ที่มา ประชาไท
ใจ อึ๊งภากรณ์
ท่ามกลางการคลั่งชาติและคำโกหกจากอำมาตย์และโจรพันธมารฯ เรื่องเขมร หรือเรื่อง “การขายชาติ” ผมอยากจะเสนอว่าคนเสื้อแดงควรเลิกรักชาติ เลิกยืนเคารพธงชาติ และหันมารักเพื่อนๆ ร่วมชาติ และเพื่อนๆต่างชาติแทน เราควรจะประกาศรักสังคม รักเสรีภาพและประชาธิปไตย และเลิกรักอำมาตย์สักที ทำไม?
“ชาติ” เป็นหน่วยการบริหารสังคมที่เกิดขึ้นในยุคทุนนิยม ในไทยเกิดในยุครัชกาลที่ 5 ก่อนทุนนิยมและก่อนที่จะมีชาติที่ไหนในโลก คนเขาไม่คิดในกรอบชาติเลย คิดในกรอบชุมชนหรือเมืองบ้านเกิดมากกว่า และบ่อยครั้งเมืองบ้านเกิดจะมีลักษณะสากลในอดีต ไม่เชื่อก็ไปที่อยุธยา และไปดูพิพิธภัณฑ์ที่หมู่บ้านญี่ปุ่น หรืออ่านหนังสือประวัติศาสตร์อยุธยาของ อาจารย์ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ก็ได้ เพราะในอยุธยามีหลายเชื้อชาติอาศัยกันอยู่ มันเป็นเมืองท่าสำหรับค้าขาย มีการใช้หลายๆ ภาษาด้วย คนอยุธยาไม่ได้คิดว่าตนเองเป็นคนไทยแต่อย่างใด การสร้างประวัติศาสตร์ไทยย้อนหลังปลอมๆ เป็นความพยายามของนักวิชาการอำมาตย์ เพื่อหลอกเราว่า “ชาติไทย” กษัตริย์ และชนชั้นปกครอง เป็นสิ่งเก่าแก่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ พวกนี้จะอ้างว่าวัฒนธรรมไทยคือวัฒนธรรมที่ประชาชนต้องอ่อนน้อมต่ออำมาตย์ และแถมยังโกหกอีกว่า “ไทย” แปลว่า “เสรีภาพ” แต่แท้จริงแล้ว “ไทย” ของพวกอำมาตย์นี้แปลว่าเราเป็นทาสเป็นไพร่มากกว่า
“ชาติ” เป็นสิ่งประดิษฐ์ของชนชั้นปกครอง มันมีความสำคัญต่อเขาในทางความคิด หรือในทางที่จะเป็นลัทธิการเมืองของอำมาตย์และอภิสิทธิ์ชน ดังนั้นเขาจะกล่อมเกลาเราให้เคารพธงชาติสามสี และให้เราท่องจำว่าสีแดงคือชาติ สีขาวคือศาสนา และสีน้ำเงินคือกษัตริย์ โดยที่ชาติของเขามีแค่นี้ ไม่มีประชาชนทั้งปวงที่เป็นผู้สร้างสังคมที่แท้จริง คนอย่างสนธิ ลิ้มทองกุล พูดที่สนามหลวงเมื่อไม่นานมานี้ว่าเรา “ต้องรักชาติ เพราะชาติคือกษัตริย์และศาสนา” เราต้องทวงถามว่า “ประชาชนอยู่ไหน?” เพราะสนธิกับแก๊งของเขามองว่าประชาชนเป็นผักเป็นปลา เป็นไพร่หรือทาส และเราต้องถามว่าเขาอีกว่าเวลาพูดถึงศาสนา หมายถึง“ศาสนาอะไร?” เพราะหลายคนไม่ได้เป็นพุทธ มีอิสลาม คริสต์ ฮินดู ผีสางนางไม้ และยังมีคนที่ไม่นับถือศาสนาอีกด้วย ทำไมต้องยัดเราเข้ากรอบแคบๆ ของพวกอำมาตย์ ที่สำคัญคือศาสนาของสนธิ ลิ้ม เป็นศาสนาแบบไหน? เพราะขาดศีลธรรมพื้นฐานในการเคารพประชาชน และประชาธิปไตย ได้แต่ปลุกระดมความเกลียดชัง นี่หรือศีลธรรม?
แนวคิดชาตินิยมของชนชั้นปกครองไทยที่ถูกสั่งสอนในโรงเรียน ในสื่อ และในสังคมโดยรวม เป็นแนวคิดที่สอนให้เราจำยอมต่อผู้ปกครองเผด็จการ แล้วแถมโกหกเราว่า “เราเป็นชาติเดียวกับเขา” อีกด้วย มีแต่พูดเรื่อง “ความสามัคคี” แต่มันเป็นการบังคับความสามัคคีภายใต้เงื่อนไขสังคมป่าเถื่อนที่เต็มไปด้วยความเหลื่อมล้ำของอำมาตย์
ถ้าอำมาตย์รักชาติ ทำไมเขาไม่เคารพประชาชน ไม่เคารพเสียงส่วนใหญ่ และไม่เคารพประชาธิปไตย? ถ้าอำมาตย์รักคนไทยทำไมมากราดยิงประชาชนท่ามกลางถนน? ทำไมอำมาตย์ไม่ยอมเสียสละทรัพย์สมบัติมหาศาล เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างรัฐสวัสดิการให้คนไทยทุกคน? ทำไมพูดแค่เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อแช่แข็งความเหลื่อมล้ำ? และเวลาพวกนั้นปลุกระดมให้คนรักชาติและไปรบในสงคราม ทำไมเขาไม่ไปรบเอง? ทำไมส่งลูกหลานคนจนไปตายแทนพวกเขา?
