ที่มา บางกอกทูเดย์
ละม้ายคล้ายสำนวน “น้ำลดตอผุด” หมดอำนาจวาสนา...ความชั่วช้าก็ปรากฏแต่ในที่นี้เป็นเพียง “ความละม้าย” เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ยังคงมี “สิทธิ์ขาด” อำนาจเต็ม...เป็นผู้ตัดสินพิพากษาอรรถคดีในอำนาจ “ทุกกระบวนการ” เกี่ยวข้องกับระบบการเลือกตั้งประเทศไทยการเมือง คือ “ความไม่เป็นธรรม” โดยเฉพาะซากเดนแห่งการ “ปฏิวัติ” ด้วยองค์กรที่ต้องชี้ขาด“ความยุติธรรม”อุทาหรณ์ยุบพรรค “ไทยรักไทย” คือสิ่งที่ผู้มีอำนาจในด้านกระบวนการ “ยุติธรรม” ต้องกลับมาคิดทบทวนไทยรักไทย เป็นพรรคการเมืองแรก ที่ได้รับการเลือกตั้งเกินครึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในการเลือก
ตั้งทั่วไป พ.ศ. 2548ได้รับการเลือกตั้งถึง 376 ที่นั่ง...จากจำนวนที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร 500 ที่นั่งเอาชนะพรรคคู่แข่ง “ประชาธิปัตย์” ที่ได้เพียง 96ที่นั่ง...ทำให้ “ไทยรักไทย” เป็น พรรคการเมืองแรกที่สามารถจัดตั้ง “รัฐบาลพรรคเดียว” ได้สำเร็จหากพูดเป็นภาษาชาวบ้านต้องบอกว่า...นี่เป็น “ความพิเศษ” ที่ไทยรักไทยสามารถรวมคะแนนเสียงให้เกิดขึ้นเป็นปรากฏการณ์ใหม่ภายใต้การเลือกตั้ง“เสียงข้างมาก” เบ็ดเสร็จเด็ดขาด!“ประชาชน” ส่วนใหญ่พร้อมใจเข้า
คูหา “กาคะแนน”เพื่อให้ตัวแทนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เข้าตำแหน่งนั่งใน “เก้าอี้สภา”ทำประโยชน์ตามคำมั่น...สานต่อใน “นโยบาย” มิใช่คำหวานบนป้ายหาเสียงที่ทำขึ้นเพียงเพื่อ “ขายฝัน”คำสารภาพของ “ชวการ โตสวัสดิ์” และ “สุขสันต์ ชัยเทศ” พยานคดียุบพรรคไทยรักไทย ที่ออกมาเปิดเผยว่าได้รับการว่าจ้างจาก “สุเทพ เทือกสุบรรณ”หากเป็นเช่นนั้น...สุเทพ ซึ่งสังกัดในนาม “ประชาธิปัตย์”ต้องมีความผิดฐานใส่ร้าย “พรรคการเมืองอื่น”ส่งผลให้กระบวน
การ “ยุติธรรม” สามารถดำเนินการเอาผิดด้วยการ “ยุบพรรคประชาธิปัตย์” ได้อย่างนั้นด้วยมิใช่หรือ?เป็นห่วงก็แต่ “ชีวิต” และ “เสรีภาพ” ของสองบุคคลที่ออกมา “สำนึก” ขอโทษในความผิดบาปต่อ ทักษิณชินวัตร รวมถึง กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย จำนวน111 ท่านทำไมต้อง “เอาคอไปแขวนเชือก” ทิ้งไว้รอคน“เตะขาเก้าอี้” นับถอยหลังขาดใจตาย!