ที่มา บางกอกทูเดย์
ใครจะไปขัดขวางไม่ให้ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลินอดีตผู้บัญชาการทหารบกและประธานคณะปฏิวัติเข้ามาเล่นการเมืองในระบอบประชาธิปไตย โดยการไปเอาคำพูดเก่าๆ ที่ว่า จะไม่เล่นการเมือง ไม่เป็นนายกรัฐมนตรีว่าเป็นการตระบัดสัตย์ก็ต้องขอบิณฑบาตแทนท่านไว้ตรงนี้...2 ปี บนเก้าอี้แห่งอำนาจ ที่ไม่ว่าจะ
ปรากฏตัว ณ ที่ใด ก็จะมีไฟส่องหน้า..ทุกประโยคที่ตอบคำถามจะได้รับการตีพิมพ์กันอย่างเอิกเกริก เป็นไปไม่ได้...ที่จะให้เขาเกษียณอายุกลายเป็นตาแก่คนเฒ่า ที่ไม่มีใครให้ความสนใจวันนี้ในฐานะหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ..ไม่ว่า พลเอกสนธิบุญยรัตกลิน จะปรากฏตัวขึ้น ณ สถานที่แห่งใด...เขาก็จะกลายเป็นคนสำคัญ..ทุกการเคลื่อนไหวของเขาจะปรากฏในจอทีวี..และไม่ว่าจะบินไปยังแห่งหนตำบลใดในโลก..ก็ไม่เงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวการเมือง...เป็นเรื่องของอำนาจ
อำนาจ....เป็นสุดยอดแห่งกิเลสตัณหากิเลสตัณหา....คือความเป็นปุถุชนพลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ก็คือ ปุถุชนคนหนึ่ง...หากมีโอกาสที่จะกลับสู่อำนาจอีกครั้ง มีหรือที่จะรั้งรออีกทั้งรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่เป็นผลพวงมาจากการปฏิวัติ..ก็ยังมีองค์คณะอีกมากมายที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาใต้ลายเซ็นของเขา....จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้ามาเก็บเกี่ยวในสิ่งที่ไถหว่านเอาไว้....พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน...เคยกล่าวถึงการปฏิวัติครั้งนั้นว่า....เขาถูกหลอกไม่มีรายละเอียดมากมายว่า ใครเป็น
คนหลอก...และหลอกอย่างไร..แต่ที่ พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน ยังไม่เคยเล่าให้ใครฟังก็คือ....เขาเป็นคนหนึ่งที่ได้รับการทาบทามให้เป็นคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ก่อนที่ สมัคร สุนทรเวชจะได้รับการทาบทาม..ทั้งๆ ที่แน่ใจว่า...หากเขารับในการทาบทามครั้งนั้น...เขาก็จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี....แต่เขาปฏิเสธประเทศจึงมี สมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีมี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี..มีการก่อการร้ายยึดสนามบินและยึดทำเนียบรัฐบาล..ประเทศ
ย่อยยับบรรลัย มาจนเท่าทุกวันนี้บางทีทหารคนหนึ่งผู้ชายคนนี้...อาจจะรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ได้ทำลงไปในระหว่างเป็นผู้บัญชาการทหารบกและอยากจะกลับมาใช้บาปให้กับกรรมที่ได้ก่อขึ้น..เป็นเรื่องดีที่ ฝ่ายประชาธิปไตย..จะได้พวกมากขึ้นในประเทศที่ยังแกว่งไกวอยู่กับประชาธิปไตยอีแอบเป็นเรื่องดีที่..ประชาชนจะมีคนให้เลือกอีกคนหนึ่ง..เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง..