคู่ต่อสู้ทางการเมือง ซึ่งช่ำชองในการใช้วาทกรรมทำให้ภาพของท่านมัวหมองไประยะหนึ่งเท่านั้น
เหตุและปัจจัยที่ไม่เกื้อหนุนทำให้ท่านทำได้เพียงแค่นั้น
แต่ทองคำแท้ย่อมเป็นทองคำ คงทนต่อไฟหลอมละลาย เหล็กกล้าก็ย่อมเป็นเหล็กกล้า ยิ่งถลุงยิ่งแข็งแกร่ง พล.อ.ชวลิต ได้มีโอกาสกลับเข้ามาช่วยบริหารประเทศอีกครั้งหนึ่งคราวนี้ ในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ข้าพเจ้าหวังว่าศักยภาพของท่านทั้งหมดจะถูกนำมาใช้และประโยชน์สูงสุดจะเกิดแก่ประเทศชาติโดยไม่ต้องสงสัย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่ประเทศชาติกำลังอยู่ในภาวะความแตกแยกทางความคิดและมีการตั้งป้อมเผชิญหน้ากัน โดยอ้างความเน่าเฟะของการเมืองเก่า แล้วเสนอทฤษฎีการเมืองใหม่ ทั้งที่ยังไม่มีสาระที่ชัดเจนรวมทั้งผู้เสนอก็เป็นเพียงเหล่าอนาธิปไตย ผู้มีปัญหาส่วนตัวจนกลายเป็น ‘ผู้ต้องหาคดีกบฏ’ ตามหมายจับของศาลอาญา
อนึ่ง งานด้านต่างประเทศเป็นช่วงเวลาที่รับหน้าที่ประธานกลุ่มอาเซียน พร้อมๆ กับการมีปัญหาขัดแย้งกับกัมพูชา เรื่องเขาพระวิหารและเขตแดน ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยบุคคลผู้มากบารมีและมีประสบการณ์สูงระดับที่ต่างประเทศให้ความนับถือ
อย่างไรก็ตาม ถ้าพิจารณาพื้นฐานความคิดของ พล.อ.ชวลิต แล้วไม่มีปัญหาว่า ได้แก่ ระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภาอันมีสถาบันกษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งก็คือระบอบปัจจุบันนี้ เพียงแต่ว่าขณะนี้รัฐธรรมนูญยังไม่มีความเป็นประชาธิปไตย จึงต้องหาทางแก้ไขกัน
ประชาธิปไตยของ พล.อ.ชวลิต คงไม่ใช่การเมืองใหม่ของพวกพันธมิตรฯ พันธมารและรวมทั้งพุทธศาสนาก็ย่อมไม่ใช่พุทธศาสนาของ รักษ์ รักษ์พงษ์ แห่งสันติอโศก ความรู้ความเข้าใจเรื่องเหล่านี้ย่อมจะหาคนเทียบ พล.อ.ชวลิต ไม่ได้
ขอต้อนรับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ด้วยความยินดี
เวลาจะแก้ตัว หากผิดพลาดอีกครั้งไม่มีแล้วครับ
วีระ มุสิกพงศ์