ในความเป็นจริงบ้านเรามีสองชาติ ชาติหนึ่งคือชาติของอำมาตย์ ที่มีเพลงชาติ ธงไตรรงค์ และลัทธิ “ชาติ ศาสนา กษัตริย์” อีกชาติหนึ่งคือประชาชน เราไม่มีธง และไม่มีเพลงชาติ แต่เรามีอุดมการณ์ประชาธิปไตย
หยุดเถิด เลิกเถิด การยืนเคารพเพลงและธงชาติของพวกอำมาตย์
เพื่อนเสื้อแดงอาจไม่สบายใจกับสิ่งที่ผมเสนอ ผมไม่แปลกใจ เพราะฝ่ายอำมาตย์กล่อมเกลาเรา ตั้งแต่เกิดจนตาย ให้รักชาติ ดังนั้นการก้าวพ้นความคิดแบบนี้คงใช้เวลา
ถ้าจะต้องมีเพลงชาติ และผมมองว่าไม่ควรมี ... เนื้อร้องมันน่าจะเป็นแบบนี้ครับ .....
“ประเทศสยามรวมเลือดเนื้อหลายเชื้อชาติ เป็นประชาธิปไตยแท้ ชาวบ้านปกครองตนเอง อยู่ด้วยกันท่ามกลางความสงบ เคารพรักทุกเพศทุกภาษาทุกศาสนาหรือความเชื่อ เรานี้รักสงบ และเราจะไม่หาเรื่องรบเพื่อประโยชน์ของคนอื่นเหมือนยุคมืดอดีต ทุกคนทำงานร่วมกันสร้างสังคมปรองดองและรัฐสวัสดิการ ในสยามนี้ไม่มีสูงไม่มีต่ำ ไม่มีหมอบคลาน และเพื่อนบ้านทุกฝ่ายเป็นมิตรของเรา ศัตรูแท้ของประชาชนคือพวกคัดค้านประชาธิปไตย และพวกอำมาตย์ดั้งเดิม เราปลดแอกตนเองแล้ว และร่วมกันร้อง ประชาชนจงเจริญ!” (ต้องขออภัยด้วยที่ผมแต่งกลอนหรือเนื้อเพลงไม่ไพเราะ แต่ท่านคงจับประเด็นสำคัญๆ ได้เมื่อเปรียบเทียบกับเพลงชาติปัจจุบันของอำมาตย์
คุณจักรภพ เพ็ญแข มีจุดยืนในหลายเรื่องที่น่าชื่นชม แต่ในเรื่อง “ชาติ” ผมขอมองต่างมุมบ้าง ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งเวลาคุณจักรภพคัดค้านการ “คลั่งชาติ” แต่เขายังมองว่ามันมีวิธีรักชาติที่ดีอยู่บ้าง
แนวชาตินิยมที่เป็นประโยชน์กับประชาชนมีบ้างไหม? มีบ้างในกรณีที่สังคมถูกครอบงำหรือนำมาเป็นเมืองขึ้นโดยจักรวรรดินิยม เช่นในยุคล่าอาณานิคม ขบวนการชาตินิยมเป็นขบวนการที่ปลดแอกประชาชนระดับหนึ่ง แต่มันไม่เคยพอ เราจะเห็นได้จากการที่ ประเทศที่ได้รับเอกราชหลังยุคอาณานิคม เช่น พม่า ลาว เขมร เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ หรืออินโดนีเซีย ก็ยังมีปัญหา เพราะมีเผด็จการครองเมือง และถ้าเป็นประชาธิปไตยอย่างอินโดนีเซีย หรือฟิลิปปินส์ ก็ยังมีความเหลื่อมล้ำอยู่ ในประเทศเหล่านี้ความคิดชาตินิยมกลายเป็นเครื่องมือบังคับความสามัคคีของชนชั้นปกครองใหม่ สรุปแล้วแนวชาตินิยมไม่สามารถสร้างประชาธิปไตยและปลดแอกพลเมืองอย่างเต็มที่
พวกอำมาตย์คงน้ำลายฟูมปากอีกรอบกับบทความนี้ (หลายรอบแล้ว) คงมีการเห่าหอนว่าผม “ขายชาติ” และ “ไม่ใช่คนไทย” ผมมีคำตอบง่ายๆคือ ผมขายชาติไม่ได้ เพราะไม่เคยเป็นเจ้าของ ประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่เคยมีโอกาสเป็นเจ้าของอีกด้วย เพราะอำมาตย์ปล้นมาจากประชาชนนานแล้ว แล้วอ้างว่ามันเป็นแผ่นดินของเขา และในเรื่องที่ไม่ใช่คนไทย ผมก็ยอมรับ เพราะผมไม่อยากร่วมชาติไทยเลวทรามของอำมาตย์ ผมเป็นคนสยาม พ่อเป็นเชื้อสายจีน แม่เป็นอังกฤษ และผมต่างจากอำมาตย์และพันธมารฯ เพราะผมรักและเคารพประชาชนสยามและรักประชาธิปไตย