ที่มา บางกอกทูเดย์
ปรากฏการณ์ชุมนุมคนเสื้อแดง สะท้อนชัดเจนว่า ยังมีประชาชนจำนวนมหาศาลที่คิดเช่นนี้แบบนี้จะไม่ให้สะดุ้งได้อย่างไรถึงวันนี้ขั้วอำนาจที่ยึดกุมผลประโยชน์ทางการเมืองอยู่ในเวลานี้คงต้องคิดหนักเพราะนับวันยุทธศาสตร์ของกลุ่มคนเสื้อแดงยิ่งน่าศึกษามากขึ้นทุกที ปรากฏการณ์ “แดงทั่วขุนเขา” ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ได้ทำให้เกิดอาการตกตะลึงพรึงเพริดกันไปทั่วแวดวงการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มขั้วอำนาจทางการเมืองในปัจจุบัน ที่พยายามยึดเหนี่ยวอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมืองเอาไว้ในมือให้นานที่สุดไม่เพียงตกตะลึง แต่เชื่อว่ายังมีอาการหนาวยะเยือกในจิตใจอยู่ลึกๆ อีกด้วยความพยายามในการทำลายล้างคู่แข่งทางการเมือง หรือคนที่ถูกมองว่าจะมาทาบรัศมี มาทำให้สถิติสำคัญต่างๆ แปรเปลี่ยน
ทั้งๆ ที่ใช้กลไกสารพัดที่จะเล่นงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ข้อหาสำคัญ คือ “ความจงรักภักดีต่อสถาบัน”แต่เอาเข้าจริงๆ กลับยังคงมีประชาชนเรือนหมื่นเรือนแสนเรือนล้าน ที่ยังคงไม่เห็นด้วยกับข้อกล่าวหา และการเดินเกมทางการเมืองที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบันยังคงมีการผนึกกำลังรวมตัวกันเพื่อทวงความเป็นประชาธิปไตยอันมีองค์พระมหากษัตริย์เป็นองค์พระประมุขให้กลับมาสู่ปวงชนชาวไทยอย่างเต็มใบด้วยการคืนอำนาจตัดสินใจในการเลือกตั้งใหญ่ให้เกิดขึ้น
โดยเร็วปรากฏการณ์ชุมนุมคนเสื้อแดง สะท้อนชัดเจนว่า ยังมีประชาชนจำนวนมหาศาลที่คิดเช่นนี้แบบนี้จะไม่ให้สะดุ้งได้อย่างไรถึงวันนี้ขั้วอำนาจที่ยึดกุมผลประโยชน์ทางการเมืองอยู่ในเวลานี้คงต้องคิดหนักเพราะนับวันยุทธศาสตร์ของกลุ่มคนเสื้อแดงยิ่งน่าศึกษามากขึ้นทุกทีความล้มเหลวเมื่อครั้งสงกรานต์เลือด ดูเหมือนทำให้คนเสื้อแดงเติบโตมากขึ้น มีการจัดการที่เป็นเกมมากขึ้นสัญญาว่าจะชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ และจะชุมนุมแค่เวลาเท่าไรอย่างไร
สามารถที่จะทำได้อย่างรัดกุม... จนกลายเป็นเสน่ห์ของคนเสื้อแดง ที่กลุ่มการเมืองต่างๆ จะประมาทไม่ได้แล้วก่อนหน้านั้นเสื้อแดงถูกมองว่าใช้ความรุนแรง จนกลายเป็นเหตุให้ประชาชนทั่วไปเดือดร้อน โดยที่ข้ออ้างว่า กลุ่มพันธมิตรและคนเสื้อเหลืองก็ทำในลักษณะเดียวกันใช้ความรุนแรงไม่ต่างกันนั้นไม่สามารถที่จะใช้เป็นข้ออ้างได้ ... เพราะเป็นที่รู้กันว่า กลุ่มพันธมิตรและคนเสื้อเหลือง เป็น “ม็อบมีเส้น”ดังนั้นเมื่อไม่มีเส้น และต้องการทวงคืนความถูกต้องตามระบอบ
ประชาธิปไตยกลุ่มคนเสื้อแดงจึงยิ่งจำเป็นต้องสร้างความถูกต้องขึ้นมาให้ได้เสียก่อนจะใช้ข้ออ้างว่ามีคนทำไม่ถูกก่อน ก็เลยทำไม่ถูกบ้างนั้นไม่ได้แล้ว แต่หากสามารถทำให้เห็นว่า การทวงคืนหรือการแสดงจุดยืนทางประชาธิปไตยโดยใช้สิทธิขั้นพื้นฐานตามระบอบประชาธิปไตยอันมีองค์พระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข และภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญนั้นหากทำได้โดยไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทั่วไปคะแนนและการยอมรับจากประชาชนจะเพิ่มเข้ามาแน่นี่
เองที่ทำให้ทุกฝ่ายทางการเมือง หรือแม้แต่กลุ่มพันธมิตรฯ ต้องหันกลับมาวิเคราะห์วิธีการของคนเสื้อแดงกันใหม่หมดอย่างอุตลุดและปรากฏการณ์ชุมนุมโดยสงบของคนเสื้อแดงที่เขาใหญ่ ได้ทำให้การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรและพรรคการเมืองใหม่ ที่ท้องสนามหลวง ยังจำเป็นต้องหันมาใช้สไตล์เดียวกับคนเสื้อแดง คือไม่กล้ายืดเยื้อ แม้ว่าจะได้รับความลำเอียงอย่างมากจากรัฐบาลที่ไม่มีการประกาศใช้พรบ.ความมั่นคงฯ เข้ามาควบคุมทั้งๆ ที่จัดในท้องสนามหลวง
เหมือนกันเมื่อประชาชนจับตามองอยู่ว่าเป็นม็อบมีเส้น ม็อบที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เกรงใจเป็นอย่างมาก เพราะติดค้างบุญคุณกันอยู่ความระมัดระวังในเรื่อง 2 มาตรฐาน จึงทำให้กลุ่มพันธมิตรฯ ก็ไม่กล้าที่จะแสดงออกที่เกินขอบเขตเหมือนกันนั่นแปลว่าอานิสงส์ของการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ได้ช่วยให้รูปแบบของการเคลื่อนไหวในการแสดงสิทธิ์ หรือเรียกร้องสิทธิทางการเมืองโดยสงบอย่างแท้จริงนั้นเป็นอย่างไรปรากฎการณ์และการกระทำ
ของคนเสื้อแดง เท่ากับเป็นการช่วยให้ดีกรีของความแตกต่างหรือแตกแยกทางความคิดของคนในสังคมลดทอนลงไปเยอะหากทุกสีมีการแสดงออกที่เหมาะสม แสดงพลังเพื่อทวงคืนประชาธิปไตยโดยไม่ก้าวร้าวรุนแรง นี่คือพัฒนาการทางการเมืองของสังคมไทยที่จะต้องจับตามองเป็นอย่างยิ่งต่อไปเมื่อทุกอย่างลดดีกรีลง คนในครอบครัวเดียวกันที่เคยโทษกันว่า สีเหลืองก้าวร้าวรุนแรง ในขณะที่อีกฝ่ายก็ว่าสีแดงก็รุนแรงเหมือนกัน อาจจะต้องหันกลับมาจูบปากกันได้ว่า
จริงๆ แล้วสุดท้ายไม่ว่าแดงไม่ว่าเหลือง ก็รักและเทิดทูนสถาบันเหมือนกัน และต้องการประชาธิปไตยที่แท้จริงเหมือนกัน เพียงแต่ที่ผ่านมาอาจจะมองต่างมุมกันมากเกินไปหากอนาคตคลี่คลายลงได้เรื่อยๆ กลุ่มอำมาตยาธิปไตย และพรรคการเมือง ก๊วนการเมือง ที่คอยฉกฉวยสถานการณ์เพื่อสร้งอิทธิพลและความเติบใหญ่ หวังจะฮุบผลประโยชน์ทางการเมืองเอาไว้ในกำมือก็ต้องหนาวยะเยือกด้วยเช่นกันปัญหาก็คือ กลุ่มคนเสื้อแดง โดยเฉพาะบรรดาแกนนำทั้งหลาย จะ
ต้องรักษามาตรฐานในการแสดงพลังเช่นครั้งที่ผ่านมาเอาไว้ให้ได้ถ้ารายการตีสิบ มีมาตรฐานดันดารา จนทำให้ อี๊ด โปงลางสะออน กลายเป็นเศรษฐีใหม่ได้กลุ่มคนเสื้อแดงก็จะต้องมีมาตรฐานรวมพลคนเสื้อแดง ที่ทำให้สังคมยอมรับการแสดงออกทางประชาธิปไตยโดยสงบและปราศจากอาวุธให้ได้เช่นกันฤา... อธรรมจะอ่อนแรง และประชาธิปไตยที่แท้จริงกำลังจะอยู่ไม่ไกลแล้วเดินพันครั้งนี้สูงลิ่วจริงๆ...
ดีเดย์‘กองทัพแดง’
ความหวาดกลัวของ “ผู้มีอำนาจ” ในสิ่งที่กระทำการไม่ถูกต้อง “ปล้นประชาธิปไตย” ในเวลานี้คืออะไร? 19 กันยา เป็นวันที่ประชาธิปไตยถูกทำลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า...19 กันยา เป็นวันที่เปิดหูเปิดตา นักประชาธิปไตย...19 กันยา เป็นวันที่เปิดหน้าจอมบงการถึงวันนี้เป็น “พลังของประชาชน” เท่านั้น! ที่ต้องเลือกในการเป็น “วิศวกร” ผู้สร้าง “ประเทศชาติ” ที่ผ่านมา...ประชาชนบางคนยังลืมเรื่องราวเจ็บปวดต่างๆ ไม่ลง...บางคนก็ปลงกับชีวิต...บางคนก็คิดสู้ไม่เลิกลา...เพื่อแสดงออกให้ “ผู้มีอำนาจ” ได้รับรู้ว่ายังมีคนไทยส่วนหนึ่งที่ไม่มีวันยอมรับ และพร้อมต่อสู้จนได้ประชาธิปไตยกลับคืนมาโดยกลุ่ม “คนเสื้อ
แดง” มีกำหนดการเคลื่อนไหวชุมนุมใหญ่กดดันรัฐบาลดีเดย์ในวันที่ 29 พ.ย.52 ซึ่งว่ากันว่าจะมีการร่วมทัพของไพร่พลประชาชนมากที่สุดใน “ประวัติศาสตร์คือ ประมาณ 1,000,000 คนตามยุทธศาตร์การรบที่ว่า “เมื่อรู้สนามรบ รู้วันเวลารบ ก็ออกรบได้ไกลพันลี้”แต่ทว่า “อนาคต” เป็นสิ่งที่มิอาจก้าวเอื้อม...ไม่มีใครรู้ว่าการชุมนุมในวันนั้นจะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมได้ตามเป้าหรือไม่ หรือยุทธศาสตร์ที่วางไว้จะประสบผลสำเร็จเพียงใดเป็นสิ่งที่ไม่มีใครล่วงรู้...อยู่ที่ตัวทำ!แต่นี่แหละ
คือ “ความหวาดกลัว” ที่ว่าของเหล่าผู้มีอำนาจ...ที่คิดปล้นประชาธิปไตย...แต่กลับอ้างถึงความเป็นประชาธิปไตยเพราะไม่มีการปกครองใดอยู่ได้ยืนยาวด้วยการสร้าง “ความหวาดกลัว” โดยเฉพาะการสร้างความหวาดกลัวมักเป็นวิธีบั้นปลายของ “ผู้มีอำนาจ”ทุกอย่างมันกำลังไหลไปตามธรรมชาติ...สักวันหนึ่งสิ่งชั่วร้ายเหล่านั้นจะกลับมาเป็น “ศรย้อน” ที่มาทิ่มแทงทำร้ายตัวพวกท่านเองไม่เชื่อก็ลองดู